7 สิ่งที่ห้ามทำ! เมื่อ เริ่มต้นทำธุรกิจ - Amarin Academy

7 สิ่งที่ห้ามทำ! เมื่อ เริ่มต้นทำธุรกิจ

สิ่งที่ห้ามทำ! เมื่อ เริ่มต้นทำธุรกิจ

ทุกวันนี้กระแสการเริ่มต้นธุรกิจด้วยตัวเองกำลังมาแรงสุดๆ คนรุ่นใหม่หลายคนเริ่มลาออกจากงานประจำเพื่อเริ่มต้นทำธุรกิจเล็กๆ บางคนอาจมีประสบการณ์การทำธุรกิจมาบ้าง ก็ถือว่าเป็นต้นทุนที่ดี แต่สำหรับบางคนที่ไม่เคยมีประสบการณ์การทำธุรกิจเลย ก็ถือว่าเสี่ยงพอสมควร วันนี้เราจึงขอแนะนำ 7 สิ่งที่ห้ามทำ! เมื่อ เริ่มต้นทำธุรกิจ มาฝาก เผื่อเป็นแนวคิดเพื่อช่วยให้ Start up ทุกๆ คนประสบความสำเร็จ!

1.กอดงานไว้คนเดียว ดับแน่

การที่เจ้าของกิจการทำงานทุกอย่างได้เป็นเรื่องที่ดี เพราะจะทำให้เราเข้าใจภาพรวมของธุรกิจมากขึ้น แต่! ไม่ใช่ทำทุกหน้าที่เอง ตลอดเวลา

แม้ว่าในช่วงเริ่มต้น คุณอาจจะต้องลงมือเองบ้าง เพื่อผลักดันงานดำเนินต่อไปได้ แต่คุณไม่สามารถทำเช่นนี้ได้ตลอดไป เพราะสุดท้ายตัวคุณเองก็จะไม่ไหว และธุรกิจก็จะก้าวต่อไปไม่ได้

ดังนั้นสิ่งที่คุณควรทำคือ สร้างทีมที่ทำหน้าที่แทนคุณ และสร้างระบบงานให้ชัดเจน แบ่งหน้าที่การทำงาน แล้วปล่อยให้ระบบเป็นตัวขับเคลื่อนธุรกิจ ส่วนตัวคุณเองทำหน้าที่ดูแลงานในภาพรวม และพยายามหาโอกาสการเติบโตใหม่ๆ อยู่เสมอ

2.ไม่รักษาคำพูด ไม่ตรงต่อเวลา

เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินคำพูดที่ว่า “หัวหน้าเป็นอย่างไร ลูกน้องก็เป็นอย่างนั้น” กันมาบ้าง ประโยคนี้ได้รับการพิสูจน์จากหลายๆ บริษัทแล้วว่าเป็นเรื่องจริง เพราะการที่เจ้าของธุรกิจเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้ทีม เช่น มาประชุมสาย ไม่รักษาคำพูด ทีมก็จะรู้สึกว่า “ทีเจ้าของยังมาสายได้ เราก็มาสายได้เหมือนกัน” ความคิดเหล่านี้จะค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นวัฒนธรรมองค์กรในระยะยาว ซึ่งจะแก้ไขได้ยากมาก ฉะนั้นหากคุณต้องการให้ลูกน้องขยันขันแข็ง ทุ่มเทกับงาน ตรงต่อเวลา มีความรับผิดชอบ คุณก็ต้องแสดงให้พวกเขาเห็นด้วย

3.เริ่มทำธุรกิจ ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่มีความรู้ หรือไม่ชอบ

Start up หลายๆ คน เริ่มธุรกิจตามกระแส เช่น กระแสการนั่งคาเฟ่ ดื่มกาแฟกำลังมาแรง ก็คิดจะเปิดคาเฟ่บ้าง ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่มีพื้นฐานด้านการทำอาหาร หรือไม่ดื่มกาแฟด้วยซ้ำ นี่คือจุดเริ่มต้นแห่งความหายนะ เพราะการเริ่มต้นทำธุรกิจ ต้องอาศัยทั้งแรงใจและแรงสมองอย่างมหาศาล เพื่อให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้ ซึ่งการที่คุณไม่มีความรู้เกี่ยวกับสิ่งที่ทำเลย หรือไม่ได้ชื่นชอบมันจริงๆ เวลาเจอปัญหา คุณก็จะรู้สึก “มืดแปดด้าน” ไม่รู้จะหาทางออกอย่างไร แถมยังไม่มีกำลังใจในการแก้ปัญหาด้วย (เพราะคุณไม่ได้ชอบมันตั้งแต่แรก) ดังนั้น เริ่มทำจากสิ่งที่รักและเชี่ยวชาญ จะทำให้คุณมีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า

4.ใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ มากเกินไป

การที่คุณใส่ใจรายละเอียดในการทำงานเป็นเรื่องที่ดี แต่บางครั้งถ้าใส่ใจมากเกินไป อาจทำให้คุณเสียเวลาในการพัฒนาด้านอื่นๆ หรือรู้สึก “ประสาทเสีย” หากงานไม่เป็นดั่งใจสักที

คุณต้องคำนึงเสมอว่า “การทำธุรกิจไม่มีวัน Perfect” ถ้ามัวแต่กังวลกับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ (ซึ่งมีมากมายมหาศาล) คุณอาจสูญเสียโอกาสในการเติบโตไป ฉะนั้นใส่ใจเฉพาะเรื่องที่จำเป็นและเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจ เพื่อจะได้มีเวลาไปโฟกัสกับการพัฒนาธุรกิจด้านอื่นๆ ต่อไป

5.ลงทุนกับสิ่งที่ไม่จำเป็น

เมื่อเริ่มต้นทำธุรกิจ เงินทุน ถือเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ตัดสินว่า คุณจะได้ไปต่อในเกมธุรกิจหรือไม่ ฉะนั้นก่อนการลงทุนใดๆ ต้องคำนึงเสมอว่า สิ่งที่ได้รับกลับมานั้นต้องคุ้มค่ากับการลงทุน

การลงทุนตกแต่งออฟฟิศให้สวยงาม หรือซื้อเฟอร์นิเจอร์แต่งร้านมากมายจนงบประมาณบานปลาย การลงทุนที่ว่ามานี้ถือเป็นการลงทุนที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ซ้ำยังเป็นตัวฉุดให้ธุรกิจของคุณโตได้ยาก (เพราะเงินสำหรับทำการตลาด เงินสำหรับจัดอบรมพนักงาน เงินสำหรับการพัฒนาสินค้า หมดไปกับการลงทุนที่ไม่จำเป็นไปเสียหมด) ฉะนั้นก่อนลงทุนใดๆ ต้องวางแผนงบการเงินให้ดี แล้วชั่งน้ำหนักความสำคัญให้รอบคอบก่อนจะดีกว่า

6.ดันทุรังทำในสิ่งที่ทำแล้วไม่ประสบความสำเร็จ

เมื่อเริ่มทำธุรกิจใหม่ๆ ย่อมมีช่วงที่ต้องลองผิด ลองถูก เพื่อนำประสบการณ์เหล่านั้นมาพัฒนาธุรกิจให้ดีขึ้น แต่ผู้ประกอบการบางรายอาจเสียดายกับเงินลงทุนที่เสียไป จนไม่กล้าล้มเลิกแผนการเดิม แล้วหันมาทำสิ่งใหม่ๆ เช่น หากออกสินค้าใหม่แล้วยอดขายไม่ดีเท่าที่ควร พยายามทำทุกวิธีทางแล้วไม่สำเร็จ บางคนก็เลือกลงทุนเพิ่มไปเรื่อยๆ เช่น อัดเงินทำการตลาด เปลี่ยน Packaging ขยายช่องทางการขาย เป็นต้น โดยหวังว่าสักวันเดี๋ยวก็สำเร็จเอง แต่ปัญหาคือ “แล้ววันไหนล่ะ” และถ้าไม่สำเร็จคุณจะต้องลงทุนต่อไปเรื่อยๆ หรือ? ดังนั้นก่อนการลงทุนต้องตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนเลยว่า จะใช้เวลากับวิธีการนี้นานเท่าไร ใช้เงินลงทุนกี่บาท ถ้าหากไม่สำเร็จ ก็ต้องตัดใจล้มเลิก แล้วเดินเส้นทางอื่นแทน เพราะไม่อย่างนั้นคุณจะไม่มีทุนสำรองสำหรับการทำอย่างอื่นเลย

7.ให้พนักงานใช้คอมพิวเตอร์ส่วนตัวในการทำงาน

หลายๆ ธุรกิจ ที่มีเงินทุนไม่มาก มักไม่ยอมลงทุนซื้ออุปกรณ์สำนักงาน โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์ให้พนักงาน เพราะต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย แต่รู้ไหมว่าการทำเช่นนี้ถือว่าเสี่ยงมาก เพราะคุณกำลังฝากข้อมูลของบริษัทไว้ที่พนักงาน ซึ่งไม่รู้ว่าจะลาออกเมื่อใด จะนำคอมพิวเตอร์ไปใช้งานจนเกิดปัญหาข้อมูลรั่วไหลหรือเปล่า ดังนั้นหากคุณยังพอจะมีเงินทุนอยู่บ้าง ก็ควรซื้ออุปกรณ์ให้พร้อม แต่หากเงินทุนคุณน้อยมาก จำเป็นต้องให้พนักงานใช้คอมพิวเตอร์ส่วนตัวจริงๆ ก็ควรแจ้งพนักงานว่าต้องตั้งรหัสผ่านเข้าใช้งานกับไฟล์งานที่สำคัญ เพื่อป้องกันข้อมูลรั่วไหล เป็นต้น

การทำธุรกิจ คือการเรียนรู้จากข้อผิดพลาด เพื่อพัฒนาสู่สิ่งที่ดีกว่า หากคุณมุ่งมั่นและพยายามมากพอ ความสำเร็จก็จะตามมาเอง

ขอบคุณข้อมูล www.thebalance.com

เรื่องแนะนำ

5 คุณสมบัติที่ ผู้จัดการร้าน ต้องมี แล้วร้านคุณจะไม่มีวันเจ๊ง

ผู้จัดการร้าน เปรียบเสมือนตัวแทนของเจ้าของร้านอาหาร  ถ้าผู้จัดการร้านทำหน้าที่ได้อย่างดี เจ้าของร้านอาหารแทบจะไม่ต้องแก้ปัญหาจุกจิกใด ๆ เลย และยังมีส่วนสำคัญให้ร้านของคุณเติบโตได้ตามเป้าหมายอีกด้วย   5 คุณสมบัติที่ ผู้จัดการร้าน ต้องมี แล้วร้านคุณจะไม่มีวันเจ๊ง เก่งคน             การจัดสรรหน้าที่ความรับผิดชอบของพนักงานให้เหมาะสม  ให้คำแนะนำในการทำงานแก่พนักงาน  ผู้จัดการที่ดีจะต้องเป็นตัวแทนในการคัดเลือก ฝึกอบรม จ้างพนักงาน รักษาพนักงานที่ดี และคัดพนักงานที่เป็นปัญหาออก รวมถึงการสร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงานอีกด้วย ถ้าผู้จัดการร้านไม่สามารถจัดการทีมงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะถ้าเกิดปัญหาหน้างานขึ้นมาแล้วก็เหมือนงูกินหาง ทำให้ร้านล้มเหลวไม่เป็นท่าในที่สุด   เก่งลูกค้า             ผู้จัดการร้านอาหารจะต้องมีหน้าที่ตรวจสอบความพึงพอใจของลูกค้า ควบคุมและพัฒนาการบริการของพนักงานเพื่อให้ลูกค้าพึงพอใจ   และฝึกให้สามารถรับมือกับลูกค้าเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้เป็นอย่างดี เพราะหากลูกค้าไม่พอใจด่านสำคัญที่จะต้องตัดสินใจแก้ปัญหาคือ ผู้จัดการร้าน  นอกจากกำหนดนโยบายในการรับมือถ้าหากลูกค้าไม่พอใจแล้ว เจ้าของร้านควรให้บทบาทที่เหมาะสมในการตัดสินใจแก่ผู้จัดการร้านไว้เป็นกิจจะลักษณะ เช่น สิทธิในการให้ส่วนลดเพื่อชดเชยความไม่พอใจแก่ลูกค้า   เก่งวางแผน             หน้าที่ในการตรวจเช็คของใช้ต่าง ๆ ที่จำเป็น ตั้งแต่ของเล็กน้อย อย่างกระดาษเช็ดปาก ที่รองจาน อุปกรณ์ตกแต่ง ของใช้จำเป็นอื่น ๆ รวมถึงอุปกรณ์ที่จำเป็นให้พร้อมในการใช้งาน การจัดทำสต็อกสินค้าเพื่อจัดซื้อตามรอบ ในบางร้านอาจต้องประสานกับทีมครัวเพื่อจัดซื้อวัตถุดิบจากซัพพลายเออร์ เพราะฉะนั้นความละเอียดรอบคอบ และความสามารถในการคาดการณ์จำนวนให้เพียงพอต่อการใช้งานจึงเป็นสิ่งจำเป็น […]

9 Checklist

9 Checklist ธุรกิจ ควรทำ ถ้าไม่อยากเจ๊ง!

ทำธุรกิจต้องหมั่นตรวจสอบระบบการทำงานอยู่เสมอ เพื่อเช็คว่าธุรกิจของคุณมีปัญหาอะไร อย่างนั้นมาดูกันดีกว่าว่า Checklist ธุรกิจ ที่เจ้าของธุรกิจควรทำมีอะไรบ้าง

ธุรกิจร้านอาหารขนาดเล็ก

แนวคิดสำคัญช่วยให้ ธุรกิจร้านอาหารขนาดเล็ก เติบโต

บางคนใฝ่ฝันอยากมีร้านอาหารเป็นของตัวเอง มองเห็นภาพหน้าร้านสวยๆ ที่มีลูกค้านั่งอยู่เนืองแน่น แต่ความเป็นจริงแล้วภาพความสำเร็จที่เห็นอาจต้องแลกมากับชั่วโมงการทำงานอย่างหนัก ความมีระเบียบวินัย การให้ความใส่ใจอย่างเต็มที่

ตำแหน่งพนักงานร้านอาหาร

ตำแหน่งพนักงานร้านอาหาร ที่เจ้าของร้านมืออาชีพต้องรู้!

ร้านอาหารที่ประสบความสำเร็จ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความอร่อยหรือการตกแต่งร้านเท่านั้น แต่ต้องอาศัย “ทีมงาน” ที่ดีมีคุณภาพ ช่วยกันสร้างสรรค์ขึ้นมา เจ้าของร้านบางท่านอาจจะคิดว่าให้ทีมแบ่งงานกันทำง่ายๆ ใครว่างก็ไปช่วยคนอื่นทำต่อ แต่ถ้าจะบริหารร้านให้เป็นระบบอย่างมืออาชีพแล้ว ควรจะแบ่งงานกันอย่างไร มาศึกษาการแบ่ง  ตำแหน่งพนักงานร้านอาหาร ที่เจ้าของร้านมืออาชีพต้องรู้! ตำแหน่งพนักงานร้านอาหาร ที่เจ้าของร้านมืออาชีพต้องรู้! ร้านอาหารแต่ละชนิดก็จะต้องการพนักงานที่มีคุณสมบัติแตกต่างกันไป โดยเราสามารถแบ่งประเภทพนักงานออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือ พนักงานหลังร้าน และพนักงานหน้าร้าน  พนักงานหลังร้าน ความสามารถที่จำเป็นของพนักงานหลังร้านหรือในครัวนั้น ขึ้นอยู่กับประเภทของร้านอาหาร และความซับซ้อนของเมนูในร้าน เช่น ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด พนักงานไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ในครัวมากนัก ก็สามารถประกอบอาหารได้ตามมาตรฐาน แต่ถ้าเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น คงต้องการเชฟที่มีประสบการณ์มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นความรู้เกี่ยวกับวัตถุดิบ ความสามารถในการใช้มีด การแล่ปลา การปั้นซูซิและทำอาหารญี่ปุ่นอื่นๆ  ยิ่งเป็นร้านที่พัฒนามากขึ้น ตำแหน่งก็จะยิ่งละเอียด เพื่อความชัดเจนในหน้าที่ ลดความซ้ำซ้อนของงาน และมีโครงสร้างเหมือนกับบริษัทย่อยๆ ที่พนักงานต้องเรียนรู้ขึ้นไปเรื่อยๆ โดยตำแหน่งในครัวแบ่งย่อยได้เป็น  หัวหน้าเชฟ เป็นตำแหน่งสำคัญที่สุดเบื้องหลังร้าน แค่ต้องทำอาหารได้ดียังไม่พอ แต่ต้องสามารถบริการจัดการครัวได้ด้วย ทั้งเรื่องการกระจายงานให้พนักงานในครัว ดูแลการจัดการวัตถุดิบ คำนวนต้นทุนอาหาร วางแผนและพัฒนาเมนูในร้าน   ผู้ช่วยเชฟ  มีหน้าที่ช่วยจัดการงานต่างๆ ของหัวหน้าเชฟ และดูแลครัวในกรณีที่หัวหน้าเชฟไม่อยู่ […]

Follow Me

Contact

เว็บไซต์ : amarinacademy.com
บริษัท เอเอ็มอี อิมเมจิเนทีฟ จำกัด
ในเครือ บริษัท อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน)
Tel : 02-422-9999 ต่อ 4662 หรือ 4669, 092-254-0742
Email : amarin.academy@gmail.com

ติดต่อแจ้งปัญหาหรือร้องเรียน
02-422-9999 ต่อ 4180
(จันทร์ – ศุกร์ เวลา 09.00 – 18.00 น)
bdcx@amarin.co.th

สนใจลงโฆษณากับเว็บไซต์ Amarin Academy
Tel. 081-664-0666, 091-729-8060
E-mail : sineenart_ya@amarin.co.th

© COPYRIGHT 2025 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.