3 จุดขาย ปั้นร้านให้เป็นจุดหมาย (Food Destination) - Amarin Academy

3 จุดขาย ปั้นร้านให้เป็นจุดหมาย (Food Destination)

3 จุดขาย ปั้นร้านให้เป็นจุดหมาย (Food Destination)

ไม่ว่าคุณจะทำธุรกิจอาหารประเภทใด คุณ (อาจ) ไม่ใช่คนเดียวที่กำลังทำธุรกิจนั้นๆ อยู่ แล้วคุณจะหา จุดขาย ให้ร้านของคุณแตกต่างจากร้านอาหารของเจ้าอื่นได้อย่างไร วันนี้เราเอาจุดขาย 3 ข้อที่จะช่วยปั้นร้านของคุณให้เป็นร้านจุดหมาย (Food Destination) มาเป็นไอเดียในการทำธุรกิจร้านอาหารของคุณแล้ว

คอนเซ็ปต์:

ก่อนจะลงมือทำร้านอาหารจริงคุณจำเป็นต้องมีภาพของร้านที่ชัดเจนอยู่ในใจ เพื่อใช้คอนเซ็ปต์นั้นเป็นแนวทางในการกำหนดทิศทางของการทำร้าน อย่างร้าน QQ Dessert ร้านขนมหวานสไตล์ไต้หวัน ที่มุ่งมั่นจะทำขนมหวานเพื่อสุขภาพ ทุกคนกินได้โดยไม่รู้สึกผิดกับตัวเอง ทำให้ทุกเมนูของร้านประกอบไปด้วยวัตถุดิบที่สดใหม่ รวมถึงขนมที่มีรสชาติหวานน้อยเพื่อเอาใจคนรักสุขภาพ QQ Dessert จึงกลายเป็นร้านที่ครองใจคนทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ก็สามารถกินขนมหวานของร้านนี้ได้แบบไม่อึดอัดใจ

ส่วนร้านศรีตราด ร้านอาหารพื้นบ้านที่นำเสนอเมนูอาหารจากภาคตะวันออก อยากทำร้านที่ให้ความรู้สึกเหมือนมานั่งกินข้าวบ้านเพื่อน ทางคุณแอ๊ค – วงศ์วิชญ์ ศรีภิญโญและคุณตั้ม – นนทวรรณ จิตวัฒนากร เจ้าของร้าน จึงนำเอาคอนเซ็ปต์มาเป็นตัวกำหนดย่านทำเลที่ตั้ง

เจ้าของร้านกำหนดประเภทของร้านอาหารให้เป็นแบบ Casual Dining ที่ให้ความรู้สึกเหมือนกินข้าวอยู่ที่บ้าน ร้านจึงต้องเป็น Stand alone เท่านั้น แต่ก็ต้องเข้าถึงได้ง่ายเช่นกัน ย่านสุขุมวิทจึงเป็นตัวเลือกแรกๆ โดยมองหาเฉพาะซอยฝั่งเลขคี่ เพราะเป็นย่านที่พักอาศัย หากทำร้านอาหารก็จะได้อารมณ์และบรรยากาศเหมือนมาเยี่ยมเพื่อนที่บ้านจริงๆ

รสชาติและเมนู:

ปัจจัยหลักที่ทำให้คนยอมขับรถไกลๆ เพื่อไปกินอาหารที่ร้านนั้นให้ได้ แม้ว่าจะต้องต่อคิวรอเป็นครึ่งค่อนชั่วโมง หรือหาที่จอดรถก็แสนจะลำบาก ดังนั้นรสชาติของอาหารคือกุญแจหลักและใบเบิกทางในการทำให้ร้านของคุณเป็นร้านจุดหมาย โดยเมนูเด็ดของทางร้านไม่จำเป็นต้องมีความซับซ้อน แต่ส่วนสำคัญอยู่ที่รสชาติต้องมีความเป็นเอกลักษณ์และหากินไม่ได้จากที่ไหน

เช่น ร้านเจ๊โอวกับเมนูมาม่าต้มยำรอบดึก, ขนมปังเจ้าอร่อยเด็ดเยาวราช ที่ผ่านไปกี่ครั้งก็เห็นคนยืนอออยู่เต็มหน้าร้านเสมอ, ร้านโอ้กะจู๋ ร้านสลัดผักปลอดสารพิษจากเชียงใหม่ ที่ขยายสาขามาสู่เมืองกรุง (เทพฯ) ก็ยังมีกระแสตอบรับที่ดี ด้วยคอนเซ็ปต์ “ปลูกผัก เพราะรักแม่” แสดงให้เห็นถึงคุณภาพของวัตถุดิบและความปลอดภัยของอาหารมื้อนั้นว่า หากกินแล้วต้องดีต่อสุขภาพอย่างแน่นอน

 

เรื่องราว:

การถ่ายทอดเรื่องราวจากความรู้สึก หรือประสบการณ์ของเจ้าของร้าน ก็ทำให้ร้านอาหารนั้นๆ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีจุดขาย ที่ยากจะหาใครมาเลียนแบบได้ เรื่องราวนั้นมีได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นตัวตน แนวความคิด รวมไปถึงการสร้างเรื่องเล่า เพื่อให้คนอื่นได้มองเห็นและรับรู้ตัวตนของคุณได้ เช่น ร้านศรีตราด เลือกที่จะเล่าเรื่องของตัวเองผ่านผู้หญิงที่ชื่อศรีตราด ผู้มีความรู้สึกว่าตัวเองรู้จักปรุงอาหารจากสมบัติในป่าที่มี รู้จักทำของอร่อยจากทะเล… แต่ทำไมคนอื่นถึงไม่รู้จักเธอ แล้วจะทำอย่างไรให้คนรู้จักเธอได้ ดังนั้นศรีตราดจึงเล่าเรื่องของตัวเองและวัฒนธรรมของภาคตะวันออกผ่านอาหารที่ปรุงด้วยความใส่ใจ นอกจากนี้เรื่องราวยังเป็นตัวกำหนดองค์ประกอบต่างๆ ภายในร้าน ไม่ว่าจะเป็นธีมสีของร้าน รูปแบบของเฟอร์นิเจอร์ เพลงที่เปิดในแต่ละช่วงเวลา ฯลฯ

จุดขายข้างต้นเจ้าของร้านอาจไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศให้ใครรู้ แต่เมื่อลูกค้าได้มาสัมผัสพวกเขาจะรับรู้และรู้สึกได้เอง และยิ่งแบรนด์ของคุณมีเอกลักษณ์มากเท่าไหร่ ก็ยากต่อการเลียนแบบมากขึ้นเท่านั้น

 

อ่านต่อบทความที่น่าสนใจ

สำรวจตัวเองให้พร้อม ก่อนตัดสินใจ เปิดร้านอาหารในศูนย์การค้า

รวมเรื่องเข้าใจผิด! เกี่ยวกับการเปิดร้านในศูนย์การค้า

ดังกิ้น โดนัท ทุ่ม 10 ล้าน ลุย Food Truck เข้าหาลูกค้าถึงที่

ฟู้ดแพชชั่น ผนึก 3 พันธมิตร ลดใช้พลาสติก Single-use plastic

CRG ผุดแบรนด์ “ อร่อยดี ” เจาะตลาดสตรีทฟู้ด ทำรายได้แล้วกว่า 1.2 ล้านบาท/สาขา

10 ขั้นตอน ขายอาหารในศูนย์การค้า ต้องเริ่มอย่างไร?

รวม ธุรกิจอาหารขายดี ในศูนย์การค้า ที่น่าจับตามอง

รวม ข้อดีของการเปิดร้านอาหารในศูนย์การค้า ที่คุณคาดไม่ถึง!

 

เรื่องแนะนำ

เปิดร้านออนไลน์

เปิดร้านออนไลน์ รู้ผิวๆ มีสิทธิ์ปิ๋ว ได้ง่ายๆ

การทำธุรกิจผ่านช่องทางออนไลน์ ไม่ใช่เรื่องง่าย หากไม่ศึกษาให้รอบคอบก็อาจไม่ประสบความสำเร็จ เราจึงขอรวบรวมสิ่งที่ควรรู้ก่อน เปิดร้านออนไลน์ มาให้ทุกคนทราบกัน

Hyper-Personalization

อ่านใจลูกค้าออก บริการได้ตรงใจ ด้วยการตลาดแบบ Hyper-Personalization

อ่านใจลูกค้าออก บริการได้ตรงใจ ด้วยการตลาดแบบ Hyper-Personalization อยากมัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด ก็ต้องอ่านใจลูกค้าให้ออก.. ทุกวันนี้เราอยู่ในยุคที่ผู้บริโภคอยากรู้ทุกอย่าง และสามารถเข้าถึงข้อมูลทุกเรื่องได้ด้วยปลายนิ้ว ฉะนั้นการทำการตลาดแบบเดิมๆ อาจไม่ได้ผลอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการจำชื่อลูกค้า, ส่งข้อความ หรืออีเมล์ไปอวยพรวันเกิด พร้อมส่วนลดต่างๆ ซึ่งวิธีเหล่านี้กำลังจะกลายมาเป็นเพียงข้อมูลพื้นฐานสำหรับการทำการตลาดเท่านั้น ดังนั้นธุรกิจร้านอาหารหรือแบรนด์ที่จะสะกิดใจคนได้ ต้องเป็นแบรนด์ที่รู้จักและรู้ใจลูกค้า ด้วยการทำการตลาดแบบ Hyper-Personalization ซึ่งเป็นการตลาดที่เข้าถึงตัวบุคคลมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่ตรงใจลูกค้ามากกว่าที่เคย อย่าปล่อยให้เสียเวลาเปล่า เจ้าของธุรกิจทั้งหลายต้องรีบทำความเข้าใจ เรียนรู้ และปรับตัว รวมถึงเปลี่ยนรูปแบบวิธีการทำงานให้เข้ากับสถานการณ์ แล้วจะช่วยให้ลูกค้าเดินเข้าร้านได้อย่างยิ้มแย้มและเต็มใจ หัวใจของ Hyper Personalization อยู่ที่ “Big Data” ก่อนอื่นต้องอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ก่อนว่าการตลาดแบบ Hyper Personalization เป็นการนำ Big Data แบบเรียลไทม์มาใช้ในการคาดเดาความต้องการของผู้บริโภค ไม่ใช่แค่ข้อมูลจากประวัติการสั่งซื้อทั่วไป แต่เป็นการเอาข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์ออกมาเป็นพฤติกรรมการซื้อ เพื่อให้สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ว่าลูกค้าคนนี้อยากจะซื้อกับเราครั้งถัดไปเมื่อไหร่ หรือจะกระตุ้นเขาให้ซื้อได้ด้วยวิธีไหน ซึ่ง Big Data คือการนำข้อมูลรอบๆ ตัว จากหลายๆ ส่วนมาประมวล วิเคราะห์ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อ  จึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเจ้าของร้านอาหาร ที่จะนำมาวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมลูกค้า […]

สร้าง Content ว้าว! จนลูกค้ามาต่อคิว

 ในการทำการตลาดออนไลน์หรือ Digital Marketing ในยุคปัจจุบันนี้ เจ้าของธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มส่วนใหญ่จะไปโฟกัสแต่เครื่องมือ โฟกัสแต่เคล็ดลับเทคนิคต่างๆ ในการซื้อโฆษณา

Follow Me

Contact

เว็บไซต์ : amarinacademy.com
บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน)
Tel : 02-422-9999 ต่อ 4662 หรือ 4669, 092-254-0742
Email : amarin.academy@gmail.com

สนใจลงโฆษณากับเว็บไซต์ Amarin Academy
Tel. 081-664-0666, 091-729-8060
E-mail : sineenart_ya@amarin.co.th

© COPYRIGHT 2023 AMARIN PRINTING AND PUBLISHING PUBLIC COMPANY LIMITED.