5 ข้อพลาดของนักธุรกิจ รุ่นใหม่
ยุคนี้คนรุ่นใหม่หลายคนเริ่มผันตัวมาเป็นเจ้าของธุรกิจมากขึ้น แน่นอนว่าคนรุ่นใหม่ย่อมมีไฟทางความคิด และความคิดสร้างสรรค์ดีๆ มากมาย แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีประสบการณ์ในการทำธุรกิจไม่มากพอ จนอาจก้าวพลาดในบางข้อ วันนี้เราจะมายกตัวอย่างให้ฟังว่า ข้อพลาดของนักธุรกิจ มีอะไรบ้าง เผื่อเป็นประโยชน์สำหรับคนที่อยากเริ่มทำธุรกิจครับ
1.ไม่กำหนดเป้าหมายก่อนลงมือทำ
เป้าหมาย ถือเป็นสิ่งแรกที่ควรคิดถึงเมื่อเริ่มทำธุรกิจ แต่เป็นสิ่งที่หลายคนอาจมองข้าม (ส่วนใหญ่มักโฟกัสกับกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากกว่า) โดยเป้าหมายที่ต่างกัน ก็จะส่งผลให้วิธีการดำเนินงานต่างกันด้วย เช่น หากคุณกำหนดเป้าหมายว่าต้องขยายร้านให้ได้ 3 สาขา ภายใน 5 ปี สิ่งที่คุณต้องทำคือ เร่งพัฒนาระบบงานให้ราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากที่สุด เพื่อรองรับการเติบโต แต่หากเป้าหมายของคุณคือ การเพิ่มยอดขายให้แตะหลักล้านภายใน 1 ปี สิ่งที่คุณต้องทำคือเร่งทำการตลาดทุกช่องทาง เพื่อให้สินค้าเป็นที่รู้จัก กระตุ้นให้เกิดการซื้อมากที่สุด
ทั้งนี้การกำหนดเป้าหมาย ควรแบ่งเป็น 3 ระยะคือ ระยะยาว เพื่อให้เห็นภาพรวมธุรกิจทั้งหมดในอนาคต ระยะกลาง เพื่อกำหนดเส้นทางในการดำเนินงานเพื่อไปสู่เป้าหมายระยะยาว และระยะสั้น เพื่อจะได้ทราบว่าควรวางแผนดำเนินการอย่างไรเพื่อพิชิตเป้าหมายในแต่ละระยะได้สำเร็จ
2.ไม่วางแผนและกำหนดสัดส่วนการลงทุน
ผู้ประกอบการรุ่นใหม่หลายคนมักประสบปัญหา “งบประมาณบานปลาย” สาเหตุหลักมาจากการไม่กำหนดสัดส่วนเงินลงทุน เช่น ร้านอาหารจำเป็นต้องแบ่งงบประมาณด้านค่าเช่าพื้นที่ การก่อสร้างหรือตกแต่งร้าน อุปกรณ์ครัว พนักงาน วัตถุดิบ และยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งหากกำหนดงบประมาณแค่คร่าวๆ สุดท้ายแล้ว เงินอาจไม่พอสำหรับลงทุนในด้านอื่นๆ
หมายเหตุ: ส่วนใหญ่แล้วเจ้าของร้านอาหารมักประสบปัญหางบประมาณส่วนตกแต่งร้านบานปลาย (เพราะต้องการให้ร้านในฝันสวยที่สุด) ไหนจะค่าโครงสร้าง ค่าตกแต่ง ค่าเฟอร์นิเจอร์ และของแต่งร้านต่างๆ ฉะนั้นก่อนจะแต่งร้าน คำนึงไว้เสมอว่า คุณยังต้องใช้เงินลงทุนอีกมากในด้านอื่นๆ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการทำธุรกิจ เพราะไม่ว่าร้านสวยแค่ไหน แต่พนักงานไม่พอ อาหารออกช้า วัตถุดิบไม่มีคุณภาพ เพราะเงินหมด ธุรกิจก็ไม่ประสบความสำเร็จแน่นอน
3.พยายามทำทุกอย่างด้วยตัวเอง
เชื่อว่าข้อนี้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่เป็นกันทุกคน เพราะต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายให้มากที่สุด ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิด แต่เมื่อกิจการเติบโตขึ้นเรื่อยๆ คุณต้องหยุดทำงานทุกอย่างเอง แต่ต้องแบ่งงานบางส่วนให้ลูกน้องทำ เพื่อที่ตัวเองจะได้เอาเวลาไปโฟกัสงานที่สำคัญและจำเป็น เช่น การวางแผนการเติบโตในอนาคต เป็นต้น
4.รอให้ทุกอย่าง Perfect ค่อยเริ่มลงมือ
ไม่มีสิ่งใดสมบูรณ์แบบ ยิ่งการทำธุรกิจ มักมีปัญหาเข้ามาให้แก้เสมอ ฉะนั้นถ้าคุณมัวแต่รอให้ทุกอย่างสมบูรณ์ 100% ก็อาจไม่ได้เริ่มดำเนินธุรกิจเลยก็ได้ แต่สิ่งที่คุณทำได้คือ ทำทุกอย่างให้เต็มที่และเรียนรู้จากสิ่งที่ผิดพลาด เพื่อพัฒนาธุรกิจให้ดีขึ้นอยู่เสมอ
5.ยึดความต้องการตัวเองมากกว่าลูกค้า
การทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ สิ่งสำคัญคือฟังความต้องการของลูกค้าและนำมาต่อยอด เพื่อตอบโจทย์ความต้องการให้ตรงจุด แต่จุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจส่วนใหญ่ มักเริ่มจากความต้องการของผู้ประกอบการ เช่น อยากเปิดร้านอาหาร อยากทำธุรกิจโรงแรม อยากขายสินค้าออนไลน์ และอีกสารพัดอยาก ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดที่คุณอยากทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ แต่ปัญหาสำคัญคือ การที่คุณจะนำสิ่งที่ตัวเองชอบ มาสร้างรายได้นั้น แค่ความชอบของคุณคนเดียวคงไม่พอ แต่ต้องศึกษาความชอบของลูกค้า ซึ่งเป็นผู้ที่จะจ่ายเงินให้คุณด้วย เพราะบางครั้งสิ่งที่คุณคิดว่าดี อาจไม่ใช่สิ่งที่ลูกค้าต้องการ
ดังนั้นเมื่อรู้ว่าตัวเองชอบอะไร อย่าเพิ่งลงมือทันที ควรศึกษาความต้องการของลูกค้าด้วย และนำทั้ง 2 สิ่งมาชั่งน้ำหนัก หาจุดร่วม เพื่อสร้างเป็นสินค้าและบริการที่คุณเองก็มีความสุขที่จะทำ และลูกค้าก็ยินดีที่จะซื้อ