เทคนิคลับ สร้างคอนเทนต์ร้านอาหาร เอาชนะใจลูกค้าได้จริง
“จะขายเนื้อย่าง จงขาย เสียงย่างเนื้อ มิใช่ชิ้นเนื้อ” นี่คือชื่อหนังสือที่ อธิบายวิธีการ “สร้างคอนเทนต์” ให้โดนใจลูกค้าในยุคปัจจุบันได้ดีที่สุด ทำไมเราถึงพูดแบบนั้น ? ก็เพราะว่าทุกวันนี้ผู้บริโภคเปิดรับสื่ออยู่ตลอดเวลา วันหนึ่งๆ เขาอาจจะเห็นโพสต์อาหารยั่วน้ำลายจากหลากหลายเพจร้านอาหาร ดังนั้นโจทย์สำคัญคือ เราจะทำอย่างไร เพื่อหยุดนิ้วเขา ไม่ให้เลื่อนผ่านไป แต่หันมาสนใจเนื้อหา กดไลก์ กดแชร์ และเดินทางมาใช้บริการร้านของเราให้ได้ ถ้านำเสนอเนื้อหาแบบเดิมๆ หรือลอกเลียนแบบสิ่งที่คนอื่นเคยพูดไปแล้ว คุณก็คงไม่มีทางชนะใจลูกค้าได้อย่างแน่นอน เราจึงมีเทคนิคง่ายๆ ในการ สร้างคอนเทนต์ร้านอาหาร ผ่านโซเชียลมีเดียให้โดนใจมาแนะนำ
1.พูดในสิ่งที่ลูกค้าอยากฟัง ไม่ใช่สิ่งที่เราอยากบอก!
เช่นเดียวกับที่ชื่อหนังสือบอก ถ้าคุณมัวแต่ถ่ายรูปเนื้อย่าง แล้วโพสต์ลงไปทุกวัน บรรยายสรรพคุณความอร่อยต่างๆ นานา ก็คงไม่ต่างจากที่ร้านอื่นๆ ทำ แล้วเขาจะสนใจร้านคุณได้อย่างไร ?
แต่ถ้าคุณลองทำความเข้าใจผู้บริโภคจริงๆ จะรู้ว่าสิ่งที่ยั่วน้ำลายเขา ไม่ได้มีแค่รูปเนื้อเท่านั้น แต่เสียงย่างเนื้อบนเตาถ่าน ที่มีไฟลุกโชน ก็กระตุ้นความอยากได้เช่นกัน (แถมยังอาจกระตุ้นได้มากกว่าซะด้วย)
หรืออีกแง่หนึ่ง แทนที่จะบอกว่าเนื้อของคุณเจ๋งยังไง มีประวัติความเป็นมายาวนานแค่ไหน แบบที่ร้านอื่นๆ เขาทำ ก็ลองคิดให้ลึกกว่านั้นว่า แท้จริงแล้ว การที่ลูกค้ามากินอาหาร เขาต้องการอะไร “ต้องการรู้ประวัติของเนื้อ? หรือต้องการกินเนื้อให้อร่อยมากขึ้น”
ถ้าคำตอบคืออย่างหลัง ทำไมคุณไม่ลองนำเสนอ “เคล็ดลับการกินเนื้อให้อร่อย” หรือบอกส่วนผสมเด็ดๆ ว่า ถ้าคุณกินเนื้อกับเครื่องปรุงนี้ จะช่วยชูรสชาติได้อย่างไรดูล่ะ ?
ก่อนจะสร้างสรรค์คอนเทนต์แล้วโพสต์ลงบนโซเชียลมีเดีย ลองคิดในแง่นี้ดูนะครับ อาจจะทำให้คอนเทนต์ของคุณเตะตาผู้บริโภคมากขึ้น
2.สร้างสรรค์คอนเทนต์ให้ต่าง อย่าทำ! เพียงเพราะคนอื่นทำแล้วสำเร็จ
“ไม่เคยมีใครประสบความสำเร็จจากการลอกเลียนแบบคนอื่น” การที่คุณเห็นว่าร้านอาหารอื่นๆ ทำแบบนี้แล้วเจ๋ง คุณเลยทำตาม เราการันตีได้เลยว่าคุณไม่มีทางโด่งดังไปกว่าเขา หรือประสบความสำเร็จเทียบเท่าเขาแน่นอน
การสร้างสรรค์คอนเทนต์ หรือการทำการตลาดออนไลน์ แม้ว่าจะมีหลักการบางอย่างคล้ายๆ กัน เช่น ต้องนำเสนอภาพให้คมชัด อธิบายรายละเอียดต่างๆ ให้ชัดเจน หรือนำเสนอคอนเทนต์ตามความต้องการของลูกค้า แต่นั่นก็เป็นเพียงพื้นฐานเท่านั้น คุณก็ไม่จำเป็นต้องทำตามเป๊ะๆ แต่สามารถสร้างความต่างของตัวเองได้
อย่างร้าน โจนส์สลัด ตัวอย่างสุดคลาสิกของร้านอาหารที่ประสบความสำเร็จในแง่การทำการตลาดออนไลน์ ที่ฉีกกรอบการนำเสนอเนื้อหาร้านอาหารแบบเดิมๆ ไม่เน้นขายของ แต่เน้นให้ความรู้ด้านสุขภาพ เพราะเขารู้ว่าจุดยืนของธุรกิจคืออยากเห็นคนไทยมีสุขภาพดี และนำเสนอในทางที่ตัวเองถนัดและชื่นชอบนั่นคือการ์ตูน ซึ่งความต่างนี้ก็ช่วยให้ร้านเป็นที่รู้จักในวงกว้าง และปัจจุบันโจนส์สลัดน่าจะเป็นหนึ่งในเพจร้านอาหารที่มียอดคนติดตามสูงที่สุดในประเทศ
ลองหาจุดเด่น จุดยืน จุดแข็งของร้านตัวเอง แล้วนำเสนอในมุมมองนั้นดูนะครับ
3.ให้ลูกค้าบอกต่อ ดีกว่า เราเฝ้าตะโกน
ระหว่างเจ้าของร้านบอกว่า “ร้านผมอร่อยมาก” กับ เพื่อนของคุณบอกว่า “ร้านดีเด็ดมาก ไปลองสิ” คุณจะเชื่อใคร ?
แน่นอนว่าเราต้องเชื่อเพื่อนมากกว่า ฉะนั้นแทนที่คุณเอาแต่ตะโกนบอกลูกค้าว่าร้านเราดียังไง อัดเงินซื้อโฆษณาเป็นหมื่นเป็นแสนเพื่อทำให้ลูกค้าเห็นคอนเทนต์ร้านเรา
ลองปรับไอเดียการนำเสนอใหม่ๆ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการบอกต่อ เช่น ออกเมนูใหม่ๆ ให้โดดเด่นและแตกต่าง เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าสนใจและแชร์บนโซเชียลมีเดีย
อย่างร้าน Guss Damn Goog ร้านไอศกรีมที่เสียค่าซื้อโฆษณาแค่หลักร้อย แต่สร้างลูกค้าใหม่ๆ ได้จากการบอกต่อล้วนๆ เพราะเขามีจุดยืนที่ชัดเจน และโปรดักส์ที่แข็งแกร่ง (อ่านเพิ่มเติม Guss Damn Good ไอศกรีมที่ดีจนลูกค้าบอกให้ขึ้นราคา)
แม้ว่าคุณอาจจะเหนื่อยกับการใช้ความคิดสร้างสรรค์มากกว่า แต่รับรองว่าประหยัดและคุ้มค่ากว่าแน่นอน
สุดท้าย อย่าลืมเรื่องรสชาติและการบริการซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจอาหาร เพราะถ้ามาตามคำโฆษณาแล้วไม่ดีจริง ไม่ว่าคุณจะทำการตลาดออนไลน์เก่งแค่ไหน ลูกค้าก็ไปหมดครับ