รวม บทเรียนสำคัญ ! ที่คนทำร้านอาหารอยากบอกคุณ (2) - Amarin Academy

รวม บทเรียนสำคัญ ! ที่คนทำร้านอาหารอยากบอกคุณ (2)

รวม บทเรียนสำคัญ ! ที่คนทำร้านอาหารอยากบอกคุณ (2)

ยุคนี้ใครๆ ก็อยากทำธุรกิจของตัวเอง เนื่องด้วยเหตุผลมากมาย ไม่ว่าจะเป็นอยากมีอิสระ ไม่อยากเป็นลูกน้องใคร อยากทำตามความฝัน หรืออยากรวยเร็วๆ โดยธุรกิจอันดับต้นๆ ที่ทุกคนคิดถึง คงหนีไม่พ้นการทำร้านอาหารหรือเปิดคาเฟ่เล็กๆ แต่หลายคนก็ยังไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร วันนี้เราจึงขอรวบรวม บทเรียนสำคัญ จากผู้ประกอบการร้านอาหารที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจมาฝากกัน

ปลูกปั่น

ปลูกปั่น

ธุรกิจที่ดี ต้องดีทั้งต่อตัวเอง ดีต่อผู้ซื้อ และดีต่อสังคม

แนวคิดทางธุรกิจของเราคือ

1.ต้องไม่มีบรรจุภัณฑ์เหลือทิ้ง เราจึงเลือกใช้ขวดแก้วเนื้อดี ไม่แตกง่าย ไม่ทำปฏิกิริยากับอาหาร มาตรฐานสูง และปากขวดกว้างเพื่อให้ล้างง่าย โดยเราจะให้นักปั่นไปส่งที่บ้านลูกค้าทุกวัน เมื่อดื่มเสร็จก็ล้างให้สะอาด นักปั่นก็จะเก็บแก้วกลับมา นำมาทำความสะอาด ฆ่าเชื้ออีกรอบ แล้วบรรจุใหม่ ไปส่งในวันรุ่งขึ้น ฉะนั้นคนที่ซื้อน้ำเรา กินแล้วต้องล้างเอง เราคิดว่าการล้างแก้วสะท้อนเรื่องความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเองทำ อาจจะลำบากบ้าง แต่เป็นความลำบากที่คุณจะรู้สึกดี

2.ไม่มีของสดในร้านให้เน่าเสีย เราเคยเห็นเค้กในห้างตอน 2 ทุ่ม ยังเหลือเต็มตู้ แล้วหลังจากห้างปิดล่ะ ขนมพวกนั้นไปไหน ต้องเอาไปทิ้งแน่นอน เราเลยรู้ว่าสาเหตุที่เค้กราคาแพง เพราะต้องบวกต้นทุนค่าของเสียเข้าไปด้วย จึงคิดว่าธุรกิจของเราจะต้องไม่มีของเสีย จะได้ขายในราคาที่ไม่แพง ฉะนั้นถ้าจะซื้อน้ำของเราต้องสั่งล่วงหน้า จะได้คำนวณปริมาณวัตถุดิบได้ และจะปั่นสูตรเดียวต่อวัน ไม่ตามใจลูกค้า เพราะจุดประสงค์ของการทำธุรกิจนี้คืออยากให้เขากินแล้วมีสุขภาพดี

Kuppadeli

kuppadeli

ทำธุรกิจต้อง เข้าใจตัวเอง เข้าใจตลาด และบริหารคนเป็น

ทุกวันนี้ ใครๆ ก็อยากเปิดร้านอาหาร เพราะมันเปิดง่าย แต่ประเด็นคือ ถ้าคุณไม่มีประสบการณ์ ไม่มีการบริหารจัดการที่ดี มันก็เจ๊ง โลกทุกวันนี้ ธุรกิจ retail มันกำลังตายละเรื่อยๆ เมื่อตายแล้วก็เกิดพื้นที่ว่าง นำไปทำอะไร ส่วนใหญ่ก็เอามาเปิดร้านอาหาร คือพื้นที่ที่ไม่รู้จะเอาไปทำอะไรส่วนใหญ่ทำเป็นร้านอาหารหมด การแข่งขันมันจึงสูง เราเปิดอยู่ดีๆ มีอยู่ร้านเดียว ผ่านไปไม่กี่ปีเพิ่มขึ้นอีกหลายร้าน กลายเป็นว่า ค่าเช่าเราเท่าเดิม แต่คู่แข่งมากขึ้น

แล้วธุรกิจร้านอาหารวงจรชีวิตมันสั้นมาก เมื่อเทียบกับธุรกิจอื่นๆ ยกเว้นว่าคุณจะเป็น Top Brand ที่ทุกคนรู้จักหมดแล้ว อายุก็อาจจะยืนหน่อย

ฉะนั้นถ้าคุณจะทำธุรกิจ ต้องเข้าใจตัวเอง เข้าใจตลาด และบริหารคนเป็น หมายถึง ต้องรู้ก่อนว่าจุดยืนของตัวเองคืออะไร รู้ว่าตัวเองเก่งด้านไหน และมี passion กับอะไร จากนั้น ต้องดูว่าตลาดต้องการอะไร กลุ่มลูกค้าของคุณเป็นรูปแบบไหน ควรจะทำ research ให้ดีก่อน เมื่อทำการบ้าน 2 ข้อนี้แล้ว ค่อยมาดูว่า จุดตัดหรือ Cross over ของ 2 สิ่งนี้อยู่ตรงไหน คุณก็นำเสนอสิ่งนั้น จะเอาแต่ใจตัวเองก็ไม่ได้ เอาแต่ใจตลาดก็ไม่ได้ มันต้องหาจุดเชื่อมให้เจอ จากนั้นก็ต้องมาเรียนรู้การบริหารคน เพื่อให้เขาช่วยทำให้มันสำเร็จ

Guss damn good

guss damn good

การทำธุรกิจต้อง “ใส่ใจ” ในทุกๆ ด้าน

คนส่วนใหญ่มองว่า ร้านภายนอกดูสนุก ดูไม่ตั้งใจ แต่จริงๆ หลังบ้านเราตั้งใจมาก เนี้ยบมาก ทำงานกันหนัก ต้องจัดเทรนด์พนักงานให้เขาเข้าใจความเป็นมา ให้เขารักในสิ่งที่ทำ

แค่การตักไอศกรีมลูกหนึ่งก็ต้องใส่ใจ เราไม่อยากให้พนักงานคิดว่าก็แค่ตักไอศกรีม แต่พยายามทำให้เขารู้สึกว่า คุณกำลังส่งความสุขให้ลูกค้า ต้องตักอย่างไรให้ลูกนี้อร่อยที่สุด สมมติตักเครื่องเยอะไปก็หวานเกิน ตักน้อยไปลูกค้าก็ไม่ประทับใจ บราวนี่หายไปไหน คือทุกคำที่เขากิน ต้องได้กินบราวนี่

หรือถ้าเขาสั่ง 2 ลูก รสไหนต้องวางล่าง รสไหนต้องวางบน ลูกค้าต้องกินอันไหนก่อน ถ้ากินสลับกัน รสชาติจะเปลี่ยน อย่าง Don’t Give Up 18 ไม่ว่ากินกับรสอะไรก็ตาม ลูกนี้ต้องอยู่ข้างบน เพราะรสบางกว่ารสอื่นๆ หรือถ้ากินรสอื่นก่อน ความเป็นพระเอกของรสนี้จะหายไปแล้ว

หรือถ้าเขาสั่งให้ไปส่ง นอกเหนือจากชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ เราจะถามด้วยว่า กินตอนไหน ถ้าตอนเที่ยง โอเค เดี๋ยวใกล้ๆ เที่ยงเราเอาไปส่ง จะได้กินเลย หรือจะหิ้วกลับบ้าน กลับกี่โมง เดี๋ยวเย็นๆ เราค่อยไป เราซีเรียสเรื่องนี้มาก เพราะว่าถ้าเกิดมันละลาย เอาไปแช่ใหม่ รสชาติ เนื้อสัมผัสจะไม่เหมือนเดิม

ดีเทลแบบนี้บางครั้งลูกค้าไม่รู้ แต่เราใส่ใจกับมันทุกอนูจริง ๆ

GISMO

ธุรกิจอาหารคือ งานที่ไม่มีวันสิ้นสุด

ผมมองว่าธุรกิจบริการ เป็นธุรกิจที่หยุดไม่ได้ เพราะเมื่อไรที่คุณหยุด ร้านไม่เดิน คนอื่นแซงทันที ฉะนั้นเราต้องคิดอะไรใหม่ๆ ตลอด ทำอย่างไรก็ได้ ให้ลูกค้ารู้สึกสนุกกับเราไปเรื่อยๆ ไม่ใช่มากินทีไรก็เหมือนเดิม เมนูเดิม ข้าวผัดเหมือนเดิมตลอด ถ้าเป็นอย่างนั้นสักวันหนึ่ง ถ้ามีร้านข้าวผัดมาเปิดใหม่ เขาไปกินร้านอื่นก็ได้

ฉะนั้นถ้าจะทำร้านอาหาร คุณต้องอย่าทำให้เขาเบื่อ ทำให้เขารู้สึกมีอะไรใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ขยันออกเมนูใหม่ ทำโปรโมชั่นใหม่ ทำกิจกรรมต่างๆ ทุกเดือน ไม่ต้องกลัวว่าจะทำไม่ได้ ปีหนึ่งมีตั้ง 12 เดือน เดือนนี้ไม่ได้ เดือนหน้าก็ต้องได้ เดือนหน้าไม่ได้ อีกเดือนก็ต้องได้

ธุรกิจที่เล่นกับจิตใจคนมันยากที่สุดแล้ว ต้องเล่นกับความรู้สึกเขาว่า กินแล้วถูกปากไหม เข้ามาที่ร้านแล้วถูกใจบรรยากาศรึเปล่า ซึ่งความต้องการของคนมันไม่มีที่สิ้นสุด ฉะนั้นเราต้องพัฒนาอย่างไม่มีที่สิ้นสุดด้วย

อ่านเพิ่มเติม รวม บทเรียนสำคัญ ! ที่คนทำร้านอาหารอยากบอกคุณ (1)

เรื่องแนะนำ

BRIX Dessert Bar เสิร์ฟความพรีเมี่ยมแบบไร้รอยต่อด้วย OMNI Media

เมื่อพูดถึงร้านขนมหวานเท่ห์ๆแบบพรีเมี่ยม ย่านใจกลางเมือง ที่ใช้แนวทางนี้ในการ “เสิร์ฟประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า” BRIX Dessert Bar เป็นตัวเลือกที่สำคัญที่อยู่ในใจผู้บริโภค ด้วยความที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและความใส่ใจในเสียงของลูกค้าอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด   1.เริ่มต้นด้วยคุณภาพ ส่งมอบคุณค่าผู้นำเทรนด์    ช่วงเริ่มต้นผมกับพี่ชายไม่เคยมีประสบการณ์ในการทำธุรกิจอาหารมาก่อน โมเดลธุรกิจในช่วงแรกของเราคือ อะไรที่ดีที่สุดสำหรับเรา น่าจะดีที่สุดสำหรับลูกค้า เราเน้นเรื่องคุณภาพเป็นหลัก ตั้งแต่วัตถุดิบ เช่น แป้ง เนย ผลไม้ ไปจนถึง ภาชนะที่ใช้จัดเสิร์ฟ จาน ชาม ต่างๆ เน้นสื่อถึงความพรีเมี่ยมเป็นหลัก การตลาดในช่วงแรกของเรา จะเป็นแบบง่ายๆที่ใช้ต้นทุนไม่สูงมากนัก คือให้ลูกค้า Like, ถ่ายรูปสินค้า Share เฟสบุ๊ค เพื่อรับส่วนลดเครื่องดื่ม และมีจ้าง Influencer มารีวิวเพื่อสร้าง Awareness ให้กับลูกค้าบ้าง เพราะร้านเราเป็นร้านใหม่   จนกระทั่ง Positioning ชัดเจนขึ้น การทำการตลาดจึงไม่ใช่แค่การทำโปรโมชั่นหรือส่วนลดเพียงอย่างเดียว​ แต่เราเน้นเพิ่มเมนูใหม่เรื่อยๆ โดยพี่ชายซึ่งเป็นเชฟของร้าน มักจะบินไปต่างประเทศเพื่อชิมขนมหวานตามที่ต่างๆ พอทราบว่าเทรนด์ไหนที่น่าสนใจ และเห็นแนวโน้มว่าจะเกิดเป็นกระแสในเมืองไทย ก็จะนำเทรนด์เหล่านั้นมาคิดค้นพัฒนาสูตรขนมในแบบของ BRIX […]

เสวย

ถอดเคล็ดลับ “เสวย” จากรุ่นสู่รุ่น รีแบรนด์ใหม่อย่างไร ให้ปัง!

” เสวย ” ร้านอาหารไทยที่เปิดมาอย่างยาวนาน นับตั้งแต่ปี 1972 เรียกได้ว่าเป็นแบรนด์ร้านอาหารไทยที่เก่าแก่ร้านหนึ่ง และยังเป็นร้านอาหารที่ได้รับ ตราสัญลักษณ์ Thai Select จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ซึ่งมอบให้แก่ร้านอาหารที่มีคุณภาพดีเยี่ยม และเป็นร้านที่ขายอาหารไทยต้นตำรับคุณภาพดี เป็นการบ่งชี้ว่าได้มาตรฐานอาหารไทย ตามแบบวิธีการปรุงอาหารไทย ใช้วัตถุดิบและเครื่องปรุงอาหารไทย  ซึ่งร้านเสวย เปิดมายาวนานกว่าสี่สิบปี แบรนด์ที่เก่าแก่นี้ได้ถูกส่งไม้ต่อให้กับทายาทรุ่นที่ 2 อย่าง คุณตาม พีรพงศ์ ดาวพิเศษ ด้วยอายุของแบรนด์ รวมถึงกลุ่มลูกค้าเดิมที่อายุเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงเวลาที่ต้องจับกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ และรีแบรนด์ใหม่ เสวย จะมีวิธีอย่างไร ที่ทำให้ร้านปังยิ่งขึ้น   “ เสวย ” จากรุ่นสู่รุ่น รีแบรนด์ใหม่อย่างไร ให้ปัง! คุณตาม พีรพงศ์ เล่าว่า ปีนี้เป็นปีที่ 6 แล้ว นับจากวันที่เริ่มเข้ามาบริหารร้านเสวย การรับช่วงต่อจากรุ่นคุณพ่อ ที่ร้านเป็นที่รู้จักแล้ว ไม่ได้หมายความว่าการเข้ามาบริหารในรุ่นที่ 2 นี้ เส้นทางจะโรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป “ช่วงแรกที่เข้ามาบริหาร เรียกว่าขาดทุนย่อยยับก็ว่าได้ พอของไม่สดผมทิ้งเลย ช่วงแรกร้านขาดทุนมากขึ้นเกือบ 3 เท่า […]

ร้าน สวนผัก โอ้กะจู๋ ร้านอาหาร 100 คิว ธุรกิจดังแห่งปี

นั่งรอ ยืนรอ ช็อปปิ้งรอ เดินกลับมาที่ร้านก็ยังไม่ถึงคิว! เดินวนแล้วววว วนอีก  แต่คิวก็ไม่มีทีท่าจะลดลงเลย! ภาพคนยืนรอต่อคิวหน้าร้าน โอ้กะจู๋  ยังติดตาแอดมินมาจนถึงทุกวันนี้ วันธรรมดา หรือวันหยุดสุดสัปดาห์เสาร์อาทิตย์ โอ้กะจู๋ก็ยังคงแน่นด้วยคิวเป็นร้อยๆ ประวัติและข้อมูลเบื้องต้นเพื่อน ๆ คงพอหาอ่านได้จากพี่กู๋ (Google) อยู่บ้างแล้ว จากที่แอดมินคือหนึ่งในคนที่ไปรอคิวนานมาก บทความนี้จึงอยากวิเคราะห์จุดแข็งว่าเพราะเหตุใดที่ทำให้ผู้คนชื่นชอบและยอมมายืนต่อคิว “โอ้กะจู๋ ร้านอาหาร 100 คิว” นานขนาดนี้ได้ วันนี้ต้องยอมรับเลยว่า ‘โอ้กะจู๋’ คือร้านอาหารออร์แกนิกที่มาแรงสุดๆ เพราะเดินผ่านกี่ครั้งคนก็เต็มร้านจนต้องรอคิวกันนานสองนาน ความสำเร็จที่มัดใจคนได้แบบนี้ คงตามรอยสโลแกนร้านที่ว่า “ปลูกผักเพราะรักแม่” การให้ความใส่ใจกับลูกค้า เปรียบเสมือนว่าเขาคือคนในครอบครัว การทำอาหารจากใจ ปรุงด้วยวัตถุดิบที่สด สะอาด เสิร์ฟจานโตๆ จนกลายเป็นที่จดจำของลูกค้าไปแล้ว การทำอาหารทุกจานให้ออกมาดูดี มีคุณภาพ เหมือนกับทำให้แม่ทาน จนเกิดเป็นสโลแกน “โอ้กะจู๋ ปลูกผักเพราะรักแม่” ที่เปรียบลูกค้าเหมือนเป็นคนในครอบครัว ควรได้ทานอาหารดีๆ สด สะอาด และปรุงด้วยใจ แต่คงไม่ใช่แค่การเลือกดำเนินธุรกิจตามสโลแกนร้านอย่างเดียว ที่ทำให้ “โอ้กะจู๋” ประสบความสำเร็จ จนถูกพูดถึงเป็นวงกว้างอย่างเช่นทุกวันนี้ โอ้กะจู๋ ร้านอาหาร 100 […]

MAJI Curry

MAJI Curry ข้าวแกงกะหรีี่จากญี่ปุ่น ดึงจุดแข็งดีกรีแชมป์เรียกลูกค้าคนไทย

ถ้าพูดถึงเมนูอาหารญี่ปุ่นยอดฮิต คงจะมีหลายเมนูในใจ ซึ่งหนึ่งในนั้นต้องมีเมนู ข้าวแกงกะหรี่แน่นอน ซึ่งข้าวแกงหรี่น้องใหม่จากประเทศญี่ปุ่น MAJI Curry ที่รู้จักกันดีในประเทศญี่ปุ่น เลือกประเทศไทย เป็นสาขาแรกในต่างประเทศ   MAJI Curry ข้าวแกงกะหรี่ดีกรีแชมป์ แม้จะเป็นแบรนด์ข้าวแกงกะหรี่น้องใหม่ในประเทศไทย ที่คนไทยอาจจะยังไม่คุ้นหูมากนัก แต่MAJI Curry มีดีกรีถึงแชมป์ข้าวแกงกะหรี่อันดับหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น ในปี 2018 และเป็นที่รู้จักของคนญี่ปุ่น ที่ลูกค้าต้องมาต่อคิวรอเป็นจำนวนมาก และยอดขายเพิ่มขึ้นจากปี 2018 ถึง 200% และMAJI Curry เลือกที่จะขยายสาขาในต่างประเทศ และประเทศไทยก็เป็นที่แรก เลือกประเทศไทยเป็นสาขาแรก ในต่างประเทศ? คุณซาโตชิ ยามาโมโต ผู้บริหารบริษัท ซันปาร์ค กรุงเทพ จำกัด ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของMAJI Curry เผยว่า เคยทำธุรกิจราเมงในประเทศไทยอยู่แล้ว และเห็นว่าตลาดในประเทศไทยใหญ่มาก เมื่อเทียบกับประเทศอื่น บางประเทศ เลยทำให้สนใจที่จะมาเปิดธุรกิจร้านแกงกะหรี่ในประเทศไทย ก่อนหน้านี้ก็มีการสำรวจด้วยว่าคนไทยชอบทานแกงกะหรี่ จากร้านแกงกะหรี่ชื่อดังที่เปิดอยู่ในไทยอย่าง CoCoICHIBANYA และเห็นกว่าคนไทยชอบกินแกงกะหรี่ อยากประสบความสำเร็จเช่นเดียวกัน และข้าวแกงกะหรี่ก็เป็นที่รู้จักของคนไทยอยู่แล้ว คิดว่าน่าจะทำตลาดได้ง่าย   […]

Follow Me

Contact

เว็บไซต์ : amarinacademy.com
บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน)
Tel : 02-422-9999 ต่อ 4662 หรือ 4669, 092-254-0742
Email : amarin.academy@gmail.com

สนใจลงโฆษณากับเว็บไซต์ Amarin Academy
Tel. 081-664-0666, 091-729-8060
E-mail : sineenart_ya@amarin.co.th

© COPYRIGHT 2023 AMARIN PRINTING AND PUBLISHING PUBLIC COMPANY LIMITED.