ปั้น พนักงานร้านอาหาร ให้บริการลูกค้าเหมือนเจ้าของร้าน - Amarin Academy

ปั้น พนักงานร้านอาหาร ให้บริการลูกค้าเหมือนเจ้าของร้าน

ปั้น พนักงานร้านอาหาร ให้บริการลูกค้าเหมือนเจ้าของร้าน

ทำยังไงให้พนักงานบริการดี ? นี่คือปัญหาลำดับต้นๆ ที่เจ้าของร้านอาหารส่วนใหญ่มักเจอ เพราะไม่ว่าจะเทรนด์พนักงานสักเท่าไร ก็ยังบริการไม่ดีเท่าที่เราคาดหวัง แล้วอย่างนี้จะมีวิธีไหนที่ช่วยให้พนักงานบริการดี เทียบเท่ากับที่เจ้าของร้านบริการเองได้บ้าง เราได้รวบรวมเทคนิคดีๆ จากการสัมภาษณ์เจ้าของร้านอาหารหลายๆ ร้าน ที่ใช้ในการ  ปั้น พนักงานร้านอาหาร ให้บริการดี เหมือนที่เราบริการลูกค้าเองมาฝาก

1.ซื้อใจด้วยการกระทำ มากกว่าคำพูด

ปัญหาสำคัญที่ทำให้พนักงานบริการไม่ดีนัก มักมาจากตัวเจ้าของร้านเอง เจ้าของร้านอาหารหลายๆ รายมักใช้วิธี “บอกหรือสั่ง” ให้ลูกน้องทำตาม เช่น บริการลูกค้าดีๆ หน่อย ยิ้มให้เยอะๆ เขาจะได้ประทับใจ แต่ตัวเองกลับมีสีหน้าเคร่งเครียดทุกวัน ไม่เคยยิ้มแย้มเลย อย่างนั้นจะคาดหวังให้ลูกน้องบริการลูกค้าดี ได้อย่างไร

หรืออีกกรณีหนึ่งคือ สัญญากับลูกน้องว่าจะทำสิ่งนี้ให้ เช่น ขึ้นเงินเดือน มีโบนัส หรือแก้ปัญหาที่ลูกน้องกำลังเผชิญ แต่สุดท้ายก็ไม่ทำตามคำสัญญา ลูกน้องก็จะเริ่มหมดศรัทธาในตัวคุณ จนไม่อยากทุ่มเทในการทำงานอีกต่อไป

ฉะนั้นการทำให้ลูกน้องได้เห็น พิสูจน์ด้วยการกระทำ คือสิ่งสำคัญที่เจ้าของร้านต้องทำ เพราะจะทำให้เขารู้สึกเชื่อมั่น เชื่อใจว่าคุณเป็นต้นแบบที่ดีให้พวกเขาได้ จำไว้เสมอว่า “ถ้าอยากให้ลูกน้องบริการลูกค้าแบบไหน เราก็จงทำเช่นนั้น”

2.ให้ค่าตอบแทนที่เหมาะสม

“อย่าคาดหวังงานที่มีคุณภาพสูง จากค่าตอบแทนที่ต่ำ” นี่คือประโยคสุดคลาสิกที่เจ้าของร้านอาหารต้องรู้ ลองคิดดูง่ายๆ ถ้าคุณได้เงินเดือนต่ำมาก ไม่สมกับค่าเหนื่อยที่เสียไป เจ้าของร้านจ่ายเงินตรงเวลาบ้าง ไม่ตรงเวลาบ้าง หรือจ่ายขาด โอทีไม่ครบคุณจะตั้งใจทำงาน ทุ่มเทในหน้าที่หรือเปล่า คำตอบก็คงไม่

สิ่งที่ทุกคนคาดหวังจากการทำงานคือค่าตอบแทนที่คุ้มค่า ฉะนั้นเจ้าของร้านต้อง “เอาใจเขามาใส่ใจเรา” ลองคิดว่าตัวเองเป็นพนักงานคนหนึ่ง แล้วอยากให้ร้าน ทำอะไรให้บ้าง ก็ควรจะทำเช่นนั้นให้ลูกน้องเหมือนกัน

3.อย่าดูแลแค่ในหน้าที่

เจ้าของร้านอาหารบ้างคนมักแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวชัดเจน พนักงานมีหน้าที่ทำงาน รับเงินเดือน เจ้าของร้านก็มีหน้าที่จ่ายเงินเมื่อถึงเวลาที่กำหนดเท่านั้น แม้ว่าการทำแบบนี้จะมีข้อดีคือ เจ้าของร้านไม่ต้องเหนื่อยรับฟังปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น แต่ข้อเสียก็มีเช่นกัน เพราะเมื่อช่องว่างระหว่างพนักงานกับเจ้าของร้านมีมากเกินไป เวลาที่งานมีปัญหา เขาก็จะไม่กล้าบอก กว่าเจ้าของร้านจะรู้อีกที ปัญหาก็อาจลุกลามจนแก้ไขได้ยากแล้ว และเขาจะรู้สึกว่าตัวเองก็แค่ทำตามหน้าที่ ไม่ต้องทุ่มเทอะไรมากมาย เพราะเจ้าของร้านก็ไม่เคยใส่ใจ หรือทุ่มเทเพื่อเขาเหมือนกัน

ดังนั้นหากอยากให้พนักงานรู้สึกอยากทุ่มเทให้ร้านมากขึ้น ลองเข้าไปคลุกคลีกับพวกเขา รับรู้ความเป็นไป ดูแลให้มากกว่าการเป็นนายจ้างกับลูกน้อง เขาจะเริ่มซึมซับกับวัฒนธรรมนี้และดูแลลูกค้าเหมือนที่เราดูแลเขา

4.ให้ความสำคัญกับความคิดเห็น

บางคน อาจเห็นว่าพนักงานเป็นแค่ลูกน้อง ไม่ได้มีหน้าที่ในการช่วยวางแผน แก้ไข หรือพัฒนาร้าน จึงเลือกวางแผนทุกอย่างเองและให้ลูกน้องทำตามเท่านั้น แต่จริงๆ แล้ว ความคิดเห็นของพนักงานคือสิ่งสำคัญมาก อย่าลืมว่าเขาคือคนที่ทำงานทุกวัน อยู่กับร้านตลอดเวลา เห็นถึงกระบวนการและปัญหาต่างๆ มาโดยตลอด ดังนั้นลองรับฟังคำแนะนำจากพวกเขาดู เพราะนอกจากร้านจะได้วิธีการดีๆ มาพัฒนาหรือปรับปรุงร้านแล้ว ยังทำให้พนักงานรู้สึกภาคภูมิใจ ที่ความคิดเห็นของตัวเองมีส่วนช่วยร้านพัฒนายิ่งขึ้น ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จ และอยากจะช่วยทำให้ร้านของคุณเติบโตต่อไป

5.สวัสดิการต้องพร้อม

สวัสดิการคือสิ่งที่ลูกน้องคาดหวังจากการทำงาน (ไม่แพ้เงินเดือน) ร้านอาหารหลายๆ ร้านมักบอกกับเราว่า สวัสดิการคือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้พนักงานอยากทำงานกับร้านนานๆ โดยสวัสดิการที่ว่านี้ เช่น อาหารกลางวัน ค่ารักษาพยาบาล ค่าเดินทาง ลาพักร้อน ลาป่วย ยูนิฟอร์มพนักงาน ที่พัก ฯลฯ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้พนักงานรู้สึกมั่นคงในการทำงานมากขึ้น และอยากจะทำงานให้คุ้มค่ากับสิ่งที่เจ้าของร้านมอบให้

6.คำชมต้องขยาย คำต่อว่าต้องส่วนตัว

ข้อสุดท้ายเป็นเรื่องของหลักจิตวิทยา สำหรับพนักงานที่ทำหน้าที่ได้ดี ย่อมต้องการคำชมเชย เพื่อเป็นกำลังใจในการทำงาน และหากเราชมต่อหน้าคนอื่นๆ ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกภาคภูมิใจยิ่งขึ้น

แต่ข้อควรระวังคือ เจ้าของร้านต้องชมพนักงานด้วยใจที่เป็นกลาง ชมที่เนื้องานจริงๆ ไม่เช่นนั้นอาจเกิดข้อครหาว่าพนักงานคนนี้เป็น “คนโปรด” กลายเป็นข้อขัดแย้งได้ แต่ถ้าใครกังวลกับปัญหานี้อาจใช้วิธีให้พนักงานคนอื่นๆ ร่วมกันโหวต ว่าใครทำหน้าที่ได้ดีที่สุด แล้วให้รางวัลตอบแทน ก็จะช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้

กลับกัน หากพนักงานทำผิด ไม่ควรต่อว่าเขาต่อหน้าพนักงานคนอื่นๆ อย่างรุนแรง อาจใช้วิธีตักเตือนได้ เพื่อไม่ให้คนอื่นทำตามได้ แต่ถ้าจะต่อว่าหรือตำหนิอย่างจริงๆ จังๆ ควรเรียกมาคุยส่วนตัว เพื่อไม่ให้พนักงานคนนั้นรู้สึกเสียหน้า หรืออับอาย และเปิดโอกาสให้เขาได้แก้ไขปรับปรุงตัวได้สะดวกใจยิ่งขึ้น (ไม่ต้องมานั่งกังวลกับสายตาและคำนินทาของเพื่อนร่วมงานว่า “โดนด่ายับ” )

การทำเช่นนี้จะทำให้พนักงานรู้สึกว่าเจ้าของร้านเข้าอกเข้าใจเขา และอยากทุ่มเทให้ร้านมากยิ่งขึ้น เป็นการตอบแทน

6 ข้อนี้คือส่วนหนึ่งของปัจจัยที่ทำให้พนักงานบริการดี อยากทุ่มเทกับร้านมากยิ่งขึ้น แต่มีอีกสิ่งสำคัญที่เจ้าของร้านจะมองข้ามไม่ได้คือ ต้อง “จริงใจ” กับลูกน้อง เพราะถ้าเขารู้สึกว่าเจ้าของร้าน “ให้ใจ” เขาก็จะให้ใจคุณกลับเช่นกัน

เรื่องแนะนำ

พีคไทม์ ออเดอร์แน่น! ร้านอาหารรับมืออย่างไร?

Host จัดคิว ให้เหมาะสมกับที่นั่ง การทำยอดขายขึ้นอยู่กับการจัดที่นั่ง การจัดการด้านที่นั่งให้เพียงพอกับลูกค้าตามจำนวนที่คาดการณ์ การจัดสรรที่นั่ง และรับออเดอร์ได้อย่างรวดเร็ว จะช่วยลดระยะเวลาในการบริการหน้าร้าน ส่งผลให้ร้านสามารถทำรอบได้สูง ในช่วงเวลาพีคไทม์ ร้านอาหารหลายแห่งจะมีการจ้าง Host ในการรับหน้าที่ต้อนรับลูกค้า พาลูกค้าไปยังที่นั่ง แต่หากร้านของคุณเป็นร้านเล็ก ๆ ก็สามารมอบหน้าที่ให้กับหัวหน้าพนักงานเสิร์ฟ หรือผู้จัดการร้านอาหารในการดูแล โดยจะต้องมีทักษะในการวางแผนจัดการที่นั่ง การสื่อสารกับลูกค้า  รวมถึงประสานกับพนักงานส่วนบริการเพื่อรับหน้าที่ต่อได้เป็นอย่างดี   อุปกรณ์ วางแผนให้เหมาะกับ Turn ถ้าหากอุปกรณ์ไม่เพียงพอต่อจำนวนลูกค้า อาจส่งผลโดยตรงกับประสบการณ์ในการรับบริการ การเตรียมความพร้อมด้านอุปกรณ์จึงเป็นเรื่องสำคัญ คุณอาจจะคาดการณ์ได้จากจำนวนลูกค้าที่สูงสุดที่รับในช่วงพีคไทม์ ว่าจะใช้ได้กี่รอบ ยกตัวอย่าง ร้านอาหาร 40 ที่นั่ง คาดการณ์ว่าจะรับลูกค้าได้ 2 รอบในช่วงพีคไทม์ อุปกรณ์สำหรับลูกค้าจะต้องมี 80 ชุด  และคุณอาจจะบวกจำนวนเพิ่มขึ้นมากกว่านั้นสัก 1 เปอร์เซนต์ โดยคำนวณให้เพียงพอ ไม่ควรเผื่อการนำอุปกรณ์ที่มีอยู่ไปล้างเพื่อใช้ในช่วงเวลานี้   เตรียมอาหารให้พร้อม มีคนรอซื้อแต่ไม่มีของขาย มีขายแต่ขายช้า ลูกค้าต้องรอเป็นระยะเวลานานๆ ทำให้รับลูกค้าได้น้อยรอบ  รวมถึงประสบการณ์ยอดแย่อันดับต้น ๆ ที่ลูกค้าร้านอาหารเจอและทำให้ไม่กลับไปกินร้านอาหารนั้น ๆ […]

ทางออกร้านอาหาร ทำอย่างไรเมื่อ ต้นทุนอาหารแพง

ต้นทุนอาหารที่มีแนวโน้มว่า จะมีราคาแพงขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี นับว่าเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่เจ้าของร้านคิดหนัก ดังนั้น ถ้าไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ต้องมาขึ้นราคาอาหารจนลูกค้าหนี ก็ต้องมีทางออกที่ดี มาดูกันว่า เจ้าของร้านต้องทำอย่างไรเมื่อ ต้นทุนอาหารแพง ขึ้นเรื่อยๆ   ทางออกร้านอาหาร ทำอย่างไรเมื่อ ต้นทุนอาหารแพง คาดการณ์ราคาวัตถุดิบให้ได้ สิ่งที่เจ้าของร้านอาหารต้องทำก่อนเปิดร้านอาหารก็คือ การกำหนดตัวเลขวัตถุดิบที่จะต้องสูงขึ้นในแต่ละปี เช่น วางแผนต้นทุนที่สูงขึ้นเฉลี่ยปีไว้ปีละ 5 เปอร์เซนต์  การคาดการณ์ล่วงหน้า เช่น มะนาวจะแพงขึ้นในเดือนเมษายนของทุกปีซึ่งเป็นหน้าแล้ง และมักจะฉุดราคาวัตถุดิบอื่น ๆ ให้ขึ้นไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นผัก แก๊สหุงต้ม น้ำมัน  หรือช่วงเทศกาลเจที่ผักจะมีราคาสูงขึ้น การประเมินสถานการณ์ จะช่วยให้สามารถกำหนดงบประมาณในการสั่งซื้อ หรือแผนการตลาดในช่วงนั้นๆ ได้ นอกจากนั้น ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาของวัตถุดิบแบบฉับพลัน เช่น การผันผวนของเศรษฐกิจการเมือง หรือเกิดสถานการณ์บางอย่างที่ทำให้ราคาของวัตถุดิบที่เป็นเมนูขายดีของร้านถีบตัวสูงขึ้น ยกตัวอย่าง ร้านของคุณเพิ่งเปิดใหม่ มีเมนูซิกเนเจอร์เป็นหอยสังข์ที่ได้รับความนิยม เปิดไปได้หนึ่งเดือนหอยสังข์ขาดตลาดราคาสูงลิ่ว การปรับเปลี่ยนราคา ปริมาณในการเสิร์ฟเพื่อลดต้นทุนทันที อาจส่งผลต่อการตอบรับของลูกค้าโดยตรง สิ่งที่จะทำให้การประเมินสถานการณ์เป็นได้อย่างมีประสิทธิภาพก็คือ การมีระบบที่ช่วยบันทึกข้อมูลของวัตถุดิบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นจำนวนที่ใช้ ราคา แหล่งซื้อ […]

เพิ่มกำไรอย่างก้าวกระโดด! ด้วยกลยุทธ์ ยกระดับธุรกิจอย่างมืออาชีพ

การทำธุรกิจไม่ว่าจะเป็นธุรกิจอะไรก็ตาม การพัฒนาและต่อยอดกิจการนั้นถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มยิ่งอยู่เฉยไม่ได้ แม้จะเคยเป็นร้านดังในอดีต เคยมีลูกค้ามากมาย ก็อาจจะถูกร้านหน้าใหม่แซงยอดขายเอาได้ง่ายๆ จะเห็นว่าแม้แต่ร้านอาหารแบรนด์ดัง ก็ยังต้องปรับตัวและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ มาเรียกลูกค้าอยู่เสมอ นอกจากนี้ยังมีผู้ประกอบการรายใหม่ ๆ เข้ามาแย่งส่วนแบ่งการตลาดในธุรกิจอาหารอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นหากคุณไม่อยากเดินตามหลังคนอื่นหนึ่งก้าว และกำลังหาวิธี ยกระดับธุรกิจอย่างมืออาชีพ บทความนี้มีเทคนิคดี ๆ ที่คุณไม่ควรพลาดมาฝาก ปรับโครงสร้างต้นทุน จัดการทำงานอย่างเป็นระบบ ก่อนจะเริ่มไอเดียใหม่ ๆ ต้องหันกลับมาแก้ปัญหาเดิม ๆ และอุดรอยรั่วของธุรกิจเสียก่อน โดยโครงสร้างต้นทุนในแต่ละด้านจะต้องอยู่ในเปอร์เซ็นต์ที่เหมาะสมกับประเภทของร้าน ไม่ว่าจะเป็นค่าเช่าที่ ค่าแรงพนักงาน ต้นทุนวัตถุดิบ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ หากคำนวณแล้วด้านไหนมีต้นทุนสูงจนเกินไป อาจจะต้องปรับเปลี่ยนเพื่อให้ธุรกิจได้กำไรตามเป้าหมาย นอกจากนี้ ระบบการทำงานในร้านก็ต้องชัดเจน ทั้งการเลือกซื้อวัตถุดิบจากแหล่งที่มีความน่าเชื่อถือเพื่อให้ได้คุณภาพคงที่ มีการจัดทำ Standard Operation Procedures (SOPs) หรือคู่มือการทำงานและสูตรมาตรฐานสำหรับเมนูอาหาร เพื่อป้องกันไม่ให้รสชาติของอาหารผิดเพี้ยน ช่วยลดปัญหาด้านพนักงาน และยังควบคุมต้นทุนได้ดียิ่งขึ้น ช่วยให้ธุรกิจไปต่อได้โดยที่เจ้าของร้านไม่ต้องเข้ามาควบคุมดูแลเองทุกขั้นตอน   สร้างความโดนเด่นและแตกต่าง ตอบโจทย์ให้ได้ว่าลูกค้าจะจดจำแบรนด์ร้านของเราอย่างไร นอกจากรสชาติอาหารและเครื่องดื่มที่อร่อยแล้ว ยังต้องหาจุดขายที่ทำให้ธุรกิจเป็นที่รู้จัก ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสตอรี่ให้กับแบรนด์ การตกแต่งร้านสไตล์ต่างๆ การนำเสนอที่แปลกใหม่ […]

ลูกค้าเมา

เมื่อ ลูกค้าเมา ร้านอาหารควรทำอย่างไร

เจ้าของร้านอาหารหลายคนอาจเคยประสบปัญหา ลูกค้าเมา แล้วไม่รู้จะจัดการกับเขาอย่างไร วันนี้เราจึงมีข้อแนะนำดีๆ สำหรับการจัดการกับ ลูกค้าเมา มาแนะนำครับ

Follow Me

Contact

เว็บไซต์ : amarinacademy.com
บริษัท เอเอ็มอี อิมเมจิเนทีฟ จำกัด
ในเครือ บริษัท อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน)
Tel : 02-422-9999 ต่อ 4662 หรือ 4669, 092-254-0742
Email : amarin.academy@gmail.com

ติดต่อแจ้งปัญหาหรือร้องเรียน
02-422-9999 ต่อ 4180
(จันทร์ – ศุกร์ เวลา 09.00 – 18.00 น)
bdcx@amarin.co.th

สนใจลงโฆษณากับเว็บไซต์ Amarin Academy
Tel. 081-664-0666, 091-729-8060
E-mail : sineenart_ya@amarin.co.th

© COPYRIGHT 2025 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.