เปิดตัวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับคู่มือมิชลิน ไกด์ ฉบับกรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ภูเก็ต และพังงา ประจำปี 2020 ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 แล้ว พร้อมกันนี้ยังได้มีการประกาศร้านอาหารที่ได้รับรางวัล Michelin Star Revelation ( มิชลินสตาร์ ) อีกด้วย โดยในปีนี้ร้านที่ได้รับรางวัลมิชลิน 1 ดาว มีจำนวนทั้งหมด 24 ร้าน (เป็นร้านเดิม 20 ร้าน + ร้านใหม่ 4 ร้าน) และร้านที่ได้รับรางวัลมิชลิน 2 ดาว มีทั้งหมด 5 ร้าน (ร้านเดิม 3 ร้าน + ร้านใหม่ 2 ร้าน) มีรายชื่อร้านอะไรบ้าง มาดูกันค่ะ
ร้านอาหาร มิชลินสตาร์
Michelin Star Revelation 2020
♦ ร้านมิชลิน 1 ดาว
(ร้านอาหารที่อาหารได้มาตรฐานสูงอย่างต่อเนื่อง และเป็นร้านอาหารที่ควรแวะไปชิม A good place to stop on the journey)
1.โบ.ลาน กรุงเทพฯ
เชฟ Bo และเชฟ Dylan สานต่อสูตรอาหารชาววังโบราณมาตั้งแต่ปี 2009 ก่อนย้ายมาทำเลใหม่ที่ตกแต่งอย่างมีเสน่ห์ในสไตล์ไทยพื้นบ้าน ‘feast menu’ ของร้านได้นำเอาอาหารไทยดั้งเดิมต่างๆ มาผสานเข้ากับความร่วมสมัยโดยไม่ละทิ้งรกราก และนำเสนอรสชาติและรสสัมผัสอันซับซ้อน ทั้งยังใช้วัตถุดิบที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาลและเป็นการสนับสนุนเกษตรกรฟาร์มอินทรีย์ ด้วยความตั้งใจที่เป็นร้านอาหารปลอดคาร์บอนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
2. Canvas กรุงเทพฯ
ภาพแคนวาสผืนใหญ่ดึงดูดทุกสายตาอยู่กลางร้าน สื่อถึงศิลปะและการปลดปล่อยจินตนาการทางอาหารอันสวยงามของเชฟ Riley เชฟชาวอเมริกันจากเท็กซัส tasting menu มีให้เลือกทั้งแบบ 6 หรือ 9 คอร์ส ซึ่งเชฟบรรจงคัดสรรวัตถุดิบท้องถิ่นจากทั่วประเทศและรังสรรค์ด้วยเทคนิคร่วมสมัย ให้รสชาติและรสสัมผัสที่หลากหลายซับซ้อน ภายใต้การจัดจานที่สวยงามและมีสีสัน พร้อมบริการที่รวดเร็วและน่าประทับใจ
3. Chef’s Table (ร้านใหม่)
แวะจิบแชมเปญที่ Pink Bar ก่อนเปิดประสบการณ์ดินเนอร์ที่ห้องอาหาร Chef’s Table กลางห้องอาหารโดดเด่นด้วยเครื่องดูดควันสุดหรูเหนือเตาหินอ่อน เชฟมีมุมมองที่เปิดกว้างต่ออาหารซึ่งสอดรับกับเทคนิคการปรุงแบบฝรั่งเศสร่วมสมัยของเขาได้เป็นอย่างดี ทุกคอร์สรังสรรค์ออกมาได้อย่างงดงามโดยใช้วัตถุดิบชั้นเลิศจากทั่วทุกมุมโลก และเพื่อให้ค่ำคืนของคุณสมบูรณ์แบบแนะนำให้แจ้งพนักงานหากอยากได้ที่นั่งที่สามารถชมวิวเมือง หรือเลือกที่นั่งใกล้ชิดเชฟ
4. ชิม บาย สยาม วิสดอม กรุงเทพฯ
ชิม บาย สยาม วิสดอม นำเสนอสำรับไทยที่ผสานความโบราณและความทันสมัยได้อย่างลงตัวงดงาม จะเลือกสั่งเมนู à la carte ตามใจชอบมาแบ่งกัน หรือสั่งเป็นเซตเมนูที่มีความหลากหลายแต่ครบรสก็ได้ เมนูที่คุณไม่ควรพลาด คือ ต้มยำปลาช่อนโบราณสูตรหม่อมส้มจีน ร.ศ. 109 และเมนูเครื่องแกงสดใหม่
5. เอ็ทตี้ ทเวนตี้ (80/20) (ร้านใหม่)
เชฟโจและเชฟ Saki ออกเดินทางไปทั่วประเทศเพื่อสรรหาวัตถุดิบท้องถิ่นหายากและเทคนิคใหม่ๆ มารังสรรค์เมนูอาหารไทยในระดับนวัตกรรม แต่ยังคงรักษาไว้ซึ่งรากเหง้าและอัตลักษณ์ของไทยเอาไว้ เช่น ไข่ผำ (สาหร่ายน้ำจืดจากภาคอีสาน) และไก่ดำจากสกลนคร ส่วนน้ำปลาที่ใช้ถูกหมักบ่มด้วยโคจิในห้องแล็บของทางร้าน เพื่อกลิ่นและรสชาติอันซับซ้อนแต่ละเมียดละไม อันเป็นจุดเด่นของอาหารไทยที่เชฟคงรักษาไว้
6. เอเลเมนท์ กรุงเทพฯ
วิวเมืองอันตระการตาเบื้องล่างที่มองเห็นจากระเบียงร้านบนชั้น 25 ของโรงแรม เหมาะอย่างยิ่งสำหรับเดทแสนพิเศษ ภายในร้านตกแต่งอย่างสุดชิคสร้างความโดดเด่นให้กับครัวเปิด พร้อมโคมไฟขนาดใหญ่สไตล์อินดัสเทรียลและผนังที่ทำจากไม้ถ่าน หนึ่งในองค์ประกอบที่ลงตัวอันเป็นที่มาของชื่อร้าน อาหารของที่นี่เป็นแบบฟิวชั่นที่ผสมผสานระหว่างอาหารฝรั่งเศสและอาหารญี่ปุ่น ซึ่งจัดเสิร์ฟในรูปแบบเซตเมนู
7. Gaa กรุงเทพฯ
เชฟ Garima ผสานเทคนิคการปรุงอาหารแบบอินเดียดั้งเดิมเข้ากับเทคนิคสมัยใหม่ จนกลายเป็นอัตลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครทั้งหน้าตาและรสชาติ เมนูเปี่ยมไปด้วยความสนุกสนานสะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลของอาหารนอร์ดิก เครื่องเทศอินเดีย และวัตถุดิบท้องถิ่นไทย ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นส่วนผสมที่สวยงามลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อ tasting menu 14 คอร์ส มีให้เลือกทั้งแบบปกติและมังสวิรัติ โดยจับคู่กับไวน์หรือเครื่องดื่มปราศจากแอลกอฮอล์ได้
8. Ginza Sushi Ichi กรุงเทพฯ
ร้านซูชิพรีเมียมนี้ตั้งอยู่ในศูนย์การค้าเอราวัณ เริ่มจากสาขาแรกที่โตเกียว ปัจจุบันยังมีสาขาที่จาการ์ตาและสิงคโปร์อีกด้วย โดยใช้วัตถุดิบสั่งตรงจากตลาดในโตเกียวทุกวัน เพื่อรักษามาตรฐานคุณภาพของร้าน ในร้านมีห้องทานอาหาร 2 ห้องที่มีเคาน์เตอร์ให้ลูกค้าทุกคนได้ตื่นตากับการทำอาหารของเชฟ เซตเมนูมีทั้งหมด 4 เซต โดยเซตที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือ เซต Botan และ Omakase
9. เฌม บาย ฌอง มิเชล โลรองต์ กรุงเทพฯ
ที่ J’aime คุณอาจจะรู้สึกเหมือนโลกกำลังกลับหัว ด้วยแกรนด์เปียโนที่อยู่บนเพดานและแชนเดอเลียร์ที่ห้อยกลับด้าน แต่ทันทีที่ได้ลิ้มลองอาหารฝรั่งเศสสุดสร้างสรรค์ทำให้ทุกอย่างพลันคืนสู่สภาพเดิม แนะนำเทสติ้งเมนูที่มีแบบ 5, 7 หรือ 9 คอร์ส ที่ให้คุณได้เปิดประสบการณ์อย่างเต็มที่ J’aime ก่อตั้งและออกแบบเมนูอาหารโดยเชฟชื่อดัง Jean-Michel Lorain โดยมีลูกสาวดูแลในภาพรวมและศิษย์เอกคนสนิทคอยบริหารงานครัว
10. เจ๊ไฝ กรุงเทพฯ
ร้านเก่าแก่ที่ทั้งนักชิมตัวยงต่างกล่าวขวัญถึง และหากคุณเป็นผู้ที่รักการตระเวนชิมอาหารจานเด็ด ยิ่งไม่ควรพลาดร้านนี้ เจ๊ไฝมักใส่แว่นประดาน้ำระหว่างปรุงอาหารอยู่หน้าร้านที่เปิดมายาวนานกว่า 70 ปี เมนูเด็ดเช่น ไข่เจียวปู ปูผัดผงกะหรี่ และโจ๊กแห้งคือ รสชาติและฝีมือระดับพระกาฬที่ทำให้เจ๊ไฝเป็นตำนานจริงๆ
11. ข้าว กรุงเทพฯ (ร้านใหม่)
เชฟวิชิตผู้คร่ำหวอดในวงการอาหารไทย เปิดร้าน “ข้าว” อีกครั้งในปี 2017 ที่เอกมัยซอย 10 นี้ การตกแต่งร้านที่สวยงามได้รับแรงบันดาลใจมาจากยุ้งข้าว ทุกๆ รายละเอียดสะท้อนให้เห็นถึงความรักของเชฟที่มีต่ออาหารไทยอย่างแท้จริง อาหารทุกจานทำจากวัตถุดิบสดใหม่ด้วยเทคนิคการปรุงที่ยอดเยี่ยม เมนูที่ไม่ควรพลาด คือ เป็ดซอสมะขามส้มซ่า แกงเผ็ดปูใบชะพลู หรือจอง Chef’s Table เพื่อเปิดประสบการณ์สุดพิเศษที่เชฟตั้งใจออกแบบให้
12. ฤดู กรุงเทพฯ
เชฟต้น ธิติฏฐ์ แห่งร้านฤดู (Le Du) สั่งสมความรู้และประสบการณ์ที่ร้าน Eleven Madison Park ก่อนนำมาประยุกต์ใช้ในการตีความอาหารไทยแบบร่วมสมัย ด้วยเมนูที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปตามฤดูกาลตามชื่อร้านอย่างเมนูฤดูร้อนมีจานขึ้นชื่อ คือ ข้าวแช่ ที่มาในรูปแบบไอศกรีมข้าวหอมกลิ่นน้ำลอย อีกเมนูที่ไม่ควรพลาด คือ ข้าวคลุกกะปิ ที่ใช้ข้าวออร์แกนิกและกะปิชั้นดีกลิ่นหอมรัญจวน เสิร์ฟพร้อมกุ้งแม่น้ำราดซอสมันกุ้งต้มยำ
13. เมธาวลัย ศรแดง กรุงเทพฯ
เสน่ห์ของร้านเมธาวลัย ศรแดง อยู่ที่วงดนตรีสดขับขานเพลงยุค 80 เฟอร์นิเจอร์ย้อนสมัย และภาพอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แต่สิ่งที่ทำให้ลูกค้าวนเวียนกลับมาตลอด 60 ปีที่แท้จริง คือ อาหารที่ดูเรียบง่ายแต่ใช้เทคนิคการปรุงอย่างประณีต รสชาติเข้มข้นถึงเครื่องแต่มีความซับซ้อนสวยงามและสม่ำเสมอ หมี่กรอบ ยำตะไคร้ และแกงคั่วปูชะอมล้วนแต่เป็นจานเด็ดที่ควรลิ้มลอง ทางร้านมีห้องส่วนตัวให้บริการ
14. น้ำ กรุงเทพฯ
หลังจากที่ได้รับรางวัลดาวมิชลินจากซานฟรานซิสโก เชฟพิมพ์สานต่อความรักของเธอที่มีต่ออาหารไทยในบ้านเกิดที่ร้าน “น้ำ” ทุกเมนูยังคงรักษาคุณภาพตามมาตรฐานของร้าน แต่เชฟพิมพ์เพิ่มมิติและรายละเอียดของรสชาติลงไปในแบบฉบับของเธอเองอย่าง แกงคั่วเป็ดใส่สละกับมะอึก และลาบคั่วนกพิราบ ที่มีความเข้มข้นครบรสตามตำรับไทยแต่ใส่ความซับซ้อนและสร้างสรรค์ในรายละเอียดของเชฟที่มีในอาหารทุกจาน
15. Paste กรุงเทพฯ
ประติมากรรมที่ประดิษฐ์จากรังไหมนับร้อยเกลียวตัวอยู่กลางห้องเป็นที่ดึงดูดสายตาของทุกคน หน้าต่างกระจกสูงจรดเพดาน พร้อมโซฟาโค้งแปลกตาให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัว เมนูที่ถูกออกแบบมาเพื่อแบ่งกันทานได้รับแรงบันดาลใจจากอาหารไทยชาววัง ปรุงด้วยกรรมวิธีโบราณที่มีอายุนับร้อยปีและใช้วัตถุดิบที่คัดสรรจากท้องถิ่น ควรลองเมนูซิกเนเจอร์อย่าง หน้าตั้งแขก ต้มยำขาหมูโบราณ และแกงปูปักษ์ใต้
16. พรุ ภูเก็ต
ธุรกิจร้านอาหารของครอบครัวเล็กๆ แต่มีชื่อเสียงเกิดจากการบอกต่อกันปากต่อปาก เพราะความอร่อยและคุณภาพที่เหนือชั้นโดยเฉพาะอาหารทะเลที่เจ้าของจะไม่ยอมขายถ้าไม่ได้มาตรฐานของร้าน เมนูที่ห้ามพลาด คือ หลนปูเนื้อ กุ้งกุลาอบเกลือ และแกงหลากชนิดที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่น เจ้าของร้านบรรจงปรุงทุกเมนูเองอย่างพิถีพิถัน ภายในตกแต่งสบายๆ ด้วยงานศิลป์ที่เรียงรายอยู่รอบๆ ราวกับทานข้าวในพิพิธภัณฑ์ศิลปะ
17. เรือนปั้นหยา สมุทรสาคร
ธุรกิจร้านอาหารของครอบครัวเล็กๆ แต่มีชื่อเสียงเกิดจากการบอกต่อกันปากต่อปาก เพราะความอร่อยและคุณภาพที่เหนือชั้นโดยเฉพาะอาหารทะเลที่เจ้าของจะไม่ยอมขายถ้าไม่ได้มาตรฐานของร้าน เมนูที่ห้ามพลาด คือ หลนปูเนื้อ กุ้งกุลาอบเกลือ และแกงหลากชนิดที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่น เจ้าของร้านบรรจงปรุงทุกเมนูเองอย่างพิถีพิถัน ภายในตกแต่งสบายๆ ด้วยงานศิลป์ที่เรียงรายอยู่รอบๆ ราวกับทานข้าวในพิพิธภัณฑ์ศิลปะ
18. สวรรค์ กรุงเทพฯ
เชฟอ้อมรังสรรค์เมนูอาหารไทยผ่านการจัดแต่งแบบร่วมสมัยแต่รสชาติยังคงเป็นไทยแท้ เน้นการใช้วัตถุดิบท้องถิ่นและสมุนไพรไทยเพื่อยกระดับให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น เซตเมนู 10 คอร์ส ใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลที่คัดเลือกจากแหล่งชั้นดีอย่าง ปูอ่องนาออร์แกนิกจากจังหวัดสิงห์บุรี และปลาหมึกจากหมู่บ้านชาวประมงในกระบี่ ทุกจานมีรสชาติและรสสัมผัสที่ซับซ้อนแต่กลมกล่อมและลุ่มลึก ให้ความรู้สึกราวกับขึ้นสวรรค์ตามชื่อร้านจริงๆ
19. เสน่ห์จันทน์ กรุงเทพฯ
ร้านเสน่ห์จันทน์นำเสนออาหารไทยโบราณตำรับชาววังแท้ๆ ละเอียดอ่อนระดับงานฝีมือ และตกแต่งร้านสไตล์ร่วมสมัยซึ่งโอ่โถงด้วยเพดานสูง เสน่ห์จันทน์เสิร์ฟทั้งอาหารไทยโบราณและสำรับไทยที่หารับประทานยาก เช่น แกงรัญจวน สำรับชาววังสมัยรัชกาลที่ 5 แกงมอญหมูย่าง หลนปูกับผักจิ้ม แต่อย่าอร่อยเพลินจนลืมเผื่อท้องไว้ให้ของหวานรสเลิศอย่างข้าวเม่ารางน้ำกะทิ ขนมไทยโบราณทำจากข้าวเม่าคุณภาพดีคั่วให้พองแล้วอบควันเทียนให้หอมกรุ่น
20. Savelberg กรุงเทพฯ
ชื่อเดียวกับเชฟชาวดัทช์ผู้เป็นเจ้าของ Savelberg นำเสนออาหารฝรั่งเศสร่วมสมัยที่ปรุงอย่างพิถีพิถัน เน้นวัตถุดิบคุณภาพจากต่างประเทศ เช่น เนื้อจากแทสมาเนีย ปลาจากฮอลแลนด์ รังสรรค์ออกมาเป็นเมนูที่เหนือระดับทั้งรูปลักษณ์และรสชาติ เข้ากันกับการตกแต่งภายในที่สวยงามหรูหราด้วยเก้าอี้หนังปักตัวอักษรย่อชื่อร้าน กับพื้นหินอ่อนสีดำเงาวับ พร้อมด้วยบริการที่ค่อนข้างเป็นทางการระดับมืออาชีพ
21. สระบัว บาย กิน กิน กรุงเทพฯ
บรรดานักชิมในกรุงเทพฯ ชอบแสวงหารสชาติแปลกใหม่แบบไร้ขอบเขตและร้านอาหารที่งดงามแห่งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งร้านที่นำเสนอนวัตกรรมอาหารไทยล้ำสมัย แนะนำ “The Journey” เซตเมนู 8 คอร์ส ที่จะเปิดประสบการณ์สุดล้ำของศิลปะการปรุงอาหารที่ยังคงรักษาความเป็นไทยในรสชาติและวัตถุดิบ แต่มีการตีความใหม่และรังสรรค์ให้กลายเป็นอาหารสุดครีเอทที่มีเอกลักษณ์ด้วยแรงบันดาลใจจากเทคนิคการปรุงของ Kiin Kiin จากโคเปนเฮเกน
22. สวนทิพย์ นนทบุรี
บรรยากาศร่มรื่นท่ามกลางแมกไม้เขียวขจีริมแม่น้ำเจ้าพระยาให้ความรู้สึกผ่อนคลาย เสมือนได้หลีกหนีความวุ่นวายของเมืองกรุง ทั้งอาหารไทยโบราณแสนประณีตและการบริการอย่างอบอุ่น ยิ่งช่วยเสริมประสบการณ์การรับประทานอาหารอันน่าประทับใจ นอกจากศาลาไทยโอ่อ่ากลางสวนแล้ว ยังสามารถเลือกนั่งที่ริมน้ำสัมผัสธรรมชาติ และด้วยความสวยงามทั้งหมดนี้ทำให้สวนทิพย์เหมาะสำหรับการจัดเลี้ยงในทุกโอกาสพิเศษของคุณ
23. เทเบิ้ล 38 กรุงเทพฯ (ร้านใหม่)
จากปณิธานในการถ่ายทอดเรื่องราวแห่งอดีตกาลผ่านทุกๆ จานที่รังสรรค์โดยเชฟแอนดี้ หยาง แต่ละคอร์สของร้านเทเบิ้ล 38 จึงทำหน้าที่พาเหล่านักชิมย้อนวัยผ่านเมนูอย่างน่าสนุก อย่างขนมปังหน้าหมู หรือขนมตุ้บตั้บไอศกรีมน้ำตาลปีบ ซึ่งล้วนถูกนำเสนอและปรุงแต่งด้วยวิธีการสมัยใหม่แต่ยังคงไว้ซึ่งจิตวิญญาณของอาหารโบราณไม่มีเปลี่ยน หากสนใจควรจองล่วงหน้าเพราะทางร้านรับรองลูกค้าได้เพียง 10 ที่นั่งเท่านั้น
24. Upstairs กรุงเทพฯ
เชฟ Dan เป็นชาวเกาหลีที่เติบโตในชิคาโก จึงซึมซับวัฒนธรรมและเทคนิคการรังสรรค์อาหารจากทั้งสองซีกโลก เห็นได้จากเมนูทั้ง 10 คอร์ส ที่สร้างสรรค์ได้อย่างสุดล้ำ แต่แฝงด้วยรสชาติที่ซับซ้อนยิ่งกว่า สอดแทรกความเป็นเอเชียได้อย่างงดงาม เยี่ยมยอดทั้งรสชาติและรสสัมผัส ละเมียดละไมในทุกรายละเอียด และปรับเปลี่ยนไปตามฤดูกาล แนะนำให้จับคู่อาหารกับเบียร์รสเยี่ยม ที่มีให้เลือกทั้งจากเดนมาร์ก อเมริกา และภูฏาน
♦ ร้านมิชลิน 2 ดาว
(ร้านที่อาหารผ่านการปรุงอย่างดีเลิศ คุ้มค่า แม้จะต้องอ้อมเส้นทางไปลิ้มลอง โดยคุณภาพอาหารมีความประณีตและโดดเด่น (Worth a detour) มีจำนวน 5 ร้าน และเป็นครั้งแรกในโลกที่มีร้านอาหารไทยได้รับ มิชลินสตาร์ 2 ดาว
1.เลอ นอร์มังดี กรุงเทพฯ
ตั้งแต่ปี 1958 Le Normandie ในโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล ได้สร้างชื่อและกลายเป็นจุดหมายของผู้ที่ชื่นชอบอาหารฝรั่งเศสชั้นสูงมาอย่างยาวนานจนถึงปัจจุบัน แม้จะมีการปิดปรับปรุงในปี 2015 แต่ Le Normandie ยังคงรักษาไว้ซึ่งความสง่างาม ทั้งกระจกบานใหญ่ที่มองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยา หรือการจัดแจกันดอกไม้อย่างประณีต ทุกเมนูถูกปรุงอย่างลงตัวด้วยวัตถุดิบชั้นยอดและเทคนิคชั้นสูง รวมไปถึงการบริการเป็นเลิศสมคำร่ำลือ
2. เมซซาลูน่า กรุงเทพฯ
บนชั้น 65 ของโรงแรมเลอบัว Mezzaluna ให้คุณตื่นตาตื่นใจไปกับบรรยากาศสวยงามยามค่ำคืนของกรุงเทพฯ แวะจิบเครื่องดื่มที่ Sky Bar ก่อนเปิดประสบการณ์อาหารที่คุณคาดไม่ถึง ด้วยดินเนอร์สไตล์ยุโรปร่วมสมัยแบบเซตเมนู 7 คอร์ส ที่มีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นจากทีมเชฟยอดฝีมือ พร้อมเมนูเซอร์ไพรส์ที่ล้วนมีความลงตัวของรสชาติด้วยเทคนิคการปรุงชั้นสูง นอกจากนี้ยังมีไวน์ลิสต์ให้เลือกมากมายหลากหลายราคา
3. R-Haan กรุงเทพฯ (ร้านใหม่)
“ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว” คำโบราณติดหูที่บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรที่คนไทยมีมาช้านาน เป็นแรงบันดาลใจของเชฟชุมพลในการรังสรรค์เซตเมนู “ตรี” “โท” “เอก” ที่แตกต่างกันตามคอนเซ็ปต์ของอาหารพื้นบ้าน อาหารไทยคลาสสิกไปจนถึงอาหารชาววัง ซึ่งดึงรสชาติของวัตถุดิบต่างๆ ผ่านเทคนิคการปรุงที่หลากหลาย และการจัดแต่งจานที่ประณีตสวยงาม อาจเริ่มต้นด้วยค็อกเทลดีๆ สักแก้วที่เลานจ์ก่อนเปิดประสบการณ์มื้อที่น่าประทับใจ
4. ศรณ์ กรุงเทพฯ (ร้านใหม่)
จากความฝันในวัยเด็กที่อยากเปิดร้านอาหารใต้เป็นของตัวเอง วันนี้คุณไอซ์กับเชฟยอดได้สานฝันนั้นให้เป็นจริง พร้อมทั้งคืนชีวิตให้แก่ศิลปะแห่งอาหารใต้ที่เคยสูญหายไปตามกาลเวลา โดยใช้วัตถุดิบจากกลุ่มเครือข่ายชาวเกษตรกรและชาวประมง ผ่านการปรุงด้วยความรักและความใส่ใจอย่างละเมียดละไมในทุกขั้นตอน ร้านศรณ์ตั้งอยู่ในบ้านเก่าแก่ที่ผ่านการบูรณะอย่างหรูหราและทันสมัยผสานกลิ่นอายป่าเขตร้อนของภาคใต้
5. Sühring กรุงเทพฯ
ร้านร่มรื่นในบรรยากาศอบอุ่นแห่งนี้ เชฟคู่แฝดชาวเยอรมันรังสรรค์อาหารได้อย่างมีชีวิตชีวาและสร้างสรรค์ โดยใช้เทคนิคการปรุงอาหารแบบดั้งเดิม รสชาติและการจัดแต่งจานเชื่อมโยงกันได้ดีอย่างไร้ที่ติ สื่อให้เห็นถึงความสนุกสนานของการผจญภัยที่แฝงไว้ด้วยเรื่องราววัยเยาว์ของทั้งคู่ แนะนำเซตเมนู 14 คอร์ส ที่รอให้คุณมาเปิดประสบการณ์ หรือ à la carte ที่ให้บริการเฉพาะวันจันทร์ถึงวันพฤหัสเท่านั้น ทีมงานมืออาชีพพร้อมแนะนำไวน์ชั้นเลิศให้แก่คุณ
>>> รางวัล มิชลินสตาร์ มีหลักเกณฑ์ในการตัดสิน 5 ข้อ ได้แก่
- คุณภาพของวัตถุดิบ
- ความโดดเด่น และเทคนิคในการประกอบอาหาร
- เอกลักษณ์ของเชฟแต่ละคน
- ความคุ้มค่าสมราคา
- ความสม่ำเสมอในรสชาติ
รางวัลบิบ กูร์มองด์ (bib gourmand) 2563
เริ่มจากรางวัล บิบ กูร์มองด์ มอบให้ร้านอร่อย ราคาสมเหตุสมผลไม่เกิน 1,000 บาท ปีนี้มีทั้งสิ้น 94 ร้าน โดยเป็นร้านอาหารใหม่ 27 ร้านได้แก่
กรุงเทพมหานคร
- ห้องครัว บางกอกโบลด์ (สาขาเซ็นทรัล เอ็มบาสซี)
- เฮียให้
- คลังสวน
- คนชง คนปรุง
- พลู
- พระราม 9 ไก่ย่าง (สาขาพระราม 9)
- สยาม ชาร์มมิ่ง
- ตั้งซุ่ยเฮงโภชนา (สาขาสเตเดียม วัน)
ภูเก็ต & พังงา
- กินกับอี๋
- น้ำย้อย
เชียงใหม่ (เพิ่งเพิ่มเข้ามาในปีนี้)
- ไก่ย่างเชิงดอย
- จินเจอร์ฟาร์มคิชชเช่น
- ฮ้านถึงเจียงใหม่
- เฮือนสุนทรี
- เฮือนม่วนใจ๋
- ข้าวซอยแม่มณี
- ข้าวต้มย้ง (สาขา ถ.สุเทพ)
- ครัวย่า
- คั่วไก่นิมมาน
- มีนา
- ณ จันตรา
- ราชารส
- เนื้อวัวรสเยี่ยม
- ครัวสายหยุด และหมอทราย
- ขนมจีนสันป่าข่อย
- ไก่ย่าง เอส พี
- เดอะเฮ้าส์บายจินเจอร์
ขอบคุณข้อมูล/ภาพ : guide.michelin.com
สำหรับท่านได้อยากรู้รายละเอียดมากกว่านี้ ร้านนายอินทร์ก็มีหนังสือ “THE MICHELIN GUIDE มิชลิน ไกด์ กรุงเทพ เชียงใหม่ ภูเก็ตและพังงา” จัดจำหน่ายเช่นกัน ซึ่งเป็นคู่มือแนะนำร้านอาหารและที่พัก ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับที่ 3 ของประเทศไทย โดยคู่มือเล่มล่าสุดนี้บรรจุรายชื่อร้านอาหารที่ผ่านการคัดสรรรวมทั้งสิ้น 282 แห่ง และที่พัก 74 แห่ง โดยมีร้านอาหารได้รับรางวัล 2 ดาวมิชลิน จำนวน 5 ร้าน, รางวัล 1 ดาวมิชลิน จำนวน 24 ร้าน และรางวัล ‘บิบ กูร์มองด์’ จำนวน 94 ร้าน ท่านใดสนใจ สามารถสั่งซื้อได้ที่ช่องทางออนไลน์นี้ได้เลย คลิ๊กเพื่อสั่งซื้อ