ต่อเติมพื้นที่อาศัยเป็นคาเฟ่ ต้องรู้เรื่องกฎหมายอะไรบ้าง ?

ต่อเติมพื้นที่อาศัยเป็นคาเฟ่ ต้องรู้เรื่องกฎหมายอะไรบ้าง ?

ต่อเติมพื้นที่อาศัยเป็นคาเฟ่
ต้องรู้เรื่องกฎหมายอะไรบ้าง ?
ปรับปรุงอาคาร ที่จอดรถ เพื่อพาณิชย์
กฎหมายเบื้องต้นสำหรับคนทำคาเฟ่

ธุรกิจคาเฟ่ยังคงเป็นรูปแบบธุรกิจที่ผู้ประกอบการหลายต่อหลายคนให้ความสนใจที่จะก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตลาด ด้วยความนิยมนี้จึงทำให้เราสามารถพบเห็นการเปิดร้านคาเฟ่ใหม่ได้เรื่อย ๆ ซึ่งก็มีทั้งร้านขนาดใหญ่ กลาง เล็กคละกันไป แม้ว่าธุรกิจรูปแบบนี้จะเปิดได้ไม่ยาก แต่ก็ต้องอย่าลืมว่าในการทำธุรกิจก็ยังต้องให้การคำนึงถึงข้อกฎหมายต่าง ๆ โดยเฉพาะในการเริ่มต้นเปิดร้าน ที่จะมีกฎหมายเกี่ยวกับการดัดแปลง ออกแบบอาคารเข้ามาเกี่ยวข้อง


ทั้งนี้ก็เพื่อให้พื้นที่นั้น ๆ มีความเหมาะสมต่อการใช้งาน มีความปลอดภัย รวมถึงมีเสถียรภาพในเชิงภาษีและการทำบัญชีในอนาคต แม้ว่าร้านกาแฟขนาดเล็กอาจไม่ถูกบังคับใช้กฎหมายบางข้อ แต่การรู้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจที่ทำ ก็จะช่วยเปิดมุมมอง หรือทำให้เราสามารถนำไปปรับใช้กับธุรกิจได้ในอนาคต เมื่อถึงคราวที่ต้องการขยับขยาย ว่าแต่เราควรรู้กฎหมายอะไรบ้าง ? มาดูกัน

 

  • กฎหมายควบคุมอาคารเบื้องต้น

ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจนิยามทางกฎหมายอาคารของ “ร้านกาแฟหรือคาเฟ่” ว่าร้านรูปแบบนี้เข้าข่ายทั้งการเป็น “อาคารพาณิชย์” และ “ภัตตาคาร” จึงต้องทำการพิจารณากฎหมายของทั้งสองส่วนไปพร้อม ๆ กัน โดย ทางกฎหมายได้มีการนิยามว่า

– อาคารพาณิชย์ คือ อาคารใด ๆ ที่ใช้เพื่อประโยชน์ในการพาณิชยกรรมได้ และเป็นอาคารที่ก่อสร้างห่างจากถนนไม่เกิน 20 เมตร

– ภัตตาคาร คือ อาคารหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของอาคารที่ใช้เป็นที่ขายอาหารหรือเครื่องดื่ม มีพื้นที่สำหรับตั้งโต๊ะอาหารไว้บริการภายในหรือนอกอาคาร โดยไม่ได้กำหนดขนาดขั้นต่ำไว้

– ที่ว่าง คือ พื้นที่อันปราศจากหลังคา หรือสิ่งก่อสร้างปกคลุม อาจจะเป็นบ่อน้ำ สระว่ายน้ำ ที่พักขยะ หรือที่จอดรถ รวมถึงสิ่งก่อสร้างหรืออาคารที่สูงจากระดับพื้นดินไม่เกิน 1.20 เมตร และไม่มีหลังคาหรือสิ่งก่อสร้างปกคลุมเหนือระดับนั้น ซึ่งในกฎหมายบางข้อ อาจมีข้อห้ามในส่วนของสิ่งก่อสร้างที่เป็นอุปสรรคต่อการสัญจรด้วย

ซึ่งทั้งนี้การตีความก็อาจแตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่น เพื่อความชัดเจนและปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง เจ้าของร้านจึงควรปรึกษากับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น รวมถึงขอคำแนะนำจากผู้ออกแบบก่อนวางแผนโครงการเสมอ

 

  • การเปลี่ยนอาคารเดิมเป็นคาเฟ่

หากเราต้องการเปลี่ยนอาคารเดิมให้เป็นคาเฟ่ เราต้องรู้ว่าอาคารเดิมได้ขออนุญาตไว้เป็นอาคารประเภทใด เพราะหากขออนุญาตไว้เป็นอาคารเพื่อการพักอาศัย การเปลี่ยนมาทำเป็นร้านกาแฟ ที่ถือเป็นการใช้สอยเพื่อการพาณิชย์ ก็จำเป็นที่จะต้องทำหนังสือขออนุญาตเปลี่ยนการใช้อาคาร (แบบ ข.๓) ต่อเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นให้ถูกต้อง
เนื่องจากตามกฎหมายอาคารพาณิชย์ได้กำหนดความสามารถของโครงสร้างในการรับน้ำหนักจร (Live Load) ที่มากกว่าอาคารที่พักอาศัย เราจึงจำเป็นต้องตรวจสอบว่าอาคารดังกล่าวมีความสามารถที่จะรับน้ำหนักจรได้ในระดับเดียวอาคารพาณิชย์หรือไม่ เพราะการใช้อาคารผิดจุดประสงค์ อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้อาคารได้ในอนาคต

 

  • กฎหมายที่จอดรถ

กฎหมายไม่ได้กำหนดให้ภัตตาคารที่มีพื้นที่นั่งน้อยกว่า 150 ตารางเมตร และอาคารพาณิชย์ที่มีพื้นที่น้อยกว่า 300 ตารางเมตร ต้องมีที่จอดรถ ฉะนั้นหากคาเฟ่ของเรามีขนาดที่เล็กกว่าข้อกำหนดดังกล่าว ก็ไม่จำเป็นต้องมีที่จอดรถตามกฎหมายก็ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการจัดเตรียมที่จอดรถไว้ให้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการก็ย่อมเป็นผลดีต้อร้าน และลดโอกาสที่จะเกิดผลกระทบต่อชุมชนรอบ ๆ ร้านด้วย ซึ่งหากลองคำนวณจากอัตราส่วนที่กฎหมายกำหนดแล้ว อาจประมาณได้ว่าเจ้าของร้านควรจัดให้มีที่จอดรถอย่างน้อย 1 คัน ต่อที่นั่ง 15 ตารางเมตร

 

  • กฎหมายบ้านแถว ห้องแถว ตึกแถว

หากเราดัดแปลงบ้านแถว ห้องแถว หรือตึกแถวเป็นคาเฟ่ นอกจากจะต้องดูกฎหมายสำหรับภัตตาคารและอาคารพาณิชย์แล้ว ก็อย่าลืมคำนึงถึงกฎหมายสำหรับบ้านแถว ห้องแถว หรือตึกแถวด้วย เพราะการดัดแปลงหรือต่อเติมที่ขัดต่อข้อกฎหมาย อาจมีผลต่อความปลอดภัยและการใช้งานในอนาคตได้เช่นกัน

ตัวอย่างข้อบังคับ เช่น ห้องแถวหรือตึกแถวจะสร้างต่อเนื่องกันเกิน 10 คูหา หรือมีความยาวไม่เกิน 40 เมตรไม่ได้ ดังนั้นห้องริมสุดของตึกแถวที่ยาวถึง 40 เมตร จะต่อเติมต่อเนื่องออกไปอีกไม่ได้, ในส่วนของผนังตึกแถวหรือบ้านแถวต้องทำด้วย “วัสดุถาวรที่ทนไฟ” เช่น ผนังก่ออิฐหนา อย่างน้อย 8 ซม. เป็นต้น

กฎหมายเป็นเรื่องที่อยู่ในชีวิตประจำวันของเราทุก ๆ คน ไม่เว้นแม้แต่การทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ไม่ว่าจะร้านอาหาร หรือคาเฟ่ ดังนั้นผู้ประกอบการจึงไม่ควรมองข้ามที่จะเรียนรู้เรื่องกฎหมายเกี่ยวกับธุรกิจของตน เพื่อสั่งสมเป็นองค์ความรู้ให้ตนเองทั้งรู้ทัน และรู้แจ้งในสิ่งที่กำลังทำให้ได้มากที่สุด

ส่วนหนึ่งจากหนังสือ HOUSE BECOMES CAFE เปลี่ยนบ้านเก่าเป็นคาเฟ่ ซึ่งภายในเล่มยังมีไอเดียและเทคนิคการเปลี่ยนบ้านเก่าเป็นคาเฟ่อีกมากมายอัดแน่นอยู่ในเล่ม หากใครสนใจอยากดูไอเดียอื่น ๆ เพิ่มเติมสามารถสั่งซื้อได้ที่ https://www.naiin.com/product/detail/526784

#AmarinAcademy #ร้านอาหาร #Cafe

เรื่องแนะนำ

FIFO

FIFO เทคนิคการจัดเก็บวัตถุดิบร้านอาหาร ที่ช่วยลดต้นทุนได้

การทำร้านอาหารหนึ่งร้าน ไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลยค่ะ เพราะคุณต้องรู้จักวิธีจัดการกับปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาหน้างาน หรือแม้แต่การหาวิธีป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น ไม่เว้นแม้แต่เรื่องในครัว เช่น การจัดการวัตถุดิบต่างๆ ถ้ารู้วิธีจัดการที่ถูกต้อง ก็สามารถช่วยลดต้นทุนให้กับร้านอาหารของคุณได้ด้วย ลองใช้เทคนิคจัดเก็บวัตถุดิบร้านอาหาร หรือ FIFO ดูค่ะ   FIFO เทคนิคการจัดเก็บวัตถุดิบร้านอาหาร อย่างที่กล่าวมาว่า ปัญหาเรื่องการจัดการวัตถุดิบในครัวนั้น เป็นปัญหาที่หลายร้านมักเจอ ไม่ว่าจะเป็น อาหารออกไม่ได้เพราะวัตถุดิบหมดสต๊อกแต่ไม่รู้, ลืมใช้วัตถุดิบจนหมดอายุ ทำให้สูญเสียวัตถุดิบโดยเปล่าประโยชน์, วัตถุดิบหาย และไม่มีใครรับผิดชอบ ซึ่งวัตถุดิบทุกอย่างล้วนเป็นต้นทุนร้านอาหารทั้งสิ้น หากเจ้าของร้านยังปล่อยให้เกิดปัญหาแบบนี้ไปเรื่อยๆ โดยไม่แก้ไข ร้านก็อาจจะถึงขั้นต้องปิดตัวลงได้ ดังนั้น จึงควรนำเทคนิค FIFO มาใช้เพื่อให้การจัดเก็บวัตถุดิบร้านอาหารมีประสิทธิภาพมากขึ้น   FIFO คือ? FIFO ย่อมาจาก First in First out หรือ “มาก่อน ใช้ก่อน” อธิบายง่ายๆ ก็คือ ถ้าวัตถุดิบใดมาส่งก่อน ก็หยิบใช้ก่อน เคล็ดลับง่ายๆ สำหรับการลดต้นทุนร้านอาหาร ซึ่งฟังดูเหมือนจะง่าย แต่บอกเลยว่าอาจจะทำได้ยากค่ะ   […]

ลดของเสียในร้านอาหาร

9 วิธีช่วย ลดของเสียในร้านอาหาร

หนึ่งในหัวใจสำคัญในการบริหารจัดการร้านอาหารให้ประสบความสำเร็จคือการควบคุมต้นทุนไม่ให้สูงจนเกินไป วันนี้เราจึงมีเทคนิคดีๆ ในการ ลดของเสียในร้านอาหาร มาแนะนำ

เจ้าของร้านจิวเวลรี่แชร์ ทำอาหารต้องถอดเครื่องประดับ! แหล่งสะสมเชื้อโรค มาตรฐานที่คนทำอาหารควรให้ความสำคัญ

ถอดบทเรียน เจ้าของร้านจิวเวลรี่แชร์ ทำอาหารอย่าลืมถอดเครื่องประดับ! เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคชั้นดี มาตรฐานความปลอดภัย ที่คนทำอาหารควรให้ความสำคัญ เวลาทำอาหารอย่าลืมถอดเครื่องประดับ!!! รู้หรือไม่ว่าเครื่องประดับที่เราใส่ ๆ กันอยู่ทุกวันเนี่ย เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคชั้นดีเลยนะ วันก่อนแอดได้เห็นโพสต์ที่เจ้าของร้านจิวเวลรีคนหนึ่งได้มาแชร์เป็นอุทาหรณ์ให้กับสมาชิกในกลุ่ม “เบเกอรี่พอเพียง” ถึงเรื่องการใส่เครื่องประดับทำขนมว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ โดยเฉพาะการใส่แหวน เพราะว่ามันสกปรกมาก อีกทั้งยังได้ส่งผลต่อภาพลักษณ์เรื่องความสะอาดของอาหารและร้านนั้น ๆ ด้วย 🔸แหล่งสะสมเชื้อโรค🤢 เจ้าของร้านจิวเวลรี่รายนี้ได้โพสต์ถึงประเด็นนี้ว่า “ว่ากันด้วยเรื่องของการใส่แหวนในการทำเบเกอรี่ ในฐานะของเจ้าของร้านจิวเวลรี่ อยากจะบอกทุกคนว่าให้ถอดก่อนทำเถอะค่ะ เพราะแหวนที่เราเห็นว่าสวยวิบวับเนี่ย ด้านในท้องแหวนหรือตามซอกเตยที่เกาะเพชร มันสกปรกมากเลยนะคะ เวลาเห็นคนที่ไลฟ์สดหรืออาจารย์ที่สอนตามคอร์สออนไลน์ใส่แหวนทำแล้วนี่รู้สึกไม่ดีทุกครั้ง เพราะเจอเวลาลูกค้าส่งแหวนมาทำความสะอาด มันไม่โอเคจริงๆ ค่ะ แล้วถ้าแม่ค้าใส่แหวนด้วยความเคยชินไม่ได้ถอด นึกภาพกันออกมั้ยคะว่าเรากำลังกินเชื้อโรคและสิ่งสกปรกเข้าไปอยู่ แม้มันจะผ่านความร้อนแล้วก็ตาม” พร้อมเสริมว่า “การทำความสะอาดแหวนทุกวันไม่ได้การันตีว่าแหวนเราจะสะอาดหมดจด เพราะตามซอกหลืบเล็กที่แปรงเข้าไม่ถึงยังมีเชื้อโรคที่สะสมอยู่ต้องทำความสะอาดด้วยเครื่องอัลตร้าโซนิค เครื่องใหญ่แบบที่ใช้ในโรงงานเท่านั้น ถึงจะสะอาดจริง ๆ ซึ่งเธอยังได้บอกอีกว่าการมาโพสต์ในครั้งนี้ไม่ได้มีเจตนาโจมตีใคร หากทำให้ท่านใดรู้สึกเห็นต่าง หรือไม่พอใจก็ขออภัย ณ ที่นี้ด้วย 🔸ความเห็นจากชาวเน็ต💬 เมื่อเรื่องนี้ออกไปก็ได้มีสมาชิกกลุ่มเบเกอรี่พอเพียงทั้งคนขายและลูกค้าต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนี้ โดยส่วนใหญ่เห็นด้วยกับเจ้าของโพสต์ว่าการใส่เครื่องประดับทำอาหารเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ ซึ่งคนทำเบเกอรีหลายคนก็ได้บอกว่าตั้งแต่ทำขนมขายก็ไม่ได้ใส่เครื่องประดับเลย ด้วยเหตุผลต่าง ๆ เช่น ความถนัด ความสะอาด เป็นต้น […]

โครงสร้างต้นทุนร้านอาหาร

โครงสร้างต้นทุนร้านอาหาร จะเปิดร้านต้องรู้!

สถิติจาก Wongnai รายงานว่า ในบรรดาร้านอาหารที่เปิดหลังปี 2660 มีเพียง 10% เท่านั้นที่อยู่รอด  ซึ่งปัญหาที่ทำให้ร้านอาหารส่วนใหญ่ไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ เป็นเพราะไม่ได้มีการวางแผนธุรกิจมาก่อน หรือศึกษากลุ่มลูกค้าในตลาดไม่ดีพอ และปัญหาสำคัญที่พบมากที่สุดจนทำให้ร้านต้องปิดกิจการลงนั้น คือการบริหารต้นทุนที่ผิดพลาด คุมต้นทุนไม่อยู่ บางร้านแม้จะขายดีแต่ก็ไม่มีกำไร ดังนั้น เจ้าของร้านควรจะต้องรู้จัก โครงสร้างต้นทุนร้านอาหาร ถ้าไม่อยากเจ๊ง   โครงสร้างต้นทุนร้านอาหาร จะเปิดร้านต้องรู้! สิ่งจำเป็นที่คนจะเปิดร้านอาหารต้องรู้ ก็คือเรื่องของ โครงสร้างต้นทุนร้านอาหาร สิ่งนี้จะเป็นตัวแนะแนวทางว่า ในการจะเปิดร้านอาหาร คุณควรลงทุนกับอะไรบ้าง มีต้นทุนในส่วนไหนที่ต้องรู้ และจะต้องวางแผนอย่างไรก่อนที่จะเปิดร้านอาหาร  เบื้องต้นเราสามารถกำหนดโครงสร้างต้นทุนร้านอาหารได้เป็น 4 ส่วนหลักๆ ดังนี้ ต้นทุนวัตถุดิบ (Food Cost) ค่าวัตถุดิบอาหาร รวมไปถึงค่าบรรจุภัณฑ์ ถือเป็นค่าใช้จ่ายหลักของร้านอาหาร เจ้าของร้านควรจะใส่ใจและควบคุมต้นทุนส่วนนี้ให้ดี โดยต้นทุนวัตถุดิบจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับประเภทของร้าน ถ้าเป็นร้านทั่วไปจะอยู่ที่ 25-30% แต่ร้านอาหารประเภทบุฟเฟ่ต์ อาจมีต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้นเป็น 45-50% ซึ่งทางร้านอาจจะต้องชดเชยด้วยการลดต้นทุนด้านอื่น เช่น ต้นทุนแรงงาน โดยให้ลูกค้าบริการตัวเองเป็นส่วนใหญ่ เพื่อให้ได้กำไรในอัตราที่เหมาะสม หรือใช้วิธีการควบคุมต้นทุนในส่วนอื่นๆ ตามความเหมาะสมของแต่ละร้าน   […]

Follow Me

Contact

เว็บไซต์ : amarinacademy.com
บริษัท เอเอ็มอี อิมเมจิเนทีฟ จำกัด
ในเครือ บริษัท อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน)
Tel : 02-422-9999 ต่อ 4662 หรือ 4669, 092-254-0742
Email : amarin.academy@gmail.com

ติดต่อแจ้งปัญหาหรือร้องเรียน
02-422-9999 ต่อ 4180
(จันทร์ – ศุกร์ เวลา 09.00 – 18.00 น)
bdcx@amarin.co.th

สนใจลงโฆษณากับเว็บไซต์ Amarin Academy
Tel. 081-664-0666, 091-729-8060
E-mail : sineenart_ya@amarin.co.th

© COPYRIGHT 2024 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.