ไผ่ทอง ไอศกรีม อันละ 10 บาท ปีละเกือบ 100 ล้าน! - Amarin Academy

ไผ่ทอง ไอศกรีม อันละ 10 บาท ปีละเกือบ 100 ล้าน!

ไขสูตรลับธุรกิจดัง ไผ่ทอง ไอศกรีม อันละ 10 บาท ปีละ เกือบ 100 ล้าน!

ไผ่ทอง ไอศกรีม พูดถึงยี่ห้อนี้ เราว่าแทบไม่ใครไม่รู้จัก เพราะเป็นแบรนด์ไอศกรีมรถเข็นที่เปิดมานานถึง 68 ปี ถึงแม้ว่าจะเป็นไอศกรีมรถเข็นที่ราคาเริ่มต้นแค่ 10 บาท แต่ยอดขายกลับไม่ธรรมดา เพราะในปี 2560 รายได้ของ หจ.ไผ่ทองซีกิมเซ็ง รวมกับ บจก.ไทยฟูด คิงด้อม ผู้ดูแล จัดจำหน่ายสินค้าไผ่ทอง มียอดขายสูงถึง 75.5 ล้านบาท! (ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์) แถมยังมีแนวโน้มโตอย่างต่อเนื่องด้วย เพราะอะไร ไผ่ทอง ไอศกรีม รถเข็นหน้าตาธรรมดา ที่ไม่ได้ทำการตลาดอย่างเข้มข้น ไม่มีหน้าร้านเป็นหลักเป็นแหล่ง (อยากกินแต่ละทีต้องตามหา) ถึงครองใจลูกค้ามาได้นานขนาดนี้ เราจะมาไขสูตรลับให้ฟัง!

ก่อนจะไปรู้เคล็ดลับธุรกิจของไผ่ทอง มาดูแนวโน้มตลาดไอศกรีมประเทศไทยในเบื้องต้นกันก่อน จากข้อมูลของ Euromonitor International ระบุว่าตลาดไอศกรีมของไทยในปี 2016 มีมูลค่าประมาณ 13,853 ล้านบาท และคาดว่าในปี 2021 มูลค่าตลาดนี้จะพุ่งขึ้นไปถึง 18,694 ล้านบาท เท่ากับว่า โอกาสการเติบโตของตลาดยังมีอีกมากทีเดียว ดังนั้นใครที่กำลังสนใจธุรกิจอาหาร ไอศกรีมถือเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ไม่ควรมองข้าม

Delivery ยุคแรก >> กลยุทธ์กระจายหน้าร้าน สู่หน้าบ้านลูกค้า

ความสะดวกสบายในการซื้อหาสินค้า คือหัวใจหลักของการทำธุรกิจในยุคนี้ ด้วยการแข่งขันที่รุนแรง ผู้เล่นแต่ละรายจึงต้องเสนอความสะดวกสบายให้ลูกค้ามากที่สุด ทั้งมีบริการหลังการขาย มีบริการจัดส่งสินค้าหรือ Delivery

แต่ถ้าย้อนกลับไปเมื่อ 60 ปีที่แล้ว ซึ่งการแข่งขันไม่ได้สูงขนาดนี้ ไผ่ทอง ไอศกรีมกลับเป็นธุรกิจไอศกรีมเจ้าแรกๆ ที่ใช้วิธีการรุกตลาดด้วยเทคนิค Delivery ใช้รถเข็นไอศกรีมเป็นเครื่องมือ ขายสินค้าถึงหน้าบ้าน ถึงแม้ว่าตอนนี้จะมีการพัฒนารูปแบบเป็นการสั่งซื้อทางออนไลน์แล้วมีบริการ LINEMAN LALAMOVE หรือ GRABBIKE มาส่งแต่สุดท้ายแล้วก็มีต้นกำเนิดจากวัตถุประสงค์เดียวกันคือการกระจายสินค้าให้ผู้บริโภคเข้าถึงง่ายที่สุด

ใช้หลักจิตวิทยาการทำการตลาดที่ผู้บริโภคไม่เคยรู้

การใช้รถเข็นมาขายที่หน้าบ้าน โดยไม่มีหน้าร้านที่แน่นอน มองฝั่งหนึ่งก็เป็นข้อเสียนะครับ เพราะบางครั้งลูกค้าอยากกิน แต่ก็หาซื้อไม่ได้ แต่รู้ไหม วิธีนี้มันเป็นหลักจิตวิทยาการตลาดอย่างหนึ่งที่ทำให้สินค้ามีคุณค่ามากขึ้น

เคยรู้สึกไหมว่าบางครั้ง เราไม่ได้นึกถึงหรืออยากจะกินไอศกรีมไผ่ทองหรอก แต่พอได้ยินเสียงกระดิ่งพร้อมรถเข็นสีเขียวๆ ก็ต้องรีบวิ่งออกไปซื้อ เพราะรู้สึกว่านานๆ จะมาซักที ถ้าพลาดโอกาสซื้อครั้งนี้ วันนี้คงไม่ได้กินแล้ว

ไอศกรีม ไผ่ทอง
ไอศกรีม ไผ่ทอง กระจายสินค้าสู่หน้าบ้านลูกค้า

ความรู้สึกและความคิดแบบนี้หมายความว่า เรากำลังให้คุณค่ากับสินค้าโดยที่เราไม่รู้ตัว ยิ่งไปกว่านั้นเรากำลังควักกระเป๋าจ่ายเงิน ทั้งๆ ที่เราอาจจะไม่ได้ต้องการมันตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ เท่ากับว่าบริษัทประสบความสำเร็จสามารถกระตุ้นให้ผู้บริโภคให้เกิดความต้องการขึ้นมาได้โดยไม่รู้ตัวนั่นเอง

หลักการที่ว่านี้มีการทดลองยืนยันด้วย โดยนักวิจัยชื่อ Worchel, Lee และ Adewole เขาต้องการทดลองว่า คนให้คุณค่าสิ่งของอย่างไร เลยทำการทดลองด้วยการวางคุกกี้ที่เหมือนกันเป๊ะ ๆ ในขวดโหล 2 ขวด แต่มีปริมาณไม่เท่ากัน

ขวดนึงมี 10 ชิ้น อีกขวดมี 2  ชิ้น และให้กลุ่มตัวอย่างเลือกว่าจะหยิบขวดไหน

ผลลัพธ์คือ กลุ่มตัวอย่างเลือกหยิบคุกกี้ในขวดโหลที่มีคุกกี้อยู่น้อยกว่า หมายความว่า คนมักให้คุณค่าสิ่งของ โดยคิดว่ายิ่งมีน้อยยิ่งมีค่ามากนั่นเอง

หลักการนี้ก็คล้ายๆ กับการที่บริษัทระดับโลกที่ขยันออกสินค้าพวก LIMITED EDITION แหละครับ เพียงแต่แตกต่างกันนิดหน่อยตรงที่ ไผ่ทองไม่ได้จำกัดจำนวนสินค้า แต่จำกัด “ช่วงเวลา” การเข้าถึงสินค้านั่นเอง (เข็นผ่านมาแล้วผ่านเลยไปนะจ๊ะ อย่าคิดนาน อยากกินต้องซื้อเลย)

แม้ว่าทุกวันนี้อาจจะเริ่มหาซื้อง่ายขึ้นเพราะรถเข็นบางเจ้าก็ตั้งขายอยู่ที่เดิมๆ และมีจำนวนผู้ขายมากขึ้น แต่ก็เป็นหลักการที่นำไปใช้ทำการตลาด เพิ่มคุณค่าให้สินค้าได้ดีทีเดียว

ไอศกรีม ไผ่ทอง
กองทัพ พ่อค้า-แม่ค้า ไผ่ทอง ไอศกรีม เข็นความสุขสู่ลูกค้า

ราคาถูก ลูกค้าเข้าถึงง่าย แต่คู่แข่งวิ่งตามยาก

ราคาถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ไผ่ทองเป็นสินค้าที่ “ซื้อง่าย ขายคล่อง” เพราะอันละ 5 บาท 10 บาท แพงสุดก็ 20 บาท ซื้อได้โดยไม่ต้องคิดนาน แถมราคายังเป็นจุดแข็งสำคัญในการป้องกันคู่แข่ง เพราะด้วยราคาขายที่ถูกขนาดนี้ การจะเข้ามาแข่งในตลาดระดับเดียวกันถือว่ายากมาก แต่สาเหตุที่ไผ่ทองขายในราคานี้ได้เพราะเน้นขายจำนวนมาก (กำไรไม่มากแต่เน้นปริมาณ) ซึ่งเรื่องปริมาณก็ไม่ต้องพูดถึง ไผ่ทองเป็นแบรนด์ที่อยู่ในตลาดมาเป็นเวลานาน มีคนรู้จัก เชื่อมั่นในสินค้า ทำให้มีฐานลูกค้าจำนวนมาก และกลุ่มลูกค้าไม่ได้มีแค่พ่อค้าแม่ค้าทั่วไป แต่มีระบบตัวแทนจำหน่าย สั่งซื้อในปริมาณมากๆ เพื่อให้คนมารับไปขายต่อด้วย

ไม่เคยลดคุณภาพสินค้า

ข้อนี้ต้องย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นของไผ่ทองเมื่อ 68 ปีที่แล้ว ช่วงแรกคุณกิมเซ็ง แซ่ซี่ ทำอาชีพรับไอศกรีมไปขาย แต่พบว่าคุณภาพไม่คงที่ เมื่อบอกให้ทางร้านปรับปรุงก็ได้คำตอบกลับมาว่า “ถ้าอยากจะทำให้ดีกว่านี้ ก็ไปทำเองสิ”

นี่คือจุดเริ่มต้นด้านคุณภาพของไผ่ทอง ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา คุณภาพของไผ่ทองก็ไม่เคยลดลง นี่เป็นจุดสำคัญในการสร้างฐานลูกค้า ทำให้เกิดลูกค้าประจำ

ไผ่ทอง ไอศกรีม
ไผ่ทอง ไอศกรีม คนขายใจดี แต่…ทำไมต้องเท่ขนาดนั้นล่ะ

ไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเอง

ไผ่ทองถึงแม้จะเป็นไอศกรีมราคาหลักสิบ แต่ก็มีการพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ตั้งแต่เริ่มธุรกิจก็มีการนำเครื่องจักรมาผลิตไอศกรีมเพื่อควบคุมมาตรฐาน มีการพัฒนารสชาติใหม่ๆ จนปัจจุบันมีมากถึง 14 รสชาติ เมื่อถึงยุคโซเชียลมีเดียก็เริ่มทำการตลาดออนไลน์ (แม้จะยังไม่เต็มรูปแบบ แต่ก็ถือว่ากำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้น)

หัวใจสำคัญของการทำธุรกิจคือต้องไม่หยุดพัฒนาตัวเอง นี่คือสิ่งที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ

อ่านแล้ว…อยากกินไผ่ทองเลยไหมครับ

เรื่องแนะนำ

6 เคล็ดลับ การเปิดร้านอาหาร ให้ “รอด” และ “รวย”

บางคนคิดว่า การเปิดร้านอาหาร เป็นเรื่องง่ายมีเงินก็สามารถเปิดร้านได้แล้ว แต่จะเปิดให้อยู่รอดได้นั้นยากมาก แล้วเคล็ดลับที่จะทำให้ร้านอาหารอยู่รอด คืออะไร? ” การเปิดร้านอาหาร นั้นง่าย แต่ให้อยู่รอดนั้นยาก” คำกล่าวที่ใครหลายๆคนพูดไว้ ธุรกิจร้านอาหารเป็นธุรกิจสำหรับคนที่พอมีเงินลงทุน มักจะเลือกลงทุน เพราะคิดว่าเป็นธุรกิจที่ไม่ยุ่งยาก อย่างไรก็ตามกลับพบว่า ร้านอาหารที่เปิดขึ้นมากมายในแต่ละปีนั้น ปิดตัวลงไปหลายร้าน สาเหตุอาจมาจาก รายได้ไม่เป็นไปตามที่คิด เงินทุนสำรองไม่พอ ค่าใช้จ่ายสูง ในที่สุดก็ต้องปิดกิจการลง สำหรับมือใหม่ที่อยากมีอาชีพด้วยการเปิดร้านอาหาร วันนี้เรามีเคล็ดลับการเปิดร้านอาหาร ให้รอด และ รวย  มาฝากคนที่อยากทำร้านอาหารค่ะ   1.ทำเลที่ตั้ง คนที่อยากจะเปิดร้านอาหาร ไม่ว่าใครต่อใครก็อยากอยู่ในบริเวณแหล่งชุมชนคนเยอะๆ ถ้าจะให้ดีควรลงพื้นที่สำรวจและสังเกตว่ามีกลุ่มลูกค้ามากน้อยแค่ไหน ดูว่ากลุ่มคนแถวนั้นเป็นลูกค้ากลุ่มใด เช่น พนักงานบริษัท กลุ่มคนทำงานโรงงาน กลุ่มนักเรียน นักศึกษา หรือพ่อบ้านแม่บ้าน เพราะกลุ่มคนจะสัมพันธ์กับชนิดสินค้าและราคาที่เราจะขาย เช่น เราคงไม่เปิดร้านอาหาร Fine Dining ในย่านสถานศึกษาเพื่อขายนักเรียน แต่ควรขายของที่กินง่ายๆ อย่างไก่ป๊อบทอด เฟรนช์ไฟลส์ทอด ในราคาไม่แพง นอกจากนั้นต้องรู้ว่าเวลาเข้างาน พักเที่ยง เลิกงาน  เพื่อให้เรารู้ว่าเวลาไหนคนเยอะคนน้อย เตรียมของขายได้ถูกช่วงเวลา […]

ยูนิโคล่

5 เคล็ดลับความสำเร็จของ ยูนิโคล่ พลิกจากความผิดพลาดสู่ความสำเร็จ

เขาเคยเขียนหนังสือที่ชื่อว่า “ชนะหนึ่ง แพ้เก้า” เอาไว้ ในหนังสือเผยให้รู้ว่าเขาวางแผนไว้ 10 อย่างแต่ล้มเหลวไปเสีย 9 อย่าง แต่ความสำเร็จหนึ่งเดียวนั้น ทำให้เขาก้าวไกลมาจนถึงวันนี้...

ขายอาหารในศูนย์การค้า

10 ขั้นตอน ขายอาหารในศูนย์การค้า ต้องเริ่มอย่างไร?

เชื่อว่ามีร้านอาหารมากมาย ที่เคยคิดอยากจะเปิดร้านอาหารภายในศูนย์การค้า รวมถึงร้านที่ไม่ใช่แบรนด์ดัง ก็อยากจะพาร้านตัวเองเข้าสู่ศูนย์การค้า เพื่อให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น แต่ก็มีหลายคำถามมากๆว่า ขายอาหารในศูนย์การค้า ต้องเริ่มอย่างไร มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง ยุ่งยากหรือไม่ คุณประภา จิตวิวัฒน์พร Leasing Manager Business Development Group ศูนย์การค้า Seacon Square มาให้คำตอบแบบ Step by Step ให้เจ้าของร้านให้ทราบกันเลย   10 ขั้นตอน ขายอาหารในศูนย์การค้า Step by Step ขั้นตอนแรก เจ้าของร้านต้องโทรเข้ามาที่ศูนย์การค้าเพื่อ ติดต่อฝ่ายขาย ว่ามีความประสงค์ต้องการจะเปิดร้านอาหาร ทีมฝ่ายขายจะมีการสอบถามเบื้องต้นว่า ต้องการเปิดร้านอะไร พื้นที่เท่าไหร่ จากนั้นก็จะให้ทางร้านส่ง Brand Profile มาให้พิจารณาเป็นลำดับถัดไป เจ้าของร้านส่ง Brand Profile ให้ศูนย์การค้าพิจารณา จุดนี้สำคัญมาก เจ้าของร้านต้องทำโปรไฟล์ร้านของตัวเองก่อน เพื่อให้รู้ว่าร้านของคุณเป็นอย่างไร ขายอาหาร หรือเครื่องดื่มประเภทใด หรือแม้กระทั่งมีจุดเด่นอะไรที่น่าสนใจ ยิ่งหากไม่ใช่ร้านดัง Brand […]

เพิ่มยอดขาย

เสิร์ฟเร็วขึ้น 10 นาที เพิ่มยอดขาย ได้ปีละ 4 แสน!

ร้านอาหาร ส่วนใหญ่มักเลือกเล่นโปรโมชั่นเพื่อ เพิ่มยอดขาย แต่เรามีวิธีทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น โดยที่กำไรไม่ลดลง แถมยอดขายยังสูงสม่ำเสมอ มาแนะนำ

Follow Me

Contact

เว็บไซต์ : amarinacademy.com
บริษัท อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน)
Tel : 02-422-9999 ต่อ 4662 หรือ 4669, 092-254-0742
Email : amarin.academy@gmail.com

ติดต่อแจ้งปัญหาหรือร้องเรียน
02-422-9999 ต่อ 4180
(จันทร์ – ศุกร์ เวลา 09.00 – 18.00 น)
bdcx@amarin.co.th

สนใจลงโฆษณากับเว็บไซต์ Amarin Academy
Tel. 081-664-0666, 091-729-8060
E-mail : sineenart_ya@amarin.co.th

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.