Bake A Wish การปรับตัวในวันที่ร้านเบเกอรี่เกลื่อนเมือง! - Amarin Academy

Bake A Wish การปรับตัวในวันที่ร้านเบเกอรี่เกลื่อนเมือง!

Bake A Wish การปรับตัวในวันที่ร้านเบเกอรี่เกลื่อนเมือง!

วันก่อนทีมงานไปเดินห้างสรรพสินค้าแล้วสะดุดตากับกลุ่มคนที่ยืนต่อแถวซื้อขนมที่ร้าน Bake A Wish ร้านเบเกอรี่ชื่อดัง ที่เริ่มเปิดตลาดเบเกอรี่ในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2545

เราสงสัยว่า เขามีโปรโมชั่นอะไรหรือเปล่า เพราะปกติไม่เคยเห็นคนต่อแถวยาวขนาดนี้ เลยลองเดินไปดู ปรากฏว่าที่ร้านไม่ได้มีโปรโมชั่นอะไรโดดเด่นเลยครับ แต่ว่ามีการปรับขนมให้มีขนาดเล็กลง จากเดิมที่เสิร์ฟขนาดทั่วไป ราคาประมาณ 70 บาทขึ้นไป แต่ตอนนี้ปรับไซส์ลง แถมราคาเริ่มต้นแค่ชิ้นละ 10 บาท !

สังเกตจากแถวของลูกค้าที่ยาวมานอกร้านก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ประสบความสำเร็จหรือเปล่า

วันนี้เราไม่ได้จะมาบอกว่าเขาประสบความสำเร็จแค่ไหน แต่เราจะลองมาวิเคราะห์ให้ฟัง (จากสายตาคนนอก) ว่าเพราะอะไร Bake A Wish ถึงต้องปรับตัว และข้อดีของการปรับตัวครั้งนี้มีอะไรบ้าง

ทำไมต้องปรับตัว ?

1.พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน

– ผู้บริโภครักสุขภาพมากขึ้น แล้วเบเกอรี่ก็เป็นเมนูที่สะเทือนไขมันในตัวสุดๆ ดังนั้นเวลาจะตัดสินใจซื้อแต่ละที หลายคนคงคิดแล้วคิดอีก เพราะด้วยปริมาณที่ค่อนข้างมาก จะให้ซื้อแล้วกินให้หมดภายในครั้งเดียวก็จะรู้สึกผิดกับร่างกายเกินไป (ต้องออกกำลังกายนานแค่ไหนถึงจะเบิร์นหมด!) แต่ถ้าซื้อแล้วกินไม่หมด ขนมก็หมดอร่อย ฉะนั้นก็ตัดใจไม่ซื้อซะเลย

– ขนาดครอบครัวเล็กลง

เมื่อก่อนครอบครัวคนไทยอยู่กันหลายคน ซื้อขนมไปเดี๋ยวก็มีคนช่วยกิน แต่ตอนนี้คนส่วนใหญ่นิยมย้ายมาอยู่คอนโด หรือแยกครอบครัวมาอยู่แค่ พ่อ แม่ ลูกมากขึ้น ฉะนั้นจะให้ซื้อเค้ก ซื้อขนมเยอะๆ ไปก็กลัวจะกินไม่หมด ถ้าอยากกินจริงๆ อย่างมากก็คงจะซื้อแค่ 1-2 ชิ้นเท่านั้น

– ระมัดระวังเรื่องการใช้จ่าย

อย่างที่หลายๆ คนรู้ครับ ว่าช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยเป็นใจเท่าไร ถ้าจะให้ควักกระเป๋าจ่ายเงินหลักร้อยเพื่อแลกกับเค้กหนึ่งชิ้น คงจะคิดหนัก เพราะ 100 บาทนี่ซื้อข้าวได้ 2 มื้อเลยนะ! ตัดใจไม่กินจะดีกว่า

– ชอบของที่หลากหลาย

เคยไปร้านขนมแล้วอยากกินหลายอย่าง แต่ว่าชิ้นใหญ่กลัวกินไม่หมดใช่ไหม ผมว่าหลายคนคงเคยเจอเหตุการณ์นี้ และจำเป็นต้องเลือกแค่ 1-2 ชิ้นเท่านั้น ร้านก็สูญเสียโอกาสในการขาย ลูกค้าก็สูญเสียโอกาสที่จะได้ลองสิ่งที่ตัวเองอยากกิน

2.คู่แข่งสูงขึ้นมาก

สังเกตไหมครับว่าตอนนี้ในห้างฯ มีร้านขนมเปิดใหม่เยอะมาก แถมมีขนมที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งทาร์ต ไอศกรีม เค้ก บิงซู ฮันนี่โทสต์ ฯลฯ แน่นอนว่าลูกค้าก็มีตัวเลือกมากขึ้น ถ้าร้านไม่ปรับตัวให้สอดคล้องกับความต้องการ หรือไม่มีอะไรใหม่ๆ ที่ดึงดูดลูกค้า มีหวังลูกค้าหนีไปร้านอื่นหมดแน่นอน

จากเหตุผลที่เราวิเคราะห์มา ทำให้Bake A Wish ต้องปรับตัว โดยการออกสินค้าใหม่ คือเค้กที่มีขนาดเล็กลง ราคาเริ่มต้นชิ้นละ 10 บาท ซึ่งนอกจากจะตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ตรงจุดแล้ว ยังมีข้อดีด้านอื่นๆ ด้วย คือ

1.ขยายฐานลูกค้าใหม่: หลายคนไม่กล้าลองซื้อ เพราะราคาต่อชิ้นค่อนข้างสูง (ถ้าไม่ถูกปากนี่เสียดายเลยนะ) แต่ตอนนี้มีเงิน 10 บาท ก็ซื้อเค้กมาลองกินได้แล้ว เป็นใครก็อยากลองจริงไหม และถ้าลองแล้วติดใจ เขาย่อมกลับมาซื้อซ้ำแน่นอน

2.ออกโปรฯ 10 แถม 1 ไม่ต้องกลัวยอดขายตก: หลายคนกลัวว่า ปรับไซส์เล็กลง ราคาถูกลง ลูกค้าก็ต้องจ่ายน้อยลงตามไปด้วย (จากเดิมที่ขายชิ้นเดียวได้ 70 บาท ก็เหลือแค่ 10 บาทเท่านั้น) ร้านเลยออกโปรฯ 10 แถม 1 มารองรับ กระตุ้นให้คนอยากซื้อมากขึ้น ซึ่งเท่าที่เราสังเกตปริมาณเค้กในกล่องของลูกค้า ก็ถือว่าประสบความสำเร็จมากเลย เพราะคนส่วนใหญ่มักจะ “หยิบเพลิน” อันนี้ก็น่ากิน อันนั้นก็น่าลอง หยิบไปหยิบมาก็ 5-6 ชิ้นแล้ว เพิ่มอีกไม่กี่ชิ้นจะได้ของแถม อย่างนั้นซื้อ 10 เลยแล้วกัน ฉะนั้นถึงชิ้นจะเล็กลง แต่ร้านก็ได้เงินจากลูกค้าหลักร้อยเท่าเดิม

3.ลูกค้าได้ลองสินค้า โดยที่ร้านไม่ต้องให้ชิมฟรี: ปกติ Bake A Wish จะมีเมนูเค้กให้ลูกค้าได้ชิมอยู่บ่อยๆ เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้ลองสินค้า แถมกระตุ้นให้อยากซื้อ ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อให้ลูกค้าชิม ย่อมเป็นต้นทุนด้านการตลาด แต่ตอนนี้ไม่ต้องให้ชิมฟรีแล้ว เพราะลูกค้ายินดีจ่ายเงิน 10 บาท เพื่อลองซื้อเมนูที่ตัวเองอยากกิน

4.เพิ่มยอดขาย คนซื้อบ่อยขึ้น: ด้วยขนาดที่เล็ก ราคาที่ถูก ทำให้คนตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น ไม่ต้องรอโอกาสพิเศษ ไม่ต้องคิดนานว่าซื้อไปแล้วจะกินไม่หมด แถมไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำหนัก ฉะนั้นจึงซื้อได้บ่อยมากขึ้น ควักกระเป๋าจ่ายได้ง่ายขึ้น ร้านก็ได้เงินจากลูกค้ามากขึ้นด้วย

เห็นไหมครับ แค่ปรับไซส์สินค้าให้เล็กลง ก็มีเรื่องให้เราได้เรียนรู้เยอะเลย ใครที่ทำธุรกิจอาหารอยู่ หรือกำลังจะเริ่มก้าวเข้ามาในธุรกิจนี้ ถ้าเห็นคู่แข่งปรับกลยุทธ์ หรือมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ลองกลับมานั่งวิเคราะห์ดูครับ ผมว่าเราน่าจะได้ไอเดียใหม่ๆ ไปต่อยอดธุรกิจได้มากเลย

ขอบคุณภาพจาก Bake a Wish

เรื่องแนะนำ

จุดขาย

3 จุดขาย ปั้นร้านให้เป็นจุดหมาย (Food Destination)

ไม่ว่าคุณจะทำธุรกิจอาหารประเภทใด คุณ (อาจ) ไม่ใช่คนเดียวที่กำลังทำธุรกิจนั้นๆ อยู่ แล้วคุณจะหา จุดขาย ให้ร้านของคุณแตกต่างจากร้านอาหารของเจ้าอื่นได้อย่างไร

6 เคล็ดลับ การเปิดร้านอาหาร ให้ “รอด” และ “รวย”

บางคนคิดว่า การเปิดร้านอาหาร เป็นเรื่องง่ายมีเงินก็สามารถเปิดร้านได้แล้ว แต่จะเปิดให้อยู่รอดได้นั้นยากมาก แล้วเคล็ดลับที่จะทำให้ร้านอาหารอยู่รอด คืออะไร? ” การเปิดร้านอาหาร นั้นง่าย แต่ให้อยู่รอดนั้นยาก” คำกล่าวที่ใครหลายๆคนพูดไว้ ธุรกิจร้านอาหารเป็นธุรกิจสำหรับคนที่พอมีเงินลงทุน มักจะเลือกลงทุน เพราะคิดว่าเป็นธุรกิจที่ไม่ยุ่งยาก อย่างไรก็ตามกลับพบว่า ร้านอาหารที่เปิดขึ้นมากมายในแต่ละปีนั้น ปิดตัวลงไปหลายร้าน สาเหตุอาจมาจาก รายได้ไม่เป็นไปตามที่คิด เงินทุนสำรองไม่พอ ค่าใช้จ่ายสูง ในที่สุดก็ต้องปิดกิจการลง สำหรับมือใหม่ที่อยากมีอาชีพด้วยการเปิดร้านอาหาร วันนี้เรามีเคล็ดลับการเปิดร้านอาหาร ให้รอด และ รวย  มาฝากคนที่อยากทำร้านอาหารค่ะ   1.ทำเลที่ตั้ง คนที่อยากจะเปิดร้านอาหาร ไม่ว่าใครต่อใครก็อยากอยู่ในบริเวณแหล่งชุมชนคนเยอะๆ ถ้าจะให้ดีควรลงพื้นที่สำรวจและสังเกตว่ามีกลุ่มลูกค้ามากน้อยแค่ไหน ดูว่ากลุ่มคนแถวนั้นเป็นลูกค้ากลุ่มใด เช่น พนักงานบริษัท กลุ่มคนทำงานโรงงาน กลุ่มนักเรียน นักศึกษา หรือพ่อบ้านแม่บ้าน เพราะกลุ่มคนจะสัมพันธ์กับชนิดสินค้าและราคาที่เราจะขาย เช่น เราคงไม่เปิดร้านอาหาร Fine Dining ในย่านสถานศึกษาเพื่อขายนักเรียน แต่ควรขายของที่กินง่ายๆ อย่างไก่ป๊อบทอด เฟรนช์ไฟลส์ทอด ในราคาไม่แพง นอกจากนั้นต้องรู้ว่าเวลาเข้างาน พักเที่ยง เลิกงาน  เพื่อให้เรารู้ว่าเวลาไหนคนเยอะคนน้อย เตรียมของขายได้ถูกช่วงเวลา […]

อยากโตในระบบอุตสาหกรรม ต้องทำอย่างไร ?

ช่องทางการเติบโตของธุรกิจมีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการขยายสาขา การแตกไลน์ผลิตภัณฑ์ การหาพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ ฯลฯ แต่ช่องทางที่น่าจับตามากที่สุดตอนนี้คือ

ร้านอาหารต้องพัฒนาเมนู

3 ปัจจัยที่ทำให้ ร้านอาหารต้องพัฒนาเมนู อยู่เสมอ

บางร้านอาจคิดว่า เมื่อเมนูเดิมดีอยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องพัฒนา แต่รู้ไหม นี่เป็นจุดอ่อนสำคัญของธุรกิจ ฉะนั้นมาดูปัจจัยที่ทำให้ ร้านอาหารต้องพัฒนาเมนู ดีกว่า

Follow Me

Contact

เว็บไซต์ : amarinacademy.com
บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน)
Tel : 02-422-9999 ต่อ 4662 หรือ 4669, 092-254-0742
Email : amarin.academy@gmail.com

สนใจลงโฆษณากับเว็บไซต์ Amarin Academy
Tel. 081-664-0666, 091-729-8060
E-mail : sineenart_ya@amarin.co.th

© COPYRIGHT 2023 AMARIN PRINTING AND PUBLISHING PUBLIC COMPANY LIMITED.