เลือกทำเลที่เหมาะ ต้อง "เหมาะ" กับอะไร? - Amarin Academy

เลือกทำเลที่เหมาะ ต้อง “เหมาะ” กับอะไร?

เลือกทำเลที่เหมาะ ต้อง “เหมาะ” กับอะไร?

หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า จะเปิดร้านอาหารทั้งทีก็ต้อง เลือกทำเลที่เหมาะ ๆ แต่คำว่า “เหมาะ” คือเหมาะสมในด้านไหนบ้าง วันนี้เราจะมาอธิบายให้ฟัง

1.เหมาะกับกลุ่มลูกค้า

แน่นอนว่าข้อนี้ต้องมาเป็นอันดับแรก คงไม่มีใครอยากเปิดร้านอาหาร แล้วไม่มีลูกค้าเข้าร้านเลยจริงไหม ฉะนั้นต้องตรวจสอบให้ดีก่อนว่า ทำเลที่คุณจะเปิดนั้นมีกลุ่มเป้าหมายของคุณอยู่หรือเปล่า และมีมากน้อยแค่ไหน คุ้มค่ากับการลงทุนเปิดร้านหรือไม่ การลงทุนจะได้ไม่เปล่าประโยชน์

2.เหมาะกับความต้องการของเรา

เมื่อดูกลุ่มลูกค้าแล้วก็มาสอบถามความต้องการของตนเองว่า พื้นที่ที่เข้าตา เหมาะกับความต้องการของเราหรือไม่ ขนาดเหมาสมหรือเปล่า เล็กเกินไปจนอึกอัด หรือใหญ่จนดูแลไม่ไหว ลองคาดคะเนดูว่าหากเปิดร้านจริง จะสามารถออกแบบหรือปรับเปลี่ยนรูปแบบของพื้นที่ ให้ตรงกับความต้องการของคุณได้หรือไม่ อย่าลืมว่า ทำเลดี สร้างร้านอาหารที่ยอดเยี่ยมได้

3.เหมาะกับการขาย

ก่อนเลือกทำเลควรศึกษาพื้นที่ดีๆ ว่ามีศักยภาพพอสำหรับการเปิดร้านอาหารหรือเปล่า หากไม่รู้จะเริ่มต้นอย่าไร ลองสังเกตดูร้านข้างๆ ว่าเขาทำธุรกิจอะไร ดูท่าจะไปได้สวยหรือไม่ จากนั้นลองสอบถามจากร้านรอบๆ ว่า พื้นที่เดิมเคยทำธุรกิจใดมาก่อน ทำไมถึงเลิกกิจการ ลองทำการบ้านเยอะๆ สอบถามจากคนหลายๆ คน (แต่ไม่ต้องเชื่อทุกคน เพราะเขาอาจไม่ได้พูดเรื่องจริงทั้งหมด) แล้วนำข้อมูลทั้งหมดมาประเมินแล้วค่อยตัดสินใจ อย่ากลัวที่จะหาข้อมูล แต่จงกลัวที่จะลงเงินไปแล้วขาดทุนจะดีกว่า

4.เหมาะกับเงินในกระเป๋า

เรื่องนี้เรื่องใหญ่และเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจเลย เราเข้าใจว่าผู้ที่เริ่มต้นทำธุรกิจอาหารมักมีเงินลงทุนไม่มากนัก ฉะนั้นอย่าทุ่มเงินไปกับค่าสถานที่มากเกินไป ควรเพผื่อเงินสำหรับค่าใช้จ่ายอื่นๆ ด้วย แม้ทำเลนั้นจะเตะตาโดนใจสักแค่ไหน แต่หากคุณไม่เหลือเงินมาตกแต่งร้าน หรือซื้ออุปกรณ์ในครัว จ้างพนักงานดีๆ ก็เท่ากับว่าทำเลนั้นไม่มีค่าใดๆ เลย

ดังนั้นขอให้เลือกทำเลที่เหมาะกับเงินเราดีกว่า แล้วนำเงินที่เหลือไปอัดส่วนการตลาด เพื่อให้ลูกค้าเข้าร้านเยอะๆ

(อ่านเพิ่มเติม: 5 ต้นทุนในการทำร้านอาหาร ที่เจ้าของกิจการควรรู้!)

5.เหมาะกับความคุ้มค่า

ค่าสถานที่ในการเปิดร้าน ถือเป็นต้นทุนที่ค่อนข้างสูง ฉะนั้นอย่ากลัวที่จะต่อรองราคาจนกว่าเรา (และเจ้าของพื้นที่) จะพอใจ เพื่อให้ต้นทุนของเราต่ำที่สุด

หากพื้นที่ที่คุณเลือกเป็นพื้นที่ว่างเปล่า ต้องสร้างเองใหม่ทั้งหมด ค่าเช่าพื้นที่อาจจะน้อย แต่คุณต้องลงทุนสร้างใหม่ทั้งหมด แลกกับการได้ร้านออกมาตรงตามความต้องการ กลับกันหากคุณเช่าอาคารหรือเซ้งร้านอาหารเดิม ราคาค่าเช่าอาจจะสูง แต่ภาระด้านการก่อสร้างก็จะน้อยลง ที่สำคัญอาคารที่คุณเช่าอาจจะมีอุปกรณ์บางอย่างแถมมาด้วย ยิ่งเป็นการเซ้งร้านอาหารเดิม ก็จะมีการวางระบบ มีอุปกรณ์ครัวต่างๆ พ่วงมาด้วย แต่สภาพอาจจะไม่สมบูรณ์นัก ฉะนั้นคุณต้องประเมินว่าในระยะยาวแบบไหนคุ้มค่ากว่ากัน

6.เหมาะกับระยะเวลาที่เราต้องการ

ก่อนทำสัญญาเช่า คุณต้องถามตัวเองก่อนว่า คิดว่าร้านอาหารของคุณจะมีอายุสักกี่ปี 2 ปี 5 ปี หรือ 10 ปี หลายคนอาจไม่เคยคิดถึงการปิดกิจการ แต่คุณควรคิดไว้ เพราะจะได้ทำสัญญาการเช่าได้ถูกต้อง บางคนอาจคิดว่าอยากเปิดยาวๆ เป็น 10 ปี จึงทำสัญญาเช่าระยะยาว เพื่อจะได้ลดความเสี่ยงว่าเจ้าของที่จะขึ้นค่าเช่าหรือไม่ให้เช่าต่อ แต่ก็อย่าลืมว่า เกิดร้านอาหารของคุณไปไม่รอดจะทำอย่างไร ข้อแนะนำที่ดีที่สุดคือ 3 ปี และหากร้านไปได้สวยก็ค่อยต่อสัญญาเพิ่ม เลือกกลางๆ เอาไว้ก่อน จะได้ไม่เจ็บตัวภายหลัง

ก่อน เลือกทำเล ร้านอาหาร ลองนำปัจจัยเหล่านี้ไปประกอบการตัดสินใจก่อนนะครับ เพื่อลดความเสี่ยงในการทำธุรกิจ

เรื่องแนะนำ

food delivery

5 สิ่งที่ร้านอาหารต้องปรับ เมื่อเริ่มทำ Food delivery

ธุรกิจ Food Delivery กำลังมาแรง แต่ปัญหาสำคัญคือ ร้านอาหารหลายๆ ร้านไม่รู้จะเริ่มปรับจากจุดไหน เพื่อให้ไม่กระทบต่อหน้าร้าน วันนี้เรามีเทคนิคดีๆ มาฝาก

Food Rotation Labels สติ๊กเกอร์บอกรายละเอียดวัตถุดิบ มาตรฐานครัวสำคัญที่ร้านอาหารควรมี

Food Rotation Labels สติ๊กเกอร์บอกรายละเอียดวัตถุดิบ มาตรฐานครัวสำคัญที่ร้านอาหารควรมี ทุกวันนี้ผู้คนหันมาให้ความสำคัญกับอาหารการกินในทุก ๆ ทาง นี่จึงเป็นเหตุผลชวนให้ผู้ประกอบการหันมาใส่ใจสุขลักษณะในการประกอบอาหาร เพื่อสร้างความมั่นใจทั้งต่อคนเสิร์ฟและคนรับประทาน ลองเปลี่ยนมาใช้ สติ๊กเกอร์บอกรายละเอียดวัตถุดิบ กัน! . สติ๊กเกอร์บอกรายละเอียดวัตถุดิบ (Food Rotation Labels หรือบางคนอาจจะเรียกว่า Daydot) คือ เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการจัดระบบวัตถุดิบที่จะนำมาใช้ประกอบอาหาร โดยในสติกเกอร์จะมีหัวข้อให้ผู้ใช้ระบุข้อมูลเกี่ยวกับวัตถุดิบนั้น ๆ เช่น วัตถุดิบคืออะไร ผลิตวันไหน หมดอายุเมื่อไหร่ และใครเป็นคนเปิดใช้ เพื่อป้องกันการนำวัตถุดิบที่ไม่ปลอดภัยมาใช้ในการบริโภค ตัวอย่างข้อมูลที่ควรมีบนสติกเกอร์ติดอาหาร: 1.ชื่อผลิตภัณฑ์ (Product) เพื่อบ่งบอกว่าผลิตภัณฑ์นั้น คืออะไร 2.การจัดเก็บ (Type) : มีการจัดเก็บแบบไหน เช่น แช่แข็ง (Frozen) แช่เย็น (Chiller) หรือเก็บในอุณหภูมิห้อง (Ambient) 3.วันที่ผลิต (Product Date) 4.เวลาผลิต (Production Time) 5.วันที่หมดอายุ (Expiry Date) […]

ต้นทุนในการทำร้านอาหาร

5 ต้นทุนในการทำร้านอาหาร ที่เจ้าของกิจการควรรู้!

นอกจากต้นทุนด้านวัตถุดิบซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายหลักของร้านอาหารแล้ว ยังมี ต้นทุนในการทำร้านอาหาร ด้านอื่นๆ ที่เราควรทราบอีกมาก แยกได้เป็น 5 ส่วนหลักๆ ดังนี้

ถ้าตัดสินใจลุยต่อ! สิ่งที่ต้องทำคืออะไรบ้าง? ในวันที่ขายได้แค่ “ซื้อกลับบ้าน”

ถ้าตัดสินใจลุยต่อ! สิ่งที่ต้องทำคืออะไรบ้าง? ในวันที่ขายได้แค่ “ ซื้อกลับบ้าน ” วิกฤตโรคระบาดครั้งนี้ดูจะไม่หายไปง่าย ๆ ถ้านับจากตอนระบาดใหม่ ๆ ก็กินเวลามาเป็นปี ๆ ทั่วโลกได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างหนัก ทำให้ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้บริโภคหรือผู้ประกอบการก็ต่างอยู่ในจุดที่ต้องกอดเงินที่มีอยู่ไว้ให้แน่น  ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้ผู้ประกอบการควรมีการวางแผนการเงินในระยะยาวให้ธุรกิจของคุณยังคงไปต่อได้ เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจในช่วงวิกฤต ลองมาดูสิ่งที่ต้องทำในวันที่ขายได้แค่ “สั่งกลับบ้าน” 1.ประเมินความพร้อม: จากบทเรียนการระบาดครั้งก่อน ร้านที่ได้ลองทำเดลิเวอรีแล้วก็พอจะเห็นสถิติและพอประเมินได้ว่า ถ้าต้องเปลี่ยนมาขายแบบซื้อกลับเป็นหลัก ร้านจะมีรายได้เท่าไหร่ พอสำหรับจ่ายค่าใช้จ่ายทั้งหมดหรือไม่ ถ้าประเมินแล้วคิดว่ารายได้โอเค สู้ไหว เปิดแล้วทำให้ร้านพอมีรายได้เข้าบ้างก็ไปข้อต่อไป 2.ต่อรองประนอมหนี้: “รายได้ลดลง รายจ่ายเท่าเดิม” สิ่งต่อมาที่ผู้ประกอบการต้องทำ คือ ลดภาระค่าใช้จ่ายต่อเดือนให้ได้มากที่สุด ให้ตัวเบาที่สุด โดยทำการพูดคุยตกลงกับเจ้าของที่เพื่อขอลดค่าเช่า หรือขอแบ่งเบาภาระหนี้สินกับธนาคาร อย่างน้อย 1 – 2 เดือน เพื่อลดรายจ่ายเท่าที่เป็นไปได้ 3.เอายังไงกับพนักงาน: แม้ร้านจะไม่เปิดให้บริการนั่งทานในร้าน แต่การจ่ายค่าจ้างพนักงานยังคงอยู่ ดังนั้นสิ่งที่ผู้ประกอบการทำได้ คือ พยายามลดค่าใช้จ่ายด้านพนักงานให้ลดลง โดยการประเมินงานที่ต้องทำในแต่ละวันก่อนว่าร้านเราน่าจะใช้คนเท่าไหร่ ถ้าใช้คนน้อยให้ลองใช้วิธีแบ่งกะเวลาการทำงาน สลับเวลากันมาทำ แต่ต้องคุยกับพนักงานให้ชัดว่า ช่วงนี้อาจจะให้ค่าตอบแทนได้น้อยลง แต่อย่างน้อยก็มีงานทำอยู่ พร้อมทั้งวางแผนการทำงานให้ […]

Follow Me

Contact

เว็บไซต์ : amarinacademy.com
บริษัท เอเอ็มอี อิมเมจิเนทีฟ จำกัด
ในเครือ บริษัท อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน)
Tel : 02-422-9999 ต่อ 4662 หรือ 4669, 092-254-0742
Email : amarin.academy@gmail.com

ติดต่อแจ้งปัญหาหรือร้องเรียน
02-422-9999 ต่อ 4180
(จันทร์ – ศุกร์ เวลา 09.00 – 18.00 น)
bdcx@amarin.co.th

สนใจลงโฆษณากับเว็บไซต์ Amarin Academy
Tel. 081-664-0666, 091-729-8060
E-mail : sineenart_ya@amarin.co.th

© COPYRIGHT 2025 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.