เทคนิค ถ่ายภาพสินค้าให้สวย (ด้วยมือถือ) ช่วยเพิ่มยอดขาย - Amarin Academy

เทคนิค ถ่ายภาพสินค้าให้สวย (ด้วยมือถือ) ช่วยเพิ่มยอดขาย

เทคนิค ถ่ายภาพสินค้าให้สวย (ด้วยมือถือ) ช่วยเพิ่มยอดขาย

ระหว่างที่คุณกำลังนั่งเล่น Facebook, IG, Twitter ฯลฯ  พลันสายตาก็ไปสะดุดเข้ากับภาพอาหาร ที่ดูน่ากินดีเหลือเกิน เลยอดที่จะกดเข้าไปอ่านรายละเอียดไม่ได้ เผลอๆ ถ้าร้านนี้ตั้งอยู่ใกล้ๆ ที่ทำงานจะได้ชวนเพื่อนไปจัดกันเย็นนี้เสียเลย เพราะ “ภาพ” ภาพเดียวแท้ๆ ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อหรือไม่ซื้อของใครหลายคนได้มากขนาดนี้ ในฐานะผู้ประกอบการคงปฏิเสธถึงความสำคัญของการใช้ภาพถ่าย เพื่อช่วยเพิ่มยอดขายไปไม่ได้ เราลองมาดูเทคนิคที่จะช่วย ถ่ายภาพสินค้าให้สวย จนทำให้สินค้านั้นโดดเด่นและช่วยเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจของคุณกัน

1.ความคมชัด

ถือเป็นหัวใจของการถ่ายภาพ กล้องมือถือเดี๋ยวนี้ส่วนใหญ่มีระบบปรับโฟกัสให้โดยอัตโนมัติอยู่แล้ว แถมยังมีลูกเล่นอย่างหน้าชัดหลังเบลอที่เฉียบคมไม่แพ้กล้องดิจิทัลและกล้อง DSLR เพียงแค่ก่อนโพสต์ภาพลงไปแต่ละครั้ง ลองเช็คดูสักนิดว่า ภาพไม่สั่นไหวและมีความคมชัดที่เพียงพอ ก็จะช่วยให้ภาพนั้นน่ามองและดูสะดุดตา มากกว่าภาพเบลอๆ ที่ไม่จับโฟกัสไปที่สินค้า

2.มุมภาพ

การเลือกใช้มุมภาพที่แตกต่าง ก็ให้ความรู้สึกที่แตกต่างไปด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นภาพมุมสูง มุม 45 องศา ฯลฯ ก็ทำให้สินค้าดูมีมิติที่เปลี่ยนไป เช่น ภาพถ่ายอาหาร ลองใช้กล้องมือถือเล็งเข้าไปที่เครื่องดื่มหรืออาหารในมุม 45 องศา ก็จะได้มุมภาพที่ดีกว่าการถ่ายแบบตรงๆ ธรรมดา แต่ถ้าหากว่ายังไม่รู้ว่าจะถ่ายภาพในมุมไหน เราแนะนำให้ลองถ่ายดูทุกมุม แล้วมานั่งเลือกดูว่าสินค้าของคุณขึ้นกล้องกับมุมไหนมากที่สุด

3.องค์ประกอบภาพ

ภาพถ่ายที่ดีที่สุดนั้นต้องคำนึงถึงองค์ประกอบของภาพ แนวทางที่นิยมใช้กันมีอยู่ 2 แบบคือ เน้นความเรียบง่ายโดยเน้นไปที่ตัวสินค้าเป็นองค์ประกอบหลัก โดยถ่ายบนฉากหลังหรือพื้นผิวเรียบๆ เพื่อให้คนโฟกัสกับสินค้าหลัก ส่วนอีกแนวทางหนึ่งคือการใช้อุปกรณ์ต่างๆ (พร็อพประกอบ) มาเป็นส่วนเสริม ก็สามารถทำให้ภาพถ่ายดูน่าสนใจมากขึ้นได้เหมือนกัน

4.แสงและเงา

ส่วนใหญ่ในการถ่ายภาพ บางคนอาจลืมนึกถึงเรื่องของแสงและเงาไป ทั้งที่ควรให้ความสำคัญกับเรื่องของแสงเป็นอันดับแรกๆ เพราะเป็นปัจจัยที่ช่วยทำให้สินค้าของคุณดูมีมิติและดึงดูดสายตาได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแสงธรรมชาติหรือแสงไฟที่จัดขึ้น ก็ต้องเลือกให้เข้ากับลักษณะสินค้าของตัวเอง เช่น ภาพอาหารควรใช้แสงธรรมชาติ ลองมองหาแสงธรรมชาติในบ้านหรือร้านของคุณดู ไม่ว่าจะเป็นมุมตามหน้าต่าง มุมตามระเบียงบ้าน ก็ช่วยให้อาหารดูน่ากินขึ้นได้ไม่ยาก หากเป็นสินค้าแฟชั่นควรใช้การจัดแสงไฟเข้ามาช่วย เพื่อเพิ่มมิติให้กับสินค้าของคุณ

5.ระยะใกล้-ไกล

การถ่ายเจาะเพื่อให้เห็นรายละเอียดของสินค้าอย่างชัดเจน เช่น ส่วนประกอบอาหารบนจาน ลายผ้าและเนื้อผ้ารูปแบบต่างๆ ความเงาความด้านของสินค้า ฯลฯ ในขณะที่หากขยับห่างออกมาอีกหน่อย ก็จะได้ภาพมุมกว้าง ที่ทำให้เห็นภาพรวมของสินค้าชิ้นนั้นๆ ได้เป็นอย่างดี ในสินค้าชนิดเดียวกันอาจถ่ายภาพทั้งแบบภาพระยะใกล้และภาพระยะไกล เพื่อให้ลูกค้ามีโอกาสเห็นภาพสินค้าของคุณได้ในหลายๆ มุมมอง

6.เลือกใช้ App แต่งภาพ

ก่อนที่จะโพสต์รูปถ่ายลงโซเชียลมีเดีย การแต่งภาพถือเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ภาพสินค้าของคุณออกมาสวย หากรู้จักเลือกปรับภาพให้เหมาะกับสินค้าของตัวเอง โดยโทนสี แสง และความเข้มของภาพควรเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ใช่โพสต์ภาพแรกไปเป็นโทนสว่าง อีกภาพอันสีโทนหม่น ต่อมาเปลี่ยนแนวเป็นสีจัดจ้าน แทนที่จะช่วยสื่อสารแบรนด์สินค้าออกไปในทิศทางเดียวกัน อาจทำให้กลุ่มลูกค้าที่ติดตามเกิดความสับสนในคาแรคเตอร์ของเพจคุณได้

เรื่องแนะนำ

Digital Delicious

Digital Delicious เทรนด์ใหม่รูปแบบนำเสนออาหารสุดล้ำ เปิดประสบการณ์ผู้บริโภค

ในยุคนี้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามามีบทบาทกับทุกๆสิ่ง ไม่เว้นแม้แต่แวดวงอาหาร ซึ่งปัจจุบันการเลือกรับประทานอาหารของผู้บริโภคไม่ได้หยุดเพียงแค่ รสชาติอร่อย หน้าตาอาหารสวยงาม หรือแม้แต่การบริการที่ดีเท่านั้น แต่สิ่งที่จะดึงดูดผู้บริโภคในยุคนี้ได้ก็คือ ประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นและแปลกใหม่ในการรับประทานอาหารนั่นเอง เพื่อให้เกิดการจดจำ สร้างความประทับใจ และเป็นที่พูดถึง เรากำลังพูดถึง Digital Delicious ที่นำอาหารและดิจิทัลอาร์ต มารวมไว้ด้วยกัน กับรูปแบบการนำเสนอสุดล้ำที่ชวนว๊าว   เปิดประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้บริโภคด้วย Digital Delicious  ปัจจุบันนี้แวดวงอาหารบ้านเรา ก็มีวิวัฒนาการที่น่าสนใจมากขึ้นทุกวัน อย่างเช่นล่าสุดที่บอกไปว่ามีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาในการพรีเซ้นท์อาหาร เพื่อเพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้บริโภค นั่นก็คือโปรเจคDigital Delicious ที่ริเริ่มโดยบริษัท Doozy Digilab ผู้นําด้านการสร้างสรรค์ประสบการณ์ดิจิทัลรูปแบบใหม่ ได้นำอาหารและดิจิทัลอาร์ตมารวมไว้ด้วยกัน ในรูปแบบของอาหาร Fine Dining โดยเชฟชื่อดัง เช่น เชฟเอริก ไวด์มันน์ ผู้คว้าตำแหน่งเชฟกระทะเหล็ก Iron Chef Thailand จาก Oriental Residence Bangkok, เชฟแพม-พิชญา อุทารธรรม, เชฟแต-จันทร์ชนก สุนทรญาณกิจ ศิลปินเชฟขนมอบชื่อดัง และเค-อานนท์ ฮุนตระกูล […]

เปิดร้านของตัวเอง

เปิดร้านของตัวเอง VS ซื้อแฟรนไชส์ แบบไหนดีกว่ากัน?

เชื่อว่าหลายคน มีความคิดว่าอยากจะมีธุรกิจเป็นของตัวเองสักครั้ง แต่การจะเริ่มต้นทำธุรกิจนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยค่ะ โดยเฉพาะมือใหม่ที่อยากเริ่มมีธุรกิจของตัวเอง ที่ต้องคิดทั้งเรื่องสินค้า การตลาด บัญชี การเงิน เยอะแยะไปหมด และมักจะมีคำถามว่าจะลงทุน เปิดร้านของตัวเอง หรือซื้อแฟรนไชส์ จะเลือกแบบไหนดี? มาดูกันว่าข้อดี ข้อเสียของทั้งสองแบบว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยมาตัดสินใจให้เหมาะกับธุรกิจของคุณเองกันค่ะ   เปิดร้านของตัวเอง VS ซื้อแฟรนไชส์ เลือกแบบไหนดี? ข้อดีของการเปิดร้านของตัวเอง มีอิสระในการบริหารจัดการ การตัดสินใจและกำหนดทิศทางธุรกิจของเราเองได้อย่างเต็มที่ สามารถทำตามไอเดียของตัวเอง สร้างแบรนด์ที่เป็นตัวตนของเราเองได้ ถ้าเป็นธุรกิจอาหารก็สามารถที่จะเพิ่ม หรือดัดแปลงสูตรเมนูของร้านได้ อีกทั้งยังมีความยืดหยุ่นสูง ในการปรับเปลี่ยนพัฒนาธุรกิจ การสร้างแบรนด์เองอาจจะเหมาะกับคนรุ่นใหม่ หรือคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ อยากทำอะไรใหม่ๆ แบบที่ไม่ต้องตามแบบใครค่ะ การเปิดร้านเอง อาจไม่ต้องลงทุนสูงมาก เพราะบางคนก็มีทุนน้อย หรือมีจำกัด แต่อยากที่จะทำธุรกิจ ก็สามารถทำได้ไม่จำเป็นต้องเปิดร้านใหญ่จนเกินตัว ค่อยๆเริ่มต้นจากธุรกิจเล็กๆ แล้วต่อยอดไปเรื่อยๆ จนสามารถขยายกิจการ สร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักได้ในอนาคต เรื่องส่วนแบ่งกำไร หากคุณเปิดร้านเอง แน่นอนว่า คุณไม่จำเป็นต้องแบ่งกำไร คุณสามารถบริหารกำไรของคุณทั้งหมดได้เอง อย่างที่บอกว่าใครก็อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง แล้วหากคุณทำได้ ข้อดีนี้ก็คือ ความภาคภูมิใจที่คุณทำ และมีความสุขที่ได้เริ่มต้นทำสิ่งใหม่ๆ และถ้ายิ่งพัฒนาไปจนแบรนด์ประสบความสำเร็จ […]

airbnb

Airbnb ธุรกิจห้องพัก ที่ไม่มีห้องพักของตัวเองสักห้อง!

Airbnb สามารถสร้างเครือข่ายห้องพักได้มากกว่า 3 ล้านแห่ง และทำรายได้ปีละ 2,800 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ! ทั้งๆ ที่ไม่ได้ลงทุนก่อสร้างห้องพักเองสักห้อง!

แต่งร้านรับลมหนาว

6 เทคนิค แต่งร้านรับลมหนาว ดึงดูดลูกค้าเข้าร้าน

เข้าสู่ช่วงปลายปีแบบนี้ ถึงแม้อากาศบ้านเราอาจจะไม่ได้หนาวมาก แต่หลายคนคงเริ่มสัมผัสได้ถึงอากาศเย็นสบายเบาๆกันแล้ว บรรดาร้านอาหารต่างๆ ก็คงเริ่มที่จะวางแผนตกแต่งร้านรับลมหนาวกันบ้าง วันนี้เราได้รวบรวมเอาไอเดียการ แต่งร้านรับลมหนาว มาเป็นแนวทางให้ผู้ประกอบการและผู้ที่สนใจ ได้ลองเอาไปปรับใช้กับธุรกิจที่ทำอยู่ เพื่อเพิ่มสีสันและดึงดูดลูกค้าให้ได้มากขึ้นในช่วงเวลาแห่งความสุขแบบนี้     6 เทคนิค แต่งร้านรับลมหนาว 1.ตกแต่งร้านด้วยโทนสีธรรมชาติ คิดจะแต่งร้านให้เข้ากับบรรยากาศฤดูหนาวต้องเน้นความเป็นธรรมชาติด้วยสีเอิร์ธโทน ซึ่งเป็นสีโทนกลางๆ ที่เข้าได้กับทุกสี เป็นสีโทนอบอุ่น อาจให้เพิ่มน้ำหนักไปทาง เข้มๆ ขึ้นมา เช่น สีเทา สีน้ำตาลอมเทา สีฟ้าอมม่วง หรือสามารถเลือกใช้โทนสีที่นุ่มนวล มี การเลือกใช้วัสดุตกแต่งหรือเฟอร์นิเจอร์ ที่เป็นธรรมชาติพวกสีและลวดลายไม้ชนิดต่างๆ หินทรายทั้งแบบหินจริงและหินเทียมก็ได้เช่นกัน เข่น ชั้นวางของเดิมที่เป็นชั้นกระจก เราก็เปลี่ยนเป็นชั้นไม้ย้อมสีเข้มขึ้น เฟอร์นิเจอร์ไม้นั้นจะช่วยทำให้บรรยากาศภายในร้านนั้นมีความเบา สบาย อบอุ่นขึ้น สีโทนธรรมชาติแบบนี้ จะช่วยนำพาความรู้สึกผ่อนคลายและอบอุ่นมาสู่ลูกค้า ทำให้คนที่เดินเข้าร้านรู้สึกสบายใจและเป็นมิตรกับร้านของเรามากขึ้น   2.แต่งร้านด้วยแสงไฟอบอุ่น       มุมอบอุ่นที่ถูกเพิ่มเติมด้วยหลอดไฟชนิดให้แสงแบบ Warm White (สีเหลืองนวล) จะยิ่งสร้างบรรยากาศให้หน้าหนาวไม่หนาวอีกต่อไป แต่กลับจะช่วยสร้างบรรยากาศในตอนกลางคืนในบรรยากาศลมเย็นๆ ให้รู้สึกผ่อนคลาย การเลือกใช้ไฟสีเหลืองนวล หรือลองเลือกใช้โคมไฟดีไซน์เก๋ๆแทนการใช้หลอดไฟทั่วไป พร้อมกับเลือกเปิดใช้แบบเน้นเปิดให้แสงสว่างเป็นจุดๆ เฉพาะมุมบางมุม จะยิ่งช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับร้านอาหารของคุณได้อย่างน่าสนใจ […]

Follow Me

Contact

เว็บไซต์ : amarinacademy.com
บริษัท เอเอ็มอี อิมเมจิเนทีฟ จำกัด
ในเครือ บริษัท อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน)
Tel : 02-422-9999 ต่อ 4662 หรือ 4669, 092-254-0742
Email : amarin.academy@gmail.com

ติดต่อแจ้งปัญหาหรือร้องเรียน
02-422-9999 ต่อ 4180
(จันทร์ – ศุกร์ เวลา 09.00 – 18.00 น)
bdcx@amarin.co.th

สนใจลงโฆษณากับเว็บไซต์ Amarin Academy
Tel. 081-664-0666, 091-729-8060
E-mail : sineenart_ya@amarin.co.th

© COPYRIGHT 2024 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.