กลยุทธ์ Music Marketing BEARHOUSE ลงทุนเป็นแสน ทำเพลงให้ร้านชานม

#ถอดบทเรียน BEARHOUSE ลงทุนเป็นแสน ทำเพลงให้ร้านชานม “Music Marketing” กลยุทธ์ที่ให้มากกว่าความเพลิดเพลิน

#ถอดบทเรียน BEARHOUSE
ลงทุนเป็นแสน ทำเพลงให้ร้านชานม

การสร้าง Brand Loyalty และอยากเป็น “เพื่อน”
“Music Marketing” กลยุทธ์ที่ให้มากกว่าความเพลิดเพลิน

เพราะเพลงมีอิทธิพลต่ออารมณ์และความรู้สึกของมนุษย์… สอง youtuber ดัง คุณกานต์ และคุณซารต์ เจ้าของแบรนด์ Bear House ได้ออกมาเล่าถึงแรงบันดาลใจในการทำเพลงหรือ BEARHOUSE Playlist เพื่อนำมาเปิดในร้าน โดยทั้งคู่ได้มาแชร์เรื่องราวของการทำเพลงนี้ ดังนี้

🔸แรงบันดาลใจ💖

โดยคุณกานต์ และคุณซารต์ได้เล่าว่า จุดเริ่มต้นของการทำเพลงนี้ มาจากช่วงที่พวกเขาต้องทำงานอยู่บ้านหรือ Work frome Home นั้น ได้มีการเปิดเพลย์ลิสต์เพลงของแบรนด์สินค้าสุดมินิมอลอย่าง Muji ฟังอยู่ตลอด ซึ่งการฟังเพลงนี้ได้ทำให้เขารู้สึกราวกับว่าเขากำลังเลือกซื้อของอยู่ในร้าน Muji อะไรอย่างนั้นเลย อีกทั้งยังทำให้เขาเกิดความรู้สึกจงรักภักดีต่อแบรนด์ จนรู้สึกว่าถ้าไปห้างจะต้องแวะไปซื้อของที่ Muji ด้วย

ทั้งนี้จึงทำให้พวกเขาเกิดแรงบันดาลใจว่าเมื่อเพลงของ Muji ทำให้เกิดความรู้สึกแบบนี้ได้ ก็อยากให้ Bear House มีเพลงที่ฟังแล้วสามารถคิดถึง Bear House ได้บ้าง นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้คุณกานต์ และคุณซารต์จ้างทีม Sound Designer ให้มาออกแบบเพลง เพื่อใช้เปิดในร้านชานมโดยเฉพาะ ซึ่งแต่ละเพลงก็จะมีเอกลักษณ์และให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันไป

🔸เชื่อมโยงแบรนด์กับกลุ่มเป้าหมาย👥

อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะสงสัยว่าแล้วการที่ Bear House หรือแบรนด์อื่น ๆ มีเพลงประจำแบรนด์ หรือเพลงที่ใช้เปิดในร้านเป็นของตัวเองมันดีกว่าไม่มียังไง?

จริง ๆ แล้วการที่แบรนด์นำเพลงมาใช้ ถือเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดหนึ่ง (Music Marketing) ที่ใช้เสียงดนตรีในการสื่อสาร เพื่อเชื่อมโยงแบรนด์กับกลุ่มเป้าหมายเข้าด้วยกัน และทำให้กลุ่มเป้าหมายนั้น ๆ ได้รับรู้ถึงตัวแบรนด์ในมิติอื่น ๆ มากขึ้น ทำให้แบรนด์เข้าถึงง่าย และเป็นเหมือนคนรู้จัก

🔸Music Marketing มีผลต่อผู้ฟังอย่างไร ?🎶

✨สร้าง Brand Awareness👤

เสียงที่เป็นเอกลักษณ์และสื่อถึงความเป็นตัวตนของแบรนด์ มีแนวโน้มทำให้ผู้บริโภคที่ได้ยินสามารถจดจำแบรนด์ได้มากขึ้น มากไปกว่านั้นการที่แบรนด์มีรูปแบบการใช้เพลงที่เปิดในร้าน ยังสามารถสร้างอัตลักษณ์ให้กับแบรนด์ได้ด้วย

ยกตัวอย่าง เช่น ร้าน Starbucks ที่มักจะเปิดเพลงสบาย ๆ ทำให้ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการรู้สึกผ่อนคลาย จนเกิดเป็นการรับรู้ว่าเมื่อมาใช้บริการ Starbucks ก็จะได้รับความรู้สึกนี้ ไปจนถึงถ้าเปิดเพลย์ลิสต์เดียวกันนี้ ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็จะรู้สึกราวกับว่าได้อยู่ในร้านนั้น ๆ พูดให้เห็นภาพก็อารมณ์เหมือนที่คุณกานต์ และคุณซารต์บอกว่าเปิดเพลง Muji ให้อารมณ์เหมือนเดินอยู่ Muji นั่นแหละ


✨สร้างประสบการณ์ที่ดี😍

เสียงเพลง เสียงดนตรี เป็นสิ่งที่มีอิทธิพลต่อ “อารมณ์” ไม่ว่าจะสุข เศร้า เหงา หรือดีใจ เนื้อร้องบางท่อน เพลงบางเพลง แม้เวลาจะผ่านไป แต่เมื่อเรากลับมาได้ยิน มันก็มักจะพาเราย้อนกลับไปยังความรู้สึกเดิม ๆ ได้ เพลงของแบรนด์ก็เช่นกัน หากเพลงที่ใช้สร้างความประทับใจหรือทำให้ลูกค้ารู้สึกเหมือนได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี ก็จะส่งผลต่อการกลับมาซื้อซ้ำของผู้บริโภค ไปจนถึงเกิด Customer Loyalty ได้

✨บอกเล่าเรื่องราว💬

เพลงสามารถถ่ายทอดเรื่องราวของแบรนด์ได้ แม้ไม่มีคำร้อง โดยการอาศัยองค์ประกอบต่าง ๆ เช่น ทำนอง รูปแบบเสียง หรือการสร้างเสียงต่าง ๆ อย่างเพลย์ลิสต์ที่ Bear House ทำขึ้นนี้ ก็ได้มีการนำเสียงต่าง ๆ ที่บ่งบอกถึงความเป็นร้านชานมไข่มุก Bear House เข้ามาใส่ด้วย เช่น เสียงคุณซารต์พูดคำว่า Bear House เสียงน้ำแข็งในแก้ว เสียงไข่มุกหล่นลงน้ำ เสียงโปรยใบชา ไปจนถึงการออกแบบเสียงให้กลมเพื่อสื่อถึงความกลมของเม็ดไข่มุก เป็นต้น

จริง ๆ แล้วกลยุทธ์ Music Marketing นี้สามารถทำออกมาได้หลายรูปแบบด้วยกัน เช่น ซาวน์จิงเกิ้ล, เพลง Cover ที่มีการนำเอาศิลปินมาเป็น Brand ambassador, เพลง Remake, การทำอีเวนต์ ไปจนถึงการสร้างคอนเทนต์ใหม่ ๆ เพื่อประกอบแคมเปญทางการตลาด ซึ่งจะทำออกมาในรูปแบบใดก็ขึ้นอยู่กับความต้องการและปัจจัยต่าง ๆ ของแบรนด์นั้น ๆ

สำหรับใครที่อยากลองฟัง BEARHOUSE Playlist ก็สามารถฟังกันยาว ๆ ได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=iEIfhBqWN0I แอดฟังแล้ว น่ารักมาก ๆ หรืออยากชมคลิปขั้นตอนการทำเพลง เพื่อเป็นแนวทางการทำ Music Marketing หรือเพิ่มแรงบันดาลใจให้กับตัวเอง ก็สามารถชมเต็ม ๆ ได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=ry3MnNBoUAY 💖
#AmarinAcademy #ร้านอาหาร

เรื่องแนะนำ

กลยุทธ์การตั้งราคา

กลยุทธ์การตั้งราคา ทำอย่างไร ให้ลูกค้ารู้สึกว่า “คุ้ม”

เคยเข้าร้านแล้วเจอสินค้าที่รู้สึกว่า ถ้าไม่ซื้อจะถือว่าพลาดไหม นั่นเป็นเพราะเจ้าของร้านใช้ กลยุทธ์การตั้งราคา ที่ทำให้รู้สึกว่าคุ้มค่า แม้ต้องเสียเงินเพิ่ม

ตั้งราคาขาย

ตั้งราคาขาย อย่างไร ให้ขายได้และร้านอยู่รอด

        ในช่วงวิกฤตแบบนี้ สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ร้านอาหารอยู่รอดได้ คือการบริหารจัดการต้นทุนที่ดี และการ ตั้งราคาขาย (Price Strategy) ของอาหารที่เหมาะสม โดยเฉพาะในวงการอาหารเดลิเวอรีที่มีการแข่งขันสูง มีร้านอาหารแบบเดียวกันเป็นจำนวนมาก ผู้ประกอบการจะต้องใช้กลยุทธ์ทุกอย่างที่ทำได้ เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อจากร้านของเรา ลองมาดูการตั้งราคาขายอาหารและกลยุทธ์ต่างๆ ที่อาจจะช่วยร้านของคุณได้ครับ ตั้งราคาขาย อย่างไร  ให้ขายได้และร้านอยู่รอด         พื้นฐานของการ ตั้งราคาขาย อาหาร ต้องคำนวณมาจากต้นทุนของร้าน เช่น ต้นทุนวัตถุดิบ ควรอยู่ที่ 30-35% ของยอดขาย ตัวอย่างเช่น ต้นทุนวัตถุดิบเท่ากับ 30 บาท ราคาขายก็ควรจะตั้งไว้ประมาณ 100 บาท เป็นต้น          แต่ไม่ใช่ว่าการคำนวณแบบนี้จะเหมาะสมกับทุกร้านอาหาร เพราะยังมีต้นทุนอื่นๆ ได้แก่ ค่าจ้างพนักงาน ค่าเช่าที่ และค่าการตลาดอื่นๆ ส่วนใครที่นำร้านอาหารเข้าร่วมกับผู้ให้บริการเดลิเวอรีต่างๆ ก็อย่าลืมต้นทุนค่า GP […]

5 กลยุทธ์ ออกโปรโมชั่น ให้ปัง

ปฏิเสธไม่ได้ว่าโปรโมชั่น เป็นหนึ่งในกลยุทธ์กระตุ้นยอดขายที่ดีวิธีหนึ่ง เราจึงมีเทคนิคดีๆ ในการ ออกโปรโมชั่น ที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ทำแล้วประสบความสำเร็จ

Bartercard

Bartercard ทางเลือกคนทำธุรกิจ ช่วยเพิ่มยอดขาย ค่าใช้จ่ายลด

กุญแจสำคัญในการเติบโตของธุรกิจ คือ ยอดขายที่เพิ่มขึ้นและค่าใช้จ่ายที่ลดลง ดังนั้น ในยุคปัจจุบันนี้จึงมีวิธีทำการตลาดมากมาย ที่เข้ามาเป็นตัวช่วยหรือทางเลือกในการทำกำไร และช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายให้ธุรกิจของคุณ ซึ่ง Bartercard ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจของคนทำธุรกิจ ที่จะมาช่วยผู้ประกอบการในการเพิ่มยอดขาย ลดต้นทุนค่าใช้จ่าย แล้วBartercard คืออะไร จะเข้ามาช่วยผู้ประกอบการได้อย่างไรบ้าง เรามีคำตอบค่ะ   Bartercard ทางเลือกใหม่คนทำธุรกิจ ระบบBartercard (บาร์เทอร์คาร์ด) คือ ตลาดการค้าที่ประกอบไปด้วยผู้ถือบัตรกว่า 35,000 นักธุรกิจ เพื่อทำการซื้อขาย แลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างกันโดยไม่ใช้เงินสด โดยมุ่งหวังให้เกิดความร่วมมือ และการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกัน ปัจจุบันมีนักธุรกิจเข้าร่วมในระบบนี้ถึง 9 ประเทศ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือประเทศไทยด้วย สำหรับระบบการทำงานของบาร์เทอร์คาร์ดนั้น เป็นการพัฒนาการแลกเปลี่ยนซึ่งเคยเกิดขึ้นในสมัยก่อน ที่เป็นการแลกเปลี่ยนสินค้ากันโดยตรง แต่การแลกเปลี่ยนโดยตรงแบบเดิมนั้น ก็มีอุปสรรคอยู่ที่ความต้องการในการแลกเปลี่ยนอาจจะไม่ตรงกันในขณะนั้น ทำให้ไม่เกิดการแลกเปลี่ยนกันขึ้น ดังนั้น บาร์เทอร์คาร์ด จึงได้มีการพัฒนาหน่วยเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่เรียกว่า “เทรดบาท” ขึ้นมา 1 เทรดบาท จะเท่ากับ 1 บาท เปรียบเสมือนคุณมีบัญชีธนาคาร โดยสามารถใช้จ่ายในการซื้อสินค้าได้จากยอดเงินคงเหลือจากการขายสินค้าของคุณ หรือวงเครดิตปลอดดอกเบี้ยที่ได้รับจากบาร์เทอร์คาร์ด ข้อดีของ Bartercard คืออะไร? 1. […]

Follow Me

Contact

เว็บไซต์ : amarinacademy.com
บริษัท เอเอ็มอี อิมเมจิเนทีฟ จำกัด
ในเครือ บริษัท อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน)
Tel : 02-422-9999 ต่อ 4662 หรือ 4669, 092-254-0742
Email : amarin.academy@gmail.com

ติดต่อแจ้งปัญหาหรือร้องเรียน
02-422-9999 ต่อ 4180
(จันทร์ – ศุกร์ เวลา 09.00 – 18.00 น)
bdcx@amarin.co.th

สนใจลงโฆษณากับเว็บไซต์ Amarin Academy
Tel. 081-664-0666, 091-729-8060
E-mail : sineenart_ya@amarin.co.th

© COPYRIGHT 2024 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.