กลยุทธ์การเพิ่มยอดขาย โดยไม่เพิ่มราคา - Amarin Academy

กลยุทธ์การเพิ่มยอดขาย โดยไม่เพิ่มราคา

กลยุทธ์การเพิ่มยอดขาย โดยไม่เพิ่มราคา

ทำธุรกิจใครๆ ก็อยากขายดี ยอดขายสูงๆ แต่ในเมื่อเศรษฐกิจโดยภาพรวมก็ไม่ค่อยจะดี แถมการแข่งขันยังสูงขนาดนี้ จะเพิ่มราคาก็ไม่ได้ ลดคุณภาพผลิตภัณฑ์ก็ไม่ดี วันนี้เราจึงมี กลยุทธ์การเพิ่มยอดขาย ที่ช่วยให้ยอดขายของคุณพุ่งกระฉูดมาฝาก

กลยุทธ์ Cross-selling

คือการขายสินค้า นอกเหนือจากที่เขาซื้อตามปกติ อธิบายอย่างนี้หลายคนอาจไม่เห็นภาพ แต่ถ้าพูดว่า “รับขนมจีบซาลาเปาเพิ่มไหมคะ” ทุกคนต้องร้องอ๋อ! แน่นอน ซึ่งประโยคที่กล่าวไปเมื่อสักครู่คือกลยุทธ์ Cross-selling ที่เห็นภาพชัดที่สุด

แต่จริงๆ แล้วกลยุทธ์นี้ไม่ได้เหมาะสำหรับร้านสะดวกซื้อเท่านั้น ยังสามารถนำไปใช้ได้กับทุกๆ ธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร โรงแรม สปา ขายเสื้อผ้า เครื่องประดับ โดยการเสนอสินค้าที่พิเศษกว่าปกติให้ลูกค้า ซึ่งวิธีนี้จะช่วยทำให้ยอดขายต่อหัวของธุรกิจคุณเพิ่มขึ้นอัตโนมัติ เช่น ถ้าคุณเปิดร้านข้าวมันไก่ ราคาจานละ 40 บาท ตามปกติคนสั่ง 1 จาน น้ำ 1 ขวด ใช้เวลานั่งในร้าน 20 นาที คุณจะได้ยอดขายต่อหัวที่ 50 บาท แต่ถ้าคุณมีเมนูลูกชิ้นปิ้งจานละ 20 บาท หรือน้ำปั่น 25 บาท ลูกค้าก็มีแนวโน้มจะสั่งเมนูเหล่านั้นเพิ่มเติม อาจจะใช้เวลานั่งในร้านนานกว่าเดิมเล็กน้อย แต่ยอดขายต่อหัวเพิ่มเป็น 70 บาท ก็ถือว่าคุ้มค่า

หรือหากคุณเปิดร้านเสื้อผ้า แทนที่จะขายเสื้อผ้าเพียงอย่างเดียว อาจเพิ่มไลน์เครื่องประดับเล็กๆ น้อยๆ ที่เช้ากับสไตล์เสื้อผ้าที่คุณขายอยู่ เช่น ต่างหู สร้อยคอ กระเป๋า เป็นต้น และเมื่อลูกค้าตัดสินใจซื้อเสื้อผ้าแล้ว คุณก็สามารถเชียร์เครื่องประดับเพิ่มเติม โดยบอกว่าใส่คู่กับชุดที่เขากำลังจะซื้อ และอาจให้ส่วนลดพิเศษหากซื้อคู่กัน เป็นต้น

เพียงเท่านี้ก็จะช่วยเพิ่มยอดขายของคุณให้สูงขึ้นได้

กลยุทธ์ Up-selling

คือการจูงใจให้ลูกค้าเพิ่มจำนวนหรือขนาดสินค้าที่เขากำลังจะซื้อ กลยุทธ์นี้เป็นกลยุทธ์ที่ร้าน Fast Food นิยมใช้มากๆ (และยังใช้จนถึงปัจจุบัน) นั่นคือ เสนอให้ลูกค้าเพิ่มขนาดอาหารเพื่อความคุ้มค่ากว่า เช่น จากเดิมลูกค้าสั่ง SET A ซึ่งประกอบไปด้วยเบอร์เกอร์หมู เฟรนช์ฟรายไซส์ M พนักงานมันเสนอว่า อัพไซส์เฟรนช์ฟรายเป็น L ไหมคะ เพิ่ม “แค่” 15 บาท ด้วยคำพูดนี้ จะทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า เพิ่มเงินเพียงเล็กน้อยแต่ได้สินค้าที่มากขึ้น ก็จะทำให้ยอดขายของร้านเพิ่มขึ้นด้วย

หรือหากคุณเปิดกิจการโฮสเทลหรือโรงแรม ก็สามารถใช้กลยุทธ์นี้ได้เช่นกัน โดยอาจเสนอห้องพักให้ลูกค้าที่วิวดีกว่า กว้างขวางกว่า หรือมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากกว่าให้ลูกค้าในราคาพิเศษ (หากช่วงนั้นห้องพักยังไม่เต็ม) เพื่อจูงใจให้เขาจ่ายเงินเพิ่มขึ้น ทั้งยังทำให้เขารู้สึกว่าเพียงเพิ่มเงินไม่กี่บาท เขากลับได้สิ่งคุ้มค่ากลับมา

กลยุทธ์ที่ว่ามาทั้ง 2 ข้อนี้ ถือเป็นกลยุทธ์ง่ายๆ ที่เจ้าของธุรกิจสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ทันที และสามารถเพิ่มยอดขายให้คุณได้จริงๆ ด้วย

เรื่องแนะนำ

Hyper-Personalization

อ่านใจลูกค้าออก บริการได้ตรงใจ ด้วยการตลาดแบบ Hyper-Personalization

อ่านใจลูกค้าออก บริการได้ตรงใจ ด้วยการตลาดแบบ Hyper-Personalization อยากมัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด ก็ต้องอ่านใจลูกค้าให้ออก.. ทุกวันนี้เราอยู่ในยุคที่ผู้บริโภคอยากรู้ทุกอย่าง และสามารถเข้าถึงข้อมูลทุกเรื่องได้ด้วยปลายนิ้ว ฉะนั้นการทำการตลาดแบบเดิมๆ อาจไม่ได้ผลอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการจำชื่อลูกค้า, ส่งข้อความ หรืออีเมล์ไปอวยพรวันเกิด พร้อมส่วนลดต่างๆ ซึ่งวิธีเหล่านี้กำลังจะกลายมาเป็นเพียงข้อมูลพื้นฐานสำหรับการทำการตลาดเท่านั้น ดังนั้นธุรกิจร้านอาหารหรือแบรนด์ที่จะสะกิดใจคนได้ ต้องเป็นแบรนด์ที่รู้จักและรู้ใจลูกค้า ด้วยการทำการตลาดแบบ Hyper-Personalization ซึ่งเป็นการตลาดที่เข้าถึงตัวบุคคลมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่ตรงใจลูกค้ามากกว่าที่เคย อย่าปล่อยให้เสียเวลาเปล่า เจ้าของธุรกิจทั้งหลายต้องรีบทำความเข้าใจ เรียนรู้ และปรับตัว รวมถึงเปลี่ยนรูปแบบวิธีการทำงานให้เข้ากับสถานการณ์ แล้วจะช่วยให้ลูกค้าเดินเข้าร้านได้อย่างยิ้มแย้มและเต็มใจ หัวใจของ Hyper Personalization อยู่ที่ “Big Data” ก่อนอื่นต้องอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ก่อนว่าการตลาดแบบ Hyper Personalization เป็นการนำ Big Data แบบเรียลไทม์มาใช้ในการคาดเดาความต้องการของผู้บริโภค ไม่ใช่แค่ข้อมูลจากประวัติการสั่งซื้อทั่วไป แต่เป็นการเอาข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์ออกมาเป็นพฤติกรรมการซื้อ เพื่อให้สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ว่าลูกค้าคนนี้อยากจะซื้อกับเราครั้งถัดไปเมื่อไหร่ หรือจะกระตุ้นเขาให้ซื้อได้ด้วยวิธีไหน ซึ่ง Big Data คือการนำข้อมูลรอบๆ ตัว จากหลายๆ ส่วนมาประมวล วิเคราะห์ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อ  จึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเจ้าของร้านอาหาร ที่จะนำมาวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมลูกค้า […]

คู่แข่งร้านอาหาร

Marketing Collaboration สร้างพันธมิตรจาก คู่แข่งร้านอาหาร

“Marketing Collaboration”  สร้างพันธมิตรจาก คู่แข่งร้านอาหาร ในช่วงหลายปีมานี้ ถือเป็นยุคแห่งการ Collaboration หรือการจับมือกันของธุรกิจอาหาร เราจะเห็นหลาย ๆ แบรนด์สร้างสินค้าหรือโปรโมชั่นใหม่ร่วมกัน ทำให้เกิดความแปลกใหม่ในวงการธุรกิจอาหารมากยิ่งขึ้น เป็นการสร้างพันธมิตรจาก คู่แข่งร้านอาหาร ซึ่งการร่วมมือกันระหว่างธุรกิจอาหารนี้ มีประโยชน์มากมาย ดังนี้ สร้างความน่าสนใจและให้ประสบการณ์ใหม่ๆ กับผู้บริโภค ปลุกกระแสทางการตลาดให้เป็นไวรัล และได้รับการพูดถึงในวงกว้าง แลกเปลี่ยนกลุ่มลูกค้าระหว่างแบรนด์ ขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ ลดการแข่งขัน และเพิ่มพันธมิตรทางการค้า ทำให้แบรนด์ดูทันสมัย และเข้าถึงกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่มากขึ้น ใช้จุดแข็งของพาร์นเนอร์มาชดเชยจุดอ่อนของแบรนด์ตัวเอง   เหล่านี้ถือเป็นกลยุทธ์ที่กำลังมาแรงทีเดียว กับการสร้างพันธมิตรจาก คู่แข่งร้านอาหาร เราลองมาดูตัวอย่างความร่วมมือในธุรกิจอาหารที่น่าสนใจกัน ว่ามีแบรนด์ไหน จับมือกับแบรนด์ไหนบ้าง   4 Case Study: เปลี่ยนคู่แข่งเป็นคู่ค้าร้านอาหาร Bar B Q Plaza X Pizza Hut ในปีที่ผ่านมา บาร์บีคิวพลาซ่าและพิซซ่าฮัท ได้จัดแคมเปญและออกเมนูฟิวชั่นร่วมกัน โดยทางร้านบาร์บีคิวพลาซ่าจะมีเมนูหมูที่เสิร์ฟแบบใหม่บนถาดพิซซ่า เครื่องเคียงแบบพิซซ่าและน้ำจิ้มใหม่ ส่วนร้านพิซซ่าฮัท ก็มีพิซซ่าหน้าหมูบาร์บิกอนในซอสใหม่ เป็นการรวมจุดเด่นของทั้งสองแบรนด์เข้าด้วยกัน สร้างความตื่นเต้นแก่ลูกค้า และเกิดเป็นกระแสในโซเชียลมีเดียในช่วงนั้นได้  […]

5 ข้อน่าอ่าน ทำไมร้านอาหารควรมี Instagram

5 ข้อน่าอ่าน ทำไม ร้านอาหารควรมี Instagram โพสต์ภาพลงเฟซแม่ก็ไลค์ด่วนจี๋ แชร์ภาพอะไรพ่อก็มาตามแชร์ต่อ” แน่นอนว่า Social Media ยอดนิยมในไทย คงหนีไม่พ้น Facebook บางคนเบื่อกับเรื่องเหล่านี้ คนที่ไม่อยากให้พ่อแม่มาติดตาม หรือ คนที่ไม่อยากให้เจ้านายมาเห็น รวมทั้งคนที่เบื่อเนื้อหาต่าง ๆ ที่แชร์ผ่าน Facebook ทำให้คนเหล่านี้ ย้ายมา Platform อื่น ๆ แทน ซึ่ง IG กลายเป็นพื้นที่ใหม่ที่ผู้บริโภคกำลังเพิ่มมากขึ้น เจ้าของธุรกิจร้านอาหารหลายเจ้า จึงเริ่มโปรโมทร้านอาหารต่อยอดทางการตลาด เน้นภาพสวย ติดแฮชแท๊ก ผ่าน Instagram (IG) ร้านไหนที่ยังไม่ได้เปิดใช้งานแอพพลิเคชั่นนี้ ลองมาดูกันค่ะว่า ทำไมร้านอาหารควรมี IG และ IG จะช่วยโปรโมทธุรกิจร้านอาหารได้อย่างไร   1. Follower บน Instagram มีคุณค่ามากกว่าบน Facebook ด้วย IG กำลังกลายเป็นพื้นที่ที่กำลังมีความสำคัญอย่างมาก และเริ่มเข้าไปมี […]

Food Trend

อัปเดตเทรนด์คอนเทนต์อาหาร ช่วงนี้ผู้บริโภคชอบอะไร ? แนวการทางโปรโมทร้านให้ลูกค้าอยากซื้อ!

อัปเดตเทรนด์คอนเทนต์อาหาร ช่วงนี้ผู้บริโภคชอบอะไร ? แนวการทาง ” โปรโมทร้าน ” ให้ลูกค้าอยากซื้อ! เชื่อว่าทุกวันนี้ก่อนที่ทุกคนจะซื้อหรือใช้อะไรจะต้องหารีวิวมาดู เพื่อประกอบการตัดสินใจก่อน ยิ่งตอนนี้หลายคนหลีกเลี่ยงการออกจากบ้าน เพราะกังวลเรื่องโรคระบาดด้วยแล้วนั้น การจะออกมาเลือกซื้อ เลือกดู จับจ่ายใช้สอยก็เป็นอะไรที่หลายคนไม่อยากเสี่ยง ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้คนจึงหันไปเสพคอนเทนต์ของเหล่า Reviewer หรือ Blogger เพื่อใช้ในการตัดสินใจสั่งผ่านเดลิเวอรี่แทน  “อาหาร” สิ่งหนึ่งที่ผู้คนให้ความสนใจดูเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นรีวิวอาหารหรือวิดีโอสอนทำอาหาร ซึ่งคอนเทนต์เหล่านี้สามารถช่วยเพิ่มยอดขายให้ผู้ประกอบการได้อีกทางหนึ่ง ดังนั้นลองมาดูแนวทางการทำคอนเทนต์จาก คุณณีรนุช อิทธิปัญญาวรกุล Food Blogger เจ้าของเพจ Thintomorrow ที่ได้มาเล่าใน Club House ถอดบทเรียนสู้วิกฤติ ธุรกิจร้านอาหารดัง ถึงเทรนด์คอนเทนต์อาหาร ช่วงนี้ผู้บริโภคชอบอะไร ? และแนวการทางโปรโมทร้านให้ลูกค้าอยากซื้อ! จะมีอะไรบ้างมาดูกัน!      พฤติกรรมของคนในตอนนี้👤: ช่วงนี้พฤติกรรมของผู้บริโภคค่อนข้างจะเปลี่ยนไป อย่างช่วงก่อนหน้านี้เราจะรู้สึกว่าคนทั่วไปที่อยู่คนเดียวหรืออยู่กันไม่กี่คนจะ จะใช้บริการแอปเดลิเวอรี่เยอะกว่าคนที่อยู่เป็นครอบครัว แต่หลัง ๆ มานี้คนที่อยู่เป็นครอบครัวขนาดกลางไปจนถึงครอบครัวใหญ่มีการสั่งเดลิเวอรี่มากขึ้น ซึ่งจากที่เราเคยสอบถามเหตุผลของคนที่อยู่รอบตัว ได้คำตอบว่าช่วงนี้คนออกไปข้างนอกน้อยลง เขาไม่ค่อยอยากเดินตลาดหรือไม่อยากเดินซุปเปอร์บ่อย ๆ เพราะไม่อยากเสี่ยงกับโรคหรือว่าอยู่บ้านล็อกดาวน์นาน ๆ […]

Follow Me

Contact

เว็บไซต์ : amarinacademy.com
บริษัท อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน)
Tel : 02-422-9999 ต่อ 4662 หรือ 4669, 092-254-0742
Email : amarin.academy@gmail.com

ติดต่อแจ้งปัญหาหรือร้องเรียน
02-422-9999 ต่อ 4180
(จันทร์ – ศุกร์ เวลา 09.00 – 18.00 น)
bdcx@amarin.co.th

สนใจลงโฆษณากับเว็บไซต์ Amarin Academy
Tel. 081-664-0666, 091-729-8060
E-mail : sineenart_ya@amarin.co.th

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.