ร้านอาหาร กับ บริการเดลิเวอรี่ วางสมดุลไม่ดี ร้านขาดทุนได้ - Amarin Academy

ร้านอาหาร กับ บริการเดลิเวอรี่ วางสมดุลไม่ดี ร้านขาดทุนได้

บริการเดลิเวอรี่ ก็เป็นส่วนสำคัญที่คนทำร้านอาหารควรมี เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคนี้ แต่สงสัยหรือไม่ว่า บางร้านยอดเดลิเวอรี่ดี แต่ขาดทุน และบางรายเสียลูกค้าประจำไป เป็นเพราะสาเหตุอะไร  

 

ร้านอาหาร กับ บริการเดลิเวอรี่

วางสมดุลไม่ดี ร้านขาดทุนได้

 

การทำธุรกิจร้านอาหารในปัจจุบันนี้ จะเห็นได้ว่ามีการแข่งขันกันสูงขึ้นเพื่อดึงดูดลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นโปรโมชั่นต่างๆ การทำการตลาดในหลายช่องทาง รวมถึง บริการเดลิเวอรี่ ที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างสูงในกลุ่มของลูกค้าที่ต้องการความสะดวกสบาย ซึ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆ แน่นอนว่าร้านอาหารก็ควรมีบริการนี้เพื่อให้ตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้บริโภคด้วย

แต่ถ้าเจ้าของร้านวางสมดุลระหว่างหน้าร้าน และบริการเดลิเวอรี่ไม่ดี ก็อาจจะทำให้ร้านคุณขาดทุน และสูญเสียลูกค้าได้เช่นกัน แล้วเจ้าของร้านอาหารควรทำอย่างไร มาฟังมุมมองจาก คุณธามม์ ประวัติตรี Managing Director, Wow Thai Food B.V. Amsterdam Netherland ที่จะมาให้ความคิดเห็นกับเรื่องนี้กันค่ะ

 

ปัญหาการแข่งขันในตลาด เดลิเวอรี่

จากประสบการณ์การทำร้านอาหาร ทั้งในประเทศไทย และร้านอาหารในต่างประเทศ คุณธามม์ ได้ให้ความเห็นที่น่าสนใจอย่างหนึ่งว่า ที่ผ่านมาเกือบตลอดทั้งปี จะเห็นได้ว่าการให้บริการแบบเดลิเวอรี่ กำลังมาแรงมากในการทำธุรกิจอาหารในประเทศไทย ร้านอาหารให้ความสนใจในบริการนี้ เพราะตอบโจทย์พฤติกรรมของลูกค้าในปัจจุบัน ทำให้เกิดการแข่งขันในเรื่องตลาดเดลิเวอรี่ ค่อนข้างสูง มีตัวเลือกที่มากขึ้น หลายร้านพยายามหากลยุทธ์ในการส่งฟรี เพื่อดึงลูกค้าให้อยู่กับร้านเราให้ได้

 

ต้นทุนร้านอาหารเพิ่มจาก บริการเดลิเวอรี่

เดลิเวอรี่ เป็นบริการที่ดี ตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการความสะดวกสบาย และรวดเร็ว ซึ่งหากร้านอาหารร้านใด มีบริการเดลิเวอรี่ด้วย ก็เป็นผลดีกับร้านส่วนหนึ่งที่ทำให้ลูกค้าเลือกซื้ออาหารจากร้านคุณ แต่หากมองลึกลงไปกว่านั้น ในมุมเจ้าของร้านอาหาร ก็นับว่าเป็นปัญหาของคนทำร้านอาหารอีกอย่างหนึ่งก็ว่าได้ แล้วเป็นปัญหาได้อย่างไร?

ในอดีตผู้ประกอบการร้านอาหาร จะเป็นคนส่งอาหารเอง ต่อมาก็มีการพัฒนาเรื่องการรับส่ง โดยมีบริการรับส่งอาหารจาก Grab / Uber / Lineman ฯลฯ ซึ่งบริการเหล่านี้บางรายจะมีการคิดค่าบริการจากเจ้าของธุรกิจร้านอาหารด้วย

นั่นทำให้เกิดเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้นในการทำร้านอาหาร ที่เจ้าของร้านต้องจ่ายเพิ่ม โดยบริการเดลิเวอรี่แต่ละที่ ก็มีการเรียกเก็บค่าบริการในราคาที่แตกต่างกันไป ซึ่งถือเป็นต้นทุนร้านอาหารทั้งสิ้น

 

หาสมดุลระหว่างร้านอาหาร และบริการเดลิเวอรี่

อย่างที่กล่าวมา เมื่อมีต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น เจ้าของร้านต้องหาจุดสมดุลระหว่างหน้าร้าน และบริการเดลิเวอรี่ให้ได้ ลองสมมติเล่นๆว่า ถ้าต้นทุนเป็น 100% แล้วต้องจ่ายให้เดลิเวอรี่ประมาณ 30% เหลือ 70%  เป็นต้นทุนอาหาร 30% ค่าเช่า 20% เราจะเหลือ 20% ยังไม่รวมเงินเดือน ถ้าเงินเดือน 15% เราเหลือ 5% เพราะฉะนั้นอยากจะให้ตระหนักตรงนี้ เพราะถ้าร้านเราเปิดร้านมา มีที่นั่งหน้าร้าน แล้วรายได้ส่วนใหญ่มาจากเดลิเวอรี่ อันนี้น่าห่วง นอกจากร้านเราทำเดลิเวอรี่อย่างเดียวอันนั้นโอเค

แต่ยังทำหน้าร้านอยู่ อยากไฮไลท์เลยว่า ให้เจ้าของร้านระมัดระวัง หาจุดสมดุลว่ายอดขายเดลิเวอรี่ จากthird party บริษัทรับส่งอาหาร ที่เราต้องเสียให้เขา ควรมีสัดส่วนเท่าไหร่ ต้องจำกัดให้ชัดเจน

และที่สำคัญเจ้าของร้านต้องให้ความสำคัญกับคนที่ตั้งใจมานั่งทานที่ร้านด้วย มิเช่นนั้น มีออเดอร์เดลิเวอรี่มาเป็นจำนวนมาก อาจกระทบกับลูกค้าหน้าร้านได้ ทำให้อาหารออกล่าช้า และอาจจะสูญเสียลูกค้ประจำไปในที่สุด

 

กระแสเดลิเวอรี่ ในอนาคต

สำหรับกระแสเดลิเวอรี่ในประเทศไทยตอนนี้ ยังคงเป็นที่นิยมอยู่อย่างมาก แต่คุณธามม์เผยว่า ในต่างประเทศอย่างเช่นสิงคโปร์นั้น ตอนนี้กระแสเริ่มลดลงแล้ว เพราะผู้ประกอบการบางรายก็ไม่สามารถอยู่รอดได้ เนื่องจากแบ่งสัดส่วนต้นทุนค่าบริการเดลิเวอรี่ไม่สมดุล อย่างที่กล่าวไป ทำให้หลายๆร้าน ยอดเดลิเวอรี่ดี แต่ร้านเจ๊ง นอกจากว่าร้านของคุณมีรายได้จากเดลิเวอรี่เกิน 60% ก็สามารถเปิดเดลิเวอรี่สโตร์อย่างเดียวได้ เช่น พิซซ่าฮัทบางสาขาที่มีเดลิเวอรี่อย่างเดียว ก็เป็นการลดต้นทุน ทำเป็นร้านเล็กๆ ใช้พนักงานน้อยลง จ่ายให้กับ third party ผู้ให้บริการรับส่งอาหารได้เต็มที่ หรือบางร้านที่ออเดอร์เดลิเวอรี่เยอะ ก็สามารถทำเป็นครัวกลาง (Cloud Kitchen) ก็จะช่วยในเรื่องการจัดการอาหารได้ดีขึ้น

 

เรียกว่าเป็นสิ่งท้าทาย ที่เจ้าของร้านอาหารต้องหาจุดสมดุลให้ได้ การตลาดที่ดี คือการบริหารจัดการหน้าร้านให้ดี สร้างความประทับใจให้ลูกค้า การบอกปากต่อปากสำคัญมาก การทำกิจกรรมการตลาดเป็นสิ่งที่ดี  แต่ต้องเลือกใช้ให้ถูกที่ ทำอย่างไรให้ลูกค้ามาแล้ว ต้องกลับมาอีกนั่นเอง

 

เรื่องแนะนำ

คุมต้นทุนอาหาร

คุมต้นทุนอาหาร ด้วยเทคนิค 4 ข้อ

        หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ร้านอาหารต้องปิดตัวลง คือ “การคุมต้นทุนไม่อยู่” บางร้านอาจจะขายดีมากแต่ไม่ได้กำไรเพราะมีต้นทุนสูงเกินไป โดยเฉพาะต้นทุนด้านวัตถุดิบ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายหลักของร้านอาหาร ร้านทั่วไปจะมีต้นทุนส่วนนี้ 30-40% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด หรืออาจสูงกว่านี้ในร้านอาหารประเภทบุฟเฟ่ต์ ผู้ประกอบการจึงควรให้ความสำคัญกับการบริหารต้นทุนในส่วนนี้ให้มาก ลองมาดูสิ่งที่จะช่วย คุมต้นทุนอาหาร และเพิ่มกำไรให้ร้านอาหารของเรากันครับ คุมต้นทุนอาหาร ด้วยเทคนิค 4 ข้อ 1. ใส่ใจและติดตามราคาวัตถุดิบ         วิธีที่ดีในการคุมต้นทุน คือการติดตามราคาของวัตถุดิบที่ใช้ภายในร้าน บางท่านอาจจะรู้สึกยุ่งยากเพราะที่ร้านใช้วัตถุดิบหลายชนิด แต่วิธีง่ายๆ คือเลือกแค่วัตถุดิบที่เป็นต้นทุนหลักของร้านมาบันทึกราคา ปริมาณที่ใช้ และต้นทุนทั้งหมดของวัตถุดิบแต่ละชนิด เพื่อนำมาเปรียบเทียบราคาในแต่ละเดือน          สมมติว่าราคากุ้งเดิมกิโลกรัมละ 180 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 220 บาทจากภาวะน้ำท่วมในบางพื้นที่ ส่วนต่างที่เพิ่มขึ้นมา 40 บาทนี้อาจจะดูไม่มาก แต่มันคือต้นทุนที่เพิ่มขึ้น 22% จากราคาเดิม ยิ่งร้านที่ขายดีเท่าไหร่ กำไรที่หายไปก็จะเพิ่มมากขึ้น ในช่วงภาวะต้นทุนวัตถุดิบปรับขึ้นราคา […]

ของถูกหรือของแพง

ไม่มีหรอก ของถูกหรือของแพง มีแต่ “คุ้ม” หรือ “ไม่คุ้ม”

สงสัยไหม ทำไมร้านอาหารราคาแพงบางร้าน ลูกค้าเยอะ ขณะที่ร้านราคาถูก กลับไม่มีลูกค้าเลย สิ่งนีทำให้เห็นว่า ลูกค้าไม่ได้ดูที่ ของถูกหรือของแพง เพียงอย่างเดียว

บอนชอน

ไขสูตรลับธุรกิจดัง บอนชอน ขายไก่ยังไงให้ได้ 1000 ล้าน!

เพราะอะไรบอนชอนถึงเข้ามาชิงส่วนแบ่งการตลาดของแบรนด์ไก่ทอดชื่อดังอย่าง KFC ได้ แถมยังจุดกระแสให้ทั้งวัยรุ่นและวัยทำงานยอมต่อแถวรอคิวเข้าร้านเป็นชั่วโมง!

เพิ่มกำไรอย่างก้าวกระโดด! ด้วยกลยุทธ์ ยกระดับธุรกิจอย่างมืออาชีพ

การทำธุรกิจไม่ว่าจะเป็นธุรกิจอะไรก็ตาม การพัฒนาและต่อยอดกิจการนั้นถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มยิ่งอยู่เฉยไม่ได้ แม้จะเคยเป็นร้านดังในอดีต เคยมีลูกค้ามากมาย ก็อาจจะถูกร้านหน้าใหม่แซงยอดขายเอาได้ง่ายๆ จะเห็นว่าแม้แต่ร้านอาหารแบรนด์ดัง ก็ยังต้องปรับตัวและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ มาเรียกลูกค้าอยู่เสมอ นอกจากนี้ยังมีผู้ประกอบการรายใหม่ ๆ เข้ามาแย่งส่วนแบ่งการตลาดในธุรกิจอาหารอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นหากคุณไม่อยากเดินตามหลังคนอื่นหนึ่งก้าว และกำลังหาวิธี ยกระดับธุรกิจอย่างมืออาชีพ บทความนี้มีเทคนิคดี ๆ ที่คุณไม่ควรพลาดมาฝาก ปรับโครงสร้างต้นทุน จัดการทำงานอย่างเป็นระบบ ก่อนจะเริ่มไอเดียใหม่ ๆ ต้องหันกลับมาแก้ปัญหาเดิม ๆ และอุดรอยรั่วของธุรกิจเสียก่อน โดยโครงสร้างต้นทุนในแต่ละด้านจะต้องอยู่ในเปอร์เซ็นต์ที่เหมาะสมกับประเภทของร้าน ไม่ว่าจะเป็นค่าเช่าที่ ค่าแรงพนักงาน ต้นทุนวัตถุดิบ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ หากคำนวณแล้วด้านไหนมีต้นทุนสูงจนเกินไป อาจจะต้องปรับเปลี่ยนเพื่อให้ธุรกิจได้กำไรตามเป้าหมาย นอกจากนี้ ระบบการทำงานในร้านก็ต้องชัดเจน ทั้งการเลือกซื้อวัตถุดิบจากแหล่งที่มีความน่าเชื่อถือเพื่อให้ได้คุณภาพคงที่ มีการจัดทำ Standard Operation Procedures (SOPs) หรือคู่มือการทำงานและสูตรมาตรฐานสำหรับเมนูอาหาร เพื่อป้องกันไม่ให้รสชาติของอาหารผิดเพี้ยน ช่วยลดปัญหาด้านพนักงาน และยังควบคุมต้นทุนได้ดียิ่งขึ้น ช่วยให้ธุรกิจไปต่อได้โดยที่เจ้าของร้านไม่ต้องเข้ามาควบคุมดูแลเองทุกขั้นตอน   สร้างความโดนเด่นและแตกต่าง ตอบโจทย์ให้ได้ว่าลูกค้าจะจดจำแบรนด์ร้านของเราอย่างไร นอกจากรสชาติอาหารและเครื่องดื่มที่อร่อยแล้ว ยังต้องหาจุดขายที่ทำให้ธุรกิจเป็นที่รู้จัก ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสตอรี่ให้กับแบรนด์ การตกแต่งร้านสไตล์ต่างๆ การนำเสนอที่แปลกใหม่ […]

Follow Me

Contact

เว็บไซต์ : amarinacademy.com
บริษัท เอเอ็มอี อิมเมจิเนทีฟ จำกัด
ในเครือ บริษัท อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน)
Tel : 02-422-9999 ต่อ 4662 หรือ 4669, 092-254-0742
Email : amarin.academy@gmail.com

ติดต่อแจ้งปัญหาหรือร้องเรียน
02-422-9999 ต่อ 4180
(จันทร์ – ศุกร์ เวลา 09.00 – 18.00 น)
bdcx@amarin.co.th

สนใจลงโฆษณากับเว็บไซต์ Amarin Academy
Tel. 081-664-0666, 091-729-8060
E-mail : sineenart_ya@amarin.co.th

© COPYRIGHT 2025 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.