กลยุทธ์ในการรับมือปัญหาใหญ่ของ ธุรกิจขนาดเล็ก - Amarin Academy

กลยุทธ์ในการรับมือปัญหาใหญ่ของ ธุรกิจขนาดเล็ก

กลยุทธ์ในการรับมือปัญหาใหญ่ของ ธุรกิจขนาดเล็ก

การทำ ธุรกิจขนาดเล็ก บางคนอาจกลัวว่าจะเจอคลื่นลูกใหญ่ซัดมาแล้วทำให้เซไป จนไม่กล้าที่จะลองลงมือทำอะไรใหม่ๆ กลายเป็นยึดติดอยู่กับความสำเร็จเดิมๆ แต่หากคุณเรียนรู้ที่จะรับมือกับปัญหา ก็อาจทำให้ธุรกิจของคุณเติบโตไปได้อย่างก้าวกระโดด เราเลยลองเอาแนวทางและวิธีในการรับมือกับปัญหาบางส่วนมาแชร์ให้เพื่อนๆ ได้ไปปรับใช้กับธุรกิจของตัวเองกันดู

การจ้างงานและการรักษาพนักงานให้อยู่กับคุณ

ท่ามกลางการแข่งขันในโลกธุรกิจ การจ้างงานและการเก็บคนเก่งไว้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เจ้าของธุรกิจต้องตระหนักถึงเป็นเรื่องแรกๆ เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กกว่า 20% บอกว่าการรักษาพนักงานเอาไว้ไม่ได้ เป็นอุปสรรคใหญ่ในการเติบโตของธุรกิจ

พนักงานจะอยู่กับคุณได้นานขนาดไหน เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการจ้างงาน สิ่งสำคัญที่เจ้าของธุรกิจต้องรู้คือไม่ใช่แค่เพียงจ้างคนที่สามารถทำงานได้ แต่ควรจ้างคนที่รักในสิ่งที่ตัวเองทำและสามารถปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมขององค์กรได้ เจ้าของธุรกิจต้องตระหนักว่า เมื่อพนักงานทำงานอย่างหนักก็ควรจะได้รับผลตอบแทนที่ดี ไม่ว่าจะเป็นวันพักร้อน ประกันชีวิต โบนัสเพื่อสร้างกำลังใจในการทำงานและช่วยสร้างให้เป็นที่ที่น่าทำงานด้วย

อย่างร้าน Copper Buffet ที่มีนโยบายในการให้สวัสดิการที่ดีแก่พนักงาน หรือ The Yard Hostel โฮสเทลเล็กๆ ที่มีพนักงานเพียง 6 คน ก็ใช้วิธีสร้างความใกล้ชิดระหว่างเจ้าของและพนักงาน โดยทุกคนสามารถพูดคุยปรึกษาปัญหากันได้ทุกเรื่อง ทำให้พนักงานยังคงเป็นชุดเดิมตั้งแต่วันเปิด (ปลายปี 2558) จนถึงปัจจุบัน

การนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้

การนำเทคโนโลยีมาใช้ถือเป็นโอกาสของเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก ดัชนีการเติบโตในภาพรวมของธุรกิจขนาดเล็กพบว่า 65% ของเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กเชื่อว่าเทคโนโลยีและนวัตกรรมช่วยทำให้การทำงานเป็นไปได้ง่ายและราบรื่นขึ้น

การปรับตัวให้เข้ากับความก้าวหน้าอาจเป็นเรื่องยากและมีราคาแพง อย่างไรก็ตามความสามารถในการปรับตัวได้เร็ว ทำให้ธุรกิจขนาดเล็กมีข้อได้เปรียบ เช่น การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการจัดเก็บข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์และเมนเฟรมไปสู่ Cloud อาจเป็นกระบวนการที่ทำได้ง่ายกว่า  และยังช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว

การใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยอย่างเครื่องรับออเดอร์อัตโนมัติ เครื่องเรียกคิวไร้สาย ระบบช่วยในการเก็บข้อมูลการขาย รวมทั้งบันทึกค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นสำหรับสินค้าและบริการ (POS) ฯลฯ ก็จะช่วยให้ประหยัดทั้งกำลังคนและค่าใช้จ่าย (ในระยะยาว) นอกจากนี้ยังช่วยสร้างความสะดวกสบายให้เกิดขึ้นแก่ผู้เข้ามาใช้บริการได้ในอีกทางหนึ่ง

 

การบริหารจัดการเวลา

การบริหารเวลาอาจเป็นปัญหาที่หลายคนหนักใจ เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กส่วนใหญ่มักสวมหมวกหลายใบ รับบทบาทในหลายหน้าที่ จึงเป็นเรื่องยากที่จะหาเวลามาทำทุกตำแหน่งในร้าน ไม่มีเจ้าของธุรกิจคนไหนเก่งในด้านการบริหารจัดการทุกเรื่องมาตั้งแต่แรก คุณอาจพบว่าตัวเองเสียเวลาไปกับการจัดการเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่น่าปวดหัว แทนที่จะไปทุ่มเทเวลาและความสนใจให้กับเรื่องหลักอย่างการบริการ คุณภาพและรสชาติของอาหาร

อย่าประมาทการจัดลำดับความสำคัญของงาน สร้างเป้าหมายรายปี รายเดือน รายสัปดาห์ และรายวันที่จะช่วยให้เจ้าของธุรกิจสามารถโฟกัสกับสิ่งที่จะต้องทำเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย นอกจากนี้หากงานไม่สอดคล้องกันเป้าหมายคุณจะได้รู้ว่างานไหนไม่จำเป็น งานไหนที่สามารถมอบหมายให้กับสมาชิกคนอื่นๆ ในทีมไปจัดการ หรืองานไหนที่ใช้เทคโนโลยีมาช่วยประหยัดเวลาได้

แม้ว่าธุรกิจขนาดเล็กอาจไม่มีทรัพยากรมากมายเท่าองค์กรขนาดใหญ่ แต่ธุรกิจขนาดเล็กมักมีความยืดหยุ่นและปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว ในบางธุรกิจมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับชุมชนในท้องถิ่นของตน ที่มักก่อให้เกิดผลประโยชน์ร่วมกัน ทำให้เป็นข้อได้เปรียบในการเอาชนะอุปสรรคต่างๆ

เจ้าของธุรกิจอาจต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายมากมาย จากการบริหารจัดการและการเติบโตของธุรกิจ แต่ถ้ามองให้เรื่องท้าทายเป็นโอกาสและเป็นตัวช่วยให้คุณเข้มแข็งขึ้น นั่นก็จะเป็นพลังสำคัญในการผลักดันให้ธุรกิจของคุณเติบโต

บทความที่น่าสนใจ

FIFO วิธีจัดเก็บวัตถุดิบร้านอาหาร ช่วยลดต้นทุนได้จริง!

เปิดร้านอาหาร แล้วไม่เจ๊ง ต้องทำอย่างไร?

แนวคิดสำคัญช่วยให้ ธุรกิจร้านอาหารขนาดเล็ก เติบโต

เรื่องแนะนำ

ถอดความสำเร็จ “ฌานา” ต้นแบบร้านอาหารออร์แกนิก

อยากทำร้านอาหารออร์แกนิก...แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี? ใครกำลังเจอปัญหานี้ ลองใช้โมเดลของร้าน “ฌานา (Charna)” เป็นต้นแบบดู โอกาสสำเร็จสูงแน่นอน

ถ้าตัดสินใจลุยต่อ! สิ่งที่ต้องทำคืออะไรบ้าง? ในวันที่ขายได้แค่ “ซื้อกลับบ้าน”

ถ้าตัดสินใจลุยต่อ! สิ่งที่ต้องทำคืออะไรบ้าง? ในวันที่ขายได้แค่ “ ซื้อกลับบ้าน ” วิกฤตโรคระบาดครั้งนี้ดูจะไม่หายไปง่าย ๆ ถ้านับจากตอนระบาดใหม่ ๆ ก็กินเวลามาเป็นปี ๆ ทั่วโลกได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างหนัก ทำให้ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้บริโภคหรือผู้ประกอบการก็ต่างอยู่ในจุดที่ต้องกอดเงินที่มีอยู่ไว้ให้แน่น  ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้ผู้ประกอบการควรมีการวางแผนการเงินในระยะยาวให้ธุรกิจของคุณยังคงไปต่อได้ เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจในช่วงวิกฤต ลองมาดูสิ่งที่ต้องทำในวันที่ขายได้แค่ “สั่งกลับบ้าน” 1.ประเมินความพร้อม: จากบทเรียนการระบาดครั้งก่อน ร้านที่ได้ลองทำเดลิเวอรีแล้วก็พอจะเห็นสถิติและพอประเมินได้ว่า ถ้าต้องเปลี่ยนมาขายแบบซื้อกลับเป็นหลัก ร้านจะมีรายได้เท่าไหร่ พอสำหรับจ่ายค่าใช้จ่ายทั้งหมดหรือไม่ ถ้าประเมินแล้วคิดว่ารายได้โอเค สู้ไหว เปิดแล้วทำให้ร้านพอมีรายได้เข้าบ้างก็ไปข้อต่อไป 2.ต่อรองประนอมหนี้: “รายได้ลดลง รายจ่ายเท่าเดิม” สิ่งต่อมาที่ผู้ประกอบการต้องทำ คือ ลดภาระค่าใช้จ่ายต่อเดือนให้ได้มากที่สุด ให้ตัวเบาที่สุด โดยทำการพูดคุยตกลงกับเจ้าของที่เพื่อขอลดค่าเช่า หรือขอแบ่งเบาภาระหนี้สินกับธนาคาร อย่างน้อย 1 – 2 เดือน เพื่อลดรายจ่ายเท่าที่เป็นไปได้ 3.เอายังไงกับพนักงาน: แม้ร้านจะไม่เปิดให้บริการนั่งทานในร้าน แต่การจ่ายค่าจ้างพนักงานยังคงอยู่ ดังนั้นสิ่งที่ผู้ประกอบการทำได้ คือ พยายามลดค่าใช้จ่ายด้านพนักงานให้ลดลง โดยการประเมินงานที่ต้องทำในแต่ละวันก่อนว่าร้านเราน่าจะใช้คนเท่าไหร่ ถ้าใช้คนน้อยให้ลองใช้วิธีแบ่งกะเวลาการทำงาน สลับเวลากันมาทำ แต่ต้องคุยกับพนักงานให้ชัดว่า ช่วงนี้อาจจะให้ค่าตอบแทนได้น้อยลง แต่อย่างน้อยก็มีงานทำอยู่ พร้อมทั้งวางแผนการทำงานให้ […]

โครงสร้างต้นทุนร้านอาหาร

โครงสร้างต้นทุนร้านอาหาร จะเปิดร้านต้องรู้!

สถิติจาก Wongnai รายงานว่า ในบรรดาร้านอาหารที่เปิดหลังปี 2660 มีเพียง 10% เท่านั้นที่อยู่รอด  ซึ่งปัญหาที่ทำให้ร้านอาหารส่วนใหญ่ไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ เป็นเพราะไม่ได้มีการวางแผนธุรกิจมาก่อน หรือศึกษากลุ่มลูกค้าในตลาดไม่ดีพอ และปัญหาสำคัญที่พบมากที่สุดจนทำให้ร้านต้องปิดกิจการลงนั้น คือการบริหารต้นทุนที่ผิดพลาด คุมต้นทุนไม่อยู่ บางร้านแม้จะขายดีแต่ก็ไม่มีกำไร ดังนั้น เจ้าของร้านควรจะต้องรู้จัก โครงสร้างต้นทุนร้านอาหาร ถ้าไม่อยากเจ๊ง   โครงสร้างต้นทุนร้านอาหาร จะเปิดร้านต้องรู้! สิ่งจำเป็นที่คนจะเปิดร้านอาหารต้องรู้ ก็คือเรื่องของ โครงสร้างต้นทุนร้านอาหาร สิ่งนี้จะเป็นตัวแนะแนวทางว่า ในการจะเปิดร้านอาหาร คุณควรลงทุนกับอะไรบ้าง มีต้นทุนในส่วนไหนที่ต้องรู้ และจะต้องวางแผนอย่างไรก่อนที่จะเปิดร้านอาหาร  เบื้องต้นเราสามารถกำหนดโครงสร้างต้นทุนร้านอาหารได้เป็น 4 ส่วนหลักๆ ดังนี้ ต้นทุนวัตถุดิบ (Food Cost) ค่าวัตถุดิบอาหาร รวมไปถึงค่าบรรจุภัณฑ์ ถือเป็นค่าใช้จ่ายหลักของร้านอาหาร เจ้าของร้านควรจะใส่ใจและควบคุมต้นทุนส่วนนี้ให้ดี โดยต้นทุนวัตถุดิบจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับประเภทของร้าน ถ้าเป็นร้านทั่วไปจะอยู่ที่ 25-30% แต่ร้านอาหารประเภทบุฟเฟ่ต์ อาจมีต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้นเป็น 45-50% ซึ่งทางร้านอาจจะต้องชดเชยด้วยการลดต้นทุนด้านอื่น เช่น ต้นทุนแรงงาน โดยให้ลูกค้าบริการตัวเองเป็นส่วนใหญ่ เพื่อให้ได้กำไรในอัตราที่เหมาะสม หรือใช้วิธีการควบคุมต้นทุนในส่วนอื่นๆ ตามความเหมาะสมของแต่ละร้าน   […]

เช็คลิสต์ความพร้อมร้านอาหาร ก่อนรบตลาด Delivery

  ร้านอาหาร Delivery ช่วยเพิ่มโอกาสในการขายมากขึ้น แต่ก็อาจตัดโอกาสในการขายเช่นกัน หากว่าร้านของคุณไม่พร้อมในการดำเนินการ มาลองตรวจสอบกันก่อนว่าร้านของคุณพร้อมหรือไม่ จากเช็คลิสต์ 5 ข้อ เหล่านี้   เจ้าของต้องริเริ่ม กำหนดแนวทางที่ชัดเจนในการเริ่มทำร้านอาหาร Delivery การใช้ Application ด้าน Delivery มีตัวเลือกอยู่หลายเจ้าทั้ง Grab, Get, FOODPANDA, lineman  ซึ่งไม่จำเป็นที่ร้านอาหารจะต้องใช้ทุกเจ้าที่มีอยู่ เพราะแทนที่จะส่งผลดี อาจส่งผลเสียต่อร้านมากกว่า เจ้าของควรคำนึงถึงเป้าหมายของร้าน และต้นทุนที่เพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับรายได้ของสินค้าที่ขายได้หลังหักต้นทุนแล้ว เช่น แอพพลิเคชั่นบางแห่งคิดค่าคอมมิชชั่นจากยอดการส่งเป็นเปอร์เซ็นต์ อาจจะไม่เหมาะกับร้านที่มีมาร์จินต่ำ  ทำให้ต้องขายลูกค้าในราคาที่สูง ลูกค้าสับสนราคาขาย และไม่ตัดสินใจซื้อ   ตลาดต้องรุก การใช้ Application ผู้ให้บริการ Delivery ยังช่วยให้การทำส่งเสริมการขายเป็นไปได้มากขึ้น การตลาดที่ดีจะต้องศึกษาข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้า การเตรียมข้อมูล ภาพ การวางรูปแบบเมนูสินค้าใน Application เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อเมนูที่ต้องการผลักดันยอดได้ในลำดับแรก ๆ   Application ส่วนใหญ่จะการทำโปรโมชันเพื่อแข่งขันกันเป็นเจ้าตลาด ร้านอาหาร Delivery จึงควรศึกษาข้อมูลเพื่อจัดทำโปรโมชั่นร่วมที่มีรูปแบบตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย และพฤติกรรมการซื้อมากที่สุด […]

Follow Me

Contact

เว็บไซต์ : amarinacademy.com
บริษัท เอเอ็มอี อิมเมจิเนทีฟ จำกัด
ในเครือ บริษัท อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน)
Tel : 02-422-9999 ต่อ 4662 หรือ 4669, 092-254-0742
Email : amarin.academy@gmail.com

ติดต่อแจ้งปัญหาหรือร้องเรียน
02-422-9999 ต่อ 4180
(จันทร์ – ศุกร์ เวลา 09.00 – 18.00 น)
bdcx@amarin.co.th

สนใจลงโฆษณากับเว็บไซต์ Amarin Academy
Tel. 081-664-0666, 091-729-8060
E-mail : sineenart_ya@amarin.co.th

© COPYRIGHT 2025 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.