6 ปัญหาที่ต้องระวัง เมื่อนำ ร้านอาหารเข้าระบบเดลิเวอรี - Amarin Academy

6 ปัญหาที่ต้องระวัง เมื่อนำ ร้านอาหารเข้าระบบเดลิเวอรี

        การจะนำ ร้านอาหารเข้าระบบเดลิเวอรี เป็นทางเลือกกึ่งบังคับของผู้ประกอบการหลายๆท่าน ในช่วงที่มีการ Shutdown กรุงเทพฯ รวมถึงอีกหลายจังหวัดจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 การปรับตัวเข้าสู่ระบบเดลิเวอรี จึงเป็นการเพิ่มโอกาสทำยอดขายทางออนไลน์ เพื่อชดเชยกับยอดขายหน้าร้านที่ลดลง รวมถึงเป็นการเพิ่มช่องทางในการขายใหม่ๆให้กับลูกค้า แต่ระบบนี้ก็ไม่ได้มีแต่ข้อดีเสมอไป ลองมาดูปัญหาที่ผู้ประกอบการควรระวังเพื่อไม่ให้ร้านขาดทุน!! หากต้องนำร้านอาหารเข้าร่วมให้บริการเดลิเวอรี

6 ปัญหาที่ต้องระวัง 

เมื่อนำ ร้านอาหารเข้าระบบเดลิเวอรี

ร้านอาหารเข้าระบบเดลิเวอรี
1. ไม่สามารถรักษาคุณภาพและรสชาติของอาหารได้

        การส่งอาหารผ่านระบบเดลิเวอรี จะต้องมีการควบคุมมาตรฐานของอาหาร โดยกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่าอาหารจะต้องปรุงสุกใหม่ เนื้อสัตว์ควรผ่านกระบวนการทำอาหารที่อุณหภูมิมากกว่า 70 องศาเซลเซียส และหลีกเลี่ยงการจำหน่ายอาหารประเภทเนื้อสัตว์ที่ปรุงไม่สุกเพื่อป้องกันการปนเปื้อนในอาหาร

        นอกจากนี้ ผู้ประกอบการอาจจะต้องเจอกับปัญหารสชาติและคุณภาพของอาหารที่ด้อยลง ซึ่งมีสาเหตุได้จากหลายปัจจัย เช่น เกิดจากระยะเวลาในการจัดส่งที่ล่าช้า หรือการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมกับชนิดของอาหาร เช่น อาหารทอด เมื่อนำบรรจุลงกล่องที่ปิดมิดชิด จะทำให้เกิดไอน้ำควบแน่นอยู่ที่ฝากล่อง และเกิดความชื้นทำให้อาหารนั้นไม่กรอบ รสชาติและสัมผัสของอาหารจึงไม่เหมือนเดิม ทางร้านควรมีแนวทางการแก้ไข โดยอาจจะเลือกใช้กล่องที่มีรูระบายความร้อน เพื่อไม่ให้มีความชื้นสะสมจนกระทบถึงคุณภาพอาหาร

        ร้านอาหารที่อยู่ในระบบเดลิเวอรี เมื่อมีอาหารที่ถูกส่งออกไปมีปัญหา ลูกค้าอาจจะไม่มีช่องทางในการบอกถึงเจ้าของร้านโดยตรง ส่วนใหญ่ก็เลือกให้คะแนนของร้านต่ำ หรือก็แค่เลือกที่จะไม่สั่งอาหารจากร้านนั้นอีก ผู้ประกอบการจึงควรใส่ใจ ป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น และหาวิธีในการรักษามาตรฐานของรสชาติอาหารไว้ให้ได้

2. ต้นทุนสูง-กำไรหด

        การนำ ร้านอาหารเข้าระบบเดลิเวอรี ทำให้ต้นทุนของร้านอาหารเพิ่มขึ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม สำหรับร้านที่เลือกเข้าร่วมกับแอปพลิเคชัน Food Delivery ต่างๆ ต้นทุนที่เห็นได้ชัดเจนคือค่า Gross Profit (GP) หรือส่วนแบ่งจากการขายที่จะต้องจ่ายให้กับทางแอปพลิเคชันที่เข้าร่วม ซึ่งคิดประมาณ 25 – 35% และยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 7% ถือเป็นสัดส่วนที่สูงมาก หรือร้านที่เลือกจะทำเดลิเวอรีด้วยตัวเองก็ต้องมีค่าจ้างพนักงานส่งของและค่าการตลาดเพิ่มขึ้นมาเช่นกัน รวมถึงต้นทุนค่าบรรจุภัณฑ์อาหารด้วย 

        ส่วนต้นทุนแฝงที่เพิ่มขึ้นนั้น อาจจะเกิดจากงบการตลาดที่เปลี่ยนไป เพราะแอปพลิเคชัน Food Delivery ส่วนใหญ่จะมีเงื่อนไขการโฆษณา หรือการจัดโปรโมชันกับร้านอาหาร ซึ่งหากไม่เข้าร่วมอาจจะทำให้ยอดขายไม่ดีเท่าที่ควร หรือต้นทุนแฝงอาจจะเกิดจากตัวร้านอาหารเอง เช่น มีระบบบริหารจัดการไม่ดี ทำให้การจัดซื้อวัตถุดิบไม่เหมาะสม หรือขั้นตอนการทำงานระหว่างพนักงานหน้าร้านและหลังร้านที่ไม่ประสานกัน ดังนั้นควรมีการวางแผนและทดสอบระบบ เพื่อลดปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น

ร้านอาหารเข้าระบบเดลิเวอรี่

3. เมนูที่ไม่เหมาะสมต้องตัดทิ้งไป 

        การส่งแบบเดลิเวอรีไม่ได้เหมาะกับเมนูอาหารทุกชนิดในร้าน เพราะเมนูที่มีต้นทุนวัตถุดิบสูง จะทำให้ได้กำไรน้อย แต่ค่าบริการ ค่าบรรจุภัณฑ์ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ยังคงเท่าเดิม หากไม่มีการบริหารต้นทุนที่ดี อาจจะทำให้ขายแล้วขาดทุนเข้าไปอีก รวมถึงบางเมนูที่ขนส่งถึงมือลูกค้าแล้วไม่เหมือนการทานที่ร้าน ไม่สามารถรักษาสภาพอาหาร หน้าตา รสชาติเอาไว้ได้ ก็ไม่ควรใส่ลงไปในเมนูเดลิเวอรี โดยสรุปคือ ผู้ประกอบการควรเลือกเมนูอาหารที่ได้กำไรสูง และรักษาคุณภาพอาหารไว้ได้เข้าไปในระบบเดลิเวอร

4. ปัญหาจากพนักงานจัดส่งอาหาร

        เนื่องจากค่า GP ที่ต้องแบ่งให้กับผู้ให้บริการระบบเดลิเวอรี บางร้านจึงอาจจะขาดทุนถ้าขายในราคาเดิม ทำให้จำเป็นต้องปรับขึ้นราคาอาหารในแอปพลิเคชันให้สูงกว่าราคาขายหน้าร้าน แต่มีพนักงานขนส่งบางบริษัทที่ไม่ได้ใส่ชุดพนักงานตอนที่มาซื้ออาหาร และไม่แจ้งว่ามาจากแอปพลิเคชันเดลิเวอรี ทำให้ร้านต้องแบกรับค่าส่วนต่างระหว่างราคาหน้าร้านและราคาในระบบเอง 

        บางครั้งก็มีรายงานปัญหาที่บางแอปพลิเคชันปรับค่า GP สูงขึ้น โดยที่ไม่ได้แจ้งกับทางร้านก่อนล่วงหน้า ผู้ประกอบการควรศึกษารายละเอียดให้ถี่ถ้วน และลองดูปัญหาที่เกิดกับร้านอาหารอื่นๆ ก่อนจะเลือกใช้บริการ

5. การทำบัญชีที่วุ่นวายมากขึ้น

        การจัดทำบัญชีสำคัญมากในธุรกิจทุกประเภท เพราะจะช่วยให้ผู้ประกอบการทราบถึงฐานะทางการเงิน และผลการดำเนินงานของธุรกิจ ร้านอาหารไหนที่มีระบบ POS ช่วยในการบันทึกข้อมูลการซื้อ-ขายและออเดอร์ของลูกค้าก็จะสะดวกต่อการทำบัญชีขึ้นมาก เพราะไม่ต้องมาบันทึกรายการสั่งซื้อจำนวนมากด้วยตัวเอง รวมถึงการมีช่องทางการชำระเงินชนิดต่างๆ ทั้งเงินสด ตัดผ่านบัตรเครดิต หรือการโอนเงินจากแอปพลิเคชัน 

        ปัญหาที่จะเกิดขึ้นเมื่อนำร้านอาหารเข้าระบบเดลิเวอรี คือการรายงานยอดขายที่ไม่ตรงกันระหว่างผู้ให้บริการและร้านอาหาร ทำให้ยอดค่าคอมมิชชั่นไม่ตรงกัน ร้านอาหารจึงต้องเสียเวลาไปกับการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลัง ในกรณีของร้านอาหารขนาดเล็กที่ไม่มีการเก็บบันทึกข้อมูลการเงินอย่างเป็นระบบ ก็อาจจะไม่สามารถตรวจสอบความถูกต้องได้เลย 

        อีกประเด็นหนึ่งที่ต้องวางแผนรับมือ คือในกรณีที่ลูกค้าชำระเงินด้วยช่องทางอื่นที่ไม่ใช่เงินสด ผู้ให้บริการจะมีระยะเวลาในการจ่ายเงินให้กับร้านตามรอบ ซึ่งร้านจะได้รับเงินภายในเวลาประมาณ 1 เดือน หรืออาจจะเร็วหรือช้ากว่านั้นตามเกณฑ์ของผู้ให้บริการ ดังนั้น ก่อนจะเข้าร่วมให้บริการในระบบเดลิเวอรี ผู้ประกอบการจำเป็นต้องเข้าใจระบบบัญชีของร้าน ศึกษาระเบียบกฎเกณฑ์ของผู้ให้บริการ เพื่อจะวางแผนและกำหนดกลยุทธ์ในการทำธุรกิจได้อย่างเหมาะสมต่อไป
 ร้านอาหารเข้าระบบเดลิเวอรี่

6. ภาพอาหารไม่สวย ลูกค้าไม่ซื้อ

        ร้านอาหารบางร้านอาจจะไม่เคยมีถ่ายภาพอาหารเพื่อทำการตลาดมาก่อน แต่ภาพอาหารนี้จำเป็นมากในการขายทางเดลิเวอรี เพราะลูกค้าน้อยรายที่จะกล้าตัดสินใจสั่งอาหารที่ไม่เคยเห็นหน้าตามาก่อน ไม่รู้ว่าคุ้มค่าที่จะสั่งหรือไม่ การถ่ายภาพอาหารให้สวยงามน่ารับประทาน จึงเป็นการดึงดูดลูกค้าได้อีกทางหนึ่ง 

        ซึ่งเราสามารถทำได้โดยไม่ต้องมีอุปกรณ์หรูหรามากนัก ใช้แค่โทรศัพท์มือถือที่สามารถถ่ายรูปได้ชัดเจน จัดจานอาหารให้สวยงาม ใช้สีสันที่ตัดกันในจาน ถ่ายด้วยแสงธรรมชาติที่สว่างเพียงพอ เช่น ตรงโต๊ะริมหน้าต่าง อาจจะหาอุปกรณ์ประกอบฉากที่ช่วยให้รูปดูสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น หรือใช้เทคนิคอื่นๆ ที่ช่วยถ่ายภาพอาหารให้น่ากินยิ่งขึ้นได้

        แน่นอนว่าปัญหากับร้านอาหารเป็นเรื่องธรรมดาที่เจ้าของร้านต้องเจอ ดังนั้นการนำ ร้านอาหารเข้าระบบเดลิเวอรี ผู้ประกอบการก็ควรมีสติ และเตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งต่างๆ อยู่เสมอ การวางแผนที่ดีก็จะช่วยลดปัญหาไปได้ ข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นก็เรียนรู้ไว้เป็นประสบการณ์  อดทนและก้าวต่อไปนะครับ

เรื่องแนะนำ

จ้างเชฟ

4 สิ่งที่ควรเช็ค ก่อนตัดสินใจ จ้างเชฟ

ก่อนเปิดร้านสิ่งที่เราต้องคิดให้หนัก คือการ จ้างเชฟ เพราะตำแหน่งนี้คือ คนสำคัญที่จะสร้างมาตรฐาน ให้ร้านอาหาร มาดูกันดีกว่าว่า ก่อนจ้างเชฟเราต้องเช็คอะไรบ้าง

เจาะกลุ่มลูกค้า

เจาะกลุ่มลูกค้า ร้านอาหาร บริการให้ตรงใจ ❤︎

ในยุคที่ธุรกิจร้านอาหารมีการแข่งขันสูง ทางร้านย่อมจะต้องหาวิธีดึงดูดและจูงใจลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการ แต่ผู้บริโภคแต่ละกลุ่มมีความต้องการที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้น การทำความเข้าใจลูกค้าแต่ละกลุ่มจึงเป็นเรื่องสำคัญ ที่จะช่วยให้พนักงานบริการลูกค้าที่ต่างกันอย่างเหมาะสม ทำให้ได้รับประสบการณ์ที่ดีจากร้าน ในบทความนี้เราจึง เจาะกลุ่มลูกค้า แต่ละแบบในร้านอาหาร เพื่อแนะนำแนวทางในการบริการให้เหมาะสม และเพิ่มโอกาสในการขายของร้านอาหารครับ เจาะกลุ่มลูกค้า ในร้านอาหาร บริการให้ตรงใจ 1. ลูกค้าที่มาเป็นคู่ ลูกค้าที่มากันสองคนหรือเป็นคู่รัก มักจะต้องการใช้เวลาด้วยกันมากกว่าต้องการให้พนักงานบริการเพิ่มเติม ดังนั้น พนักงานควรจะเลือกที่นั่งที่ให้ความรู้สึกค่อนข้างส่วนตัว เช่น โต๊ะที่อยู่ด้านในของร้าน หรือโต๊ะที่ห่างออกไปจากกลุ่มลูกค้าที่มาด้วยกัน เพื่อลดเสียงรบกวน หลังจากลูกค้าสั่งอาหารแล้วก็คอยสังเกตห่างๆ ว่าลูกค้าต้องการบริการใดเพิ่มเติมแล้วค่อยเข้าไปบริการ โดยเมื่อลูกค้ารับประทานอาหารหลักใกล้เสร็จ อาจจะขออนุญาตเข้าไปเก็บจานที่ไม่ใช้แล้ว พร้อมกับแนะนำเมนูของหวานเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มยอดขายให้กับร้านอาหารได้ 2. กลุ่มคนทำงาน พนักงานออฟฟิศ สำหรับร้านที่อยู่บริเวณที่ทำงานในเมือง พนักงานออฟฟิศคงเป็นกลุ่มลูกค้าหลักในร้าน  ส่วนใหญ่จะมาในเวลาพักกลางวัน หรือหลังเลิกงานในตอนเย็น จากเวลาพักที่ใกล้เคียงกันของพนักงานออฟฟิศ ทำให้ร้านอาหารต้องบริหารจัดการโต๊ะให้ดีเพื่อเพิ่มจำนวนลูกค้าต่อวันให้มากขึ้น และหาวิธีทำงานที่รวดเร็วขึ้น เช่น อาจจะปรุงวัตถุดิบบางส่วนล่วงหน้าไว้ เพื่อลดระยะเวลาการทำอาหาร หรือมีกระดาษให้เลือกเมนูอยู่ที่โต๊ะเพื่อลดภาระของพนักงาน ลูกค้ากลุ่มนี้มักจะมาเป็นกลุ่มย่อยๆ ประมาณ 3-4 คน โดยสั่งอาหารจานหลักคนละจาน และอาจจะสั่งเมนูอื่นๆ มาแชร์กัน พนักงานอาจจะแนะนำเมนูทานเล่นอื่นๆ ที่มีขายภายในร้านนอกเหนือจากอาหารจานหลัก เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าอยากสั่ง […]

เทคนิค การบริหารร้าน ให้รุ่ง เจ้าของร้านควรโฟกัสเรื่องอะไรบ้าง

ไม่ว่าจะเปิดร้านอะไร แน่นอนว่า คุณย่อมหวังให้ธุรกิจของคุณไปได้ด้วยดี มีกำไร แต่การที่จะทำให้ร้านขายดี ทำกำไรได้นั้น ก็ต้องมี การบริหารร้าน ที่ดีด้วย ซึ่งเจ้าของร้านควรโฟกัสที่ในเรื่องอะไรบ้าง มาดูกันครับ เทคนิคการบริหารร้านให้รุ่ง เจ้าของร้านควรโฟกัสเรื่องอะไรบ้าง กำหนดทิศทาง ตั้งเป้าหมายให้ดี ธุรกิจร้านอาหารเป็นธุรกิจที่จะต้องมีการวางแผนเพื่อเติบโตในแต่ละปี เจ้าของร้านอาหารควรมีความชัดเจนในการกำหนดเป้าหมายอย่างเป็นรูปธรรม ให้ทิศทางการดำเนินงานที่ชัดเจน และสามารถสื่อสารความตั้งใจนั้นไปสู่ทีมงานร้านอาหารทุกฝ่ายได้  เช่น ตั้งใจให้เป็นร้านไก่ทอดที่ชนะร้านไก่ทอดชื่อดังภายใน 5  ปี โดยการขยายสาขาให้มากที่สุด  หรือเป็นร้านผักออแกนิกส์อันดับ 1 ที่มีกลยุทธ์จับมือกับพันธมิตรผู้ให้บริการฟิตเนส  การโฟกัสกับ  “การสร้างภาพความสำเร็จขึ้นในใจของทีมงาน เพื่อให้เขาเป็นส่วนหนึ่งในการที่จะสร้างความสำเร็จนั้น” เป็นสิ่งสำคัญ ก่อนที่จะกำหนดแผนงานเพื่อให้แต่ละฝ่ายรับผิดชอบตามบทบาทหน้าที่ของตัวเอง และคอยตรวจสอบแผนงานนั้นอยู่เสมอ มองหาโอกาส เพื่อวางแผนการเติบโต             ร้านอาหารไม่ใช่การซื้อมาขายไป แต่การทำธุรกิจร้านอาหารให้อยู่รอด ต้องมองหาช่องทางในการเติบโต ธุรกิจร้านอาหารต้องมีการปรับตัวตลอดเวลา เนื่องจากมีปัจจัยต่างๆที่ส่งผลต่อยอดขาย ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยภายนอกจากสภาวะการแข่งขัน หรือปัจจัยภายในที่เกิดจากการดำเนินงานของร้านเอง เจ้าของร้านอาหารที่ดีจึงควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาร้านอาหาร ตรวจสอบข้อผิดพลาดเพื่อแก้ไขจุดบกพร่อง ทำการบ้านเรื่องคู่แข่งอยู่ทุกวัน ในขณะเดียวกันก็มองหาโอกาสในการที่จะพัฒนาร้านให้พร้อมต่อการเติบโตในอนาคต วางแผนการเติบโตของพนักงานแต่ละฝ่าย             พนักงานร้านอาหารไม่ใช่ต้นทุน แต่เป็นทรัพยากรที่จำเป็นจะต้องส่งเสริมให้สามารถทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพมากที่สุด เพื่อให้พนักงานสามารถไปดูแลลูกค้าให้ดี สมกับที่นำรายได้มาให้เรา เจ้าของร้านอาหารนอกจากจะต้องรับรู้หน้าที่ของพนักงานแต่ละคนแล้ว ยังต้องวางแผนในการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาและเติบโตในสายงาน […]

เปิดร้านอาหารวันแรก

เปิดร้านอาหารวันแรก ต้องเจอปัญหาอะไรบ้าง

เปิดร้านอาหารวันแรก หลายคนคงตื่นเต้นและดีใจที่ความฝันของตัวเองสำเร็จสักที แต่อย่าเพิ่งดีใจจนเกินไป เพราะบางครั้งวันแรกก็ไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด

Follow Me

Contact

เว็บไซต์ : amarinacademy.com
บริษัท อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน)
Tel : 02-422-9999 ต่อ 4662 หรือ 4669, 092-254-0742
Email : amarin.academy@gmail.com

ติดต่อแจ้งปัญหาหรือร้องเรียน
02-422-9999 ต่อ 4180
(จันทร์ – ศุกร์ เวลา 09.00 – 18.00 น)
bdcx@amarin.co.th

สนใจลงโฆษณากับเว็บไซต์ Amarin Academy
Tel. 081-664-0666, 091-729-8060
E-mail : sineenart_ya@amarin.co.th

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.