จิตวิทยา การตลาด ทำอย่างไรให้ยอดขายเพิ่ม! - Amarin Academy

จิตวิทยา การตลาด ทำอย่างไรให้ยอดขายเพิ่ม!

จิตวิทยา การตลาด ทำอย่างไร ให้ยอดขายเพิ่ม!

ร้านอาหารแต่ละร้านล้วนมีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป บางร้านชูจุดเด่นด้านรสชาติอาหาร บางร้านเน้นที่ราคาอาหารคุ้มค่า หรือบางร้านก็ตกแต่งร้านให้แตกต่างไม่เหมือนใคร สร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ลูกค้าที่ไปเยือน แต่นอกเหนือจากคุณภาพและราคาแล้ว รู้ไหมว่า จริงๆ แล้วมีหลัก จิตวิทยา การตลาด หลายอย่างที่สามารถนำมาใช้เป็นเหมือนมนต์สะกด ช่วยเพิ่มยอดขายให้ร้านอาหารได้เช่นกัน จะมีอะไรบ้าง มาดูกัน

1. ทำอย่างไรให้ราคาอาหารในเมนูไม่แพงอย่างที่คิด?

ถ้าสังเกตให้ดี ร้านอาหารส่วนใหญ่โดยเฉพาะร้านอาหารหรูๆ จะมีชื่อเมนูอาหารและราคา แต่ไม่มีหน่วย “บาท” เช่น สเต๊กวากิว 500.- (ใส่เครื่องหมายกำกับด้านหลัง) แต่จะไม่เขียนว่า 500 บาท

งานวิจัยหลายฉบับพูดตรงกันว่า คนส่วนใหญ่จะจ่ายเงินมากขึ้น เมื่อเมนูไม่มีหน่วยเงินกำกับอยู่ด้วย เพราะใจเราจะไม่คิดถึงจำนวนเงินนั่นเอง

2.อยากให้ลูกค้าทานเยอะหรือน้อย ก็ทำได้เหมือนกัน 

“เมื่อใช้จานใหญ่ คนส่วนมากจะคิดว่าตัวเองกินได้เยอะ และหลายครั้งมักจะตักอาหารมากกว่าที่สามารถกินได้จริงๆ” นี่เป็นผลการวิจัยของ Journal of Consumer Research ฉะนั้นไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมร้านอาหาร A la carte ที่ขายอาหารเป็นจาน จึงมักเสิร์ฟอาหารจานใหญ่ เพื่อทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าอาหารมีปริมาณมากและคุ้มค่า ขณะที่ร้านอาหารบุฟเฟต์ชอบจัดจานเล็กๆ แบนๆ เพื่อให้ลูกค้าไม่ตักอาหารมากเกินความต้องการ หรืออีกนัยหนึ่งคือ เมื่อตักได้น้อย ลูกค้าอาจจะไม่อยากลุกเดินมาตักบ่อยๆ ทำให้เขากินได้น้อยลงนั่นเอง

3.ใครว่ารูปแบบของแก้วไม่สำคัญ?

สังเกตไหมว่า เรามีความคิดฝังใจตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ว่า เครื่องดื่มแบบนี้ ต้องดื่มกับแก้วรูปร่างแบบนี้เท่านั้น

เช่น ถ้าไปร้านกาแฟ เวลาสั่งกาแฟร้อน จะต้องเสิร์ฟมาในแก้วอ้วนๆ เล็กๆ ขณะที่กาแฟเย็นก็ต้องเสิร์ฟมาในแก้วสูงๆ ใสๆ ถ้าลองไปร้านไหนแล้วเสิร์ฟกาแฟร้อนมาในแก้วสูงๆ ใสๆ จะรู้สึกไม่คุ้นเคย

จิตวิทยาแบบนี้ มีในเครื่องดื่มอื่นๆ เช่นกัน เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลายชนิด ถ้าใส่ในแก้วที่มีรูปร่างโค้ง ลูกค้าจะมีแนวโน้มดื่มหมดเร็วกว่า แก้วทรงตรง เหตุผลคือคนส่วนใหญ่ชอบดื่มให้ถึงจุดใดจุดหนึ่งเสมอ เช่น ครึ่งแก้ว หรือหมดแก้ว สำหรับแก้วที่มีรูปทรงโค้ง เวลาดื่มมาถึงครึ่งแก้ว ความจริงแล้วคุณดื่มไปมากกว่าครึ่งแก้วแบบไม่รู้ตัวแล้ว (เพราะแก้วโค้งๆ ส่วนใหญ่บริเวณฐานมักจะแคบกว่าปากแก้วนั่นเอง) ฉะนั้นถ้าอยากให้ลูกค้าสั่งเครื่องดื่มเยอะขึ้น สามารถลองปรับมาใช้เป็นแก้วโค้งดู

4.กระตุ้นความอยากอาหารตั้งแต่ยังไม่เข้าร้าน

“KFC” “Subway” “McDonald’s” คือเชนร้านอาหาร ชื่อดังระดับโลกที่คนไทยรู้จักเป็นอย่างดี แต่เคยสังเกตไหมว่า สิ่งหนึ่งที่ทั้งสามแบรนด์นี้มีคล้ายกันคือ “สี”

ทั้ง 3 แบรนด์มีโลโก้ หรือการตกแต่งร้านที่เน้นสีเหลืองและสีแดง เป็นหลัก นั่นเป็นเพราะว่า สีแดง เป็นสัญลักษณ์ของความตื่นเต้น กระตุ้นความอยากอาหาร แต่ถ้าร้านตกแต่งร้านสีแดงแล้วเราเสิร์ฟอาหารช้าล่ะก็ ระวังลูกค้าโมโหหิว (ก็เราไปกระตุ้นความอยากเขาแล้วหนิ) ส่วนสีเหลือง เป็นสีแห่งความสุข ช่วยเพิ่มความกระตือรือร้น กินอาหารแล้วมีแต่รอยยิ้ม และได้ยินแต่เสียงหัวเราะ

5.อย่าลืมใส่ใจหน้าตาอาหาร

ผลการวิจัยหลายแห่งระบุตรงกันว่า ถ้าอาหารรูปร่างสี่เหลี่ยม เช่น ช็อคโกแลตสี่เหลี่ยม ลูกค้ามักจะคิดว่ามีรสขม แต่ถ้าช็อคโกแลตมีรูปร่างกลมๆ ลูกค้าจะคิดว่ามีรสหวาน (ทั้งๆ ที่เป็นอาหารหรือขนมชนิดเดียวกัน) ฉะนั้นเวลาออกแบบเมนูขนมหวาน จำพวกช็อกโกแลต ร้านอาหารอาจนำทฤษฎีนี้มาใช้ได้นะครับ ทั้งนี้นอกจากรูปร่างของอาหารแล้ว สีสันก็มีผลเช่นกัน โดยนักจิตวิทยาหลายสำนักกล่าวว่า สีฟ้า เป็นสีที่ไม่ควรนำมาปรุงอาหาร เพราะจะทำให้ความอยากอาหารลดลง (ลองสังเกตดูนะครับว่า อาหารส่วนใหญ่มักไม่มีสีฟ้าเลย)

นอกจากหน้าตาอาหารแล้ว “คนส่วนใหญ่มักคิดว่า ถ้าสินค้าอะไรมีน้ำหนักมากกว่า มักจะมีคุณภาพดีกว่า” ยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่ายๆ เลยครับ เวลาเราไปรับประทานอาหาร ถ้าร้านนั้นใช้ช้อนเงินหรือช้อนสแตนเลท ที่ค่อนข้างหนัก จะรู้สึกว่าอาหารร้านนี้น่าจะมีคุณภาพ ทั้งๆ ที่อาหารยังไม่เสิร์ฟถึงโต๊ะเลยด้วยซ้ำ

จิตวิทยาเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่อาจจะช่วยเพิ่มยอดขายได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้การันตีว่าจะประสบความสำเร็จ ทำให้ยอดขายพุ่งได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะท้ายที่สุดแล้วหัวใจสำคัญที่ทำให้ร้านอาหารประสบความสำเร็จคือการรักษาคุณภาพ ทั้งด้านรสชาติและบริการให้ได้มาตรฐาน เพื่อรักษาลูกค้าเอาไว้ให้ได้

เรื่องแนะนำ

ทำเลไม่ดี

เจ้าของร้านอ่านเลย! แชร์ 7 วิธี ทำเลไม่ดี ทำอย่างไรให้ขายดี

การจะเปิดร้านอาหาร ใครๆ ก็คงอยากจะได้ทำเลที่ดี หรือทำเลทองจริงไหมครับ เพราะหากเลือกทำเลในการเปิดร้านได้ดี ร้านของคุณก็มีโอกาสที่จะขายได้ หรือเป็นที่รู้จักของลูกค้ามากกว่า แต่ก็ใช่ว่าทุกร้านจะได้ทำเลดีที่ต้องการเสมอไป ด้วยปัจจัยหลายๆอย่าง ที่ทำให้ร้านของคุณต้องไปอยู่ในทำเลที่ไม่ดี แต่ก็ไม่ใช่ว่าอยู่ในทำเลไม่ดีแล้วคุณจะไม่มีทางออก มีเจ้าของร้านหลายรายที่ประสบความสำเร็จได้แม้จะอยู่ในทำเลที่ไม่ดี วันนี้เราเลยขอแชร์ 7 วิธี ทำเลไม่ดี ทำอย่างไรให้ขายดี มาดูกันครับ แชร์ 7 วิธี ทำเลไม่ดี ทำอย่างไรให้ขายดี วิธีที่ 1 ทำป้ายโฆษณาให้คนรู้จัก แม้วิธีนี้จะดูเป็นวิธีที่ค่อนข้างเก่า ดั้งเดิม แต่ก็ยังคงใช้ได้อยู่ เพราะหากร้านคุณอยู่ในทำเลที่ไม่ดี ไม่มีคนเดินผ่าน ก็ทำให้ไม่มีใครเห็นร้านคุณ อย่างน้อยก็ควรมีป้ายโฆษณาเพื่อบอกว่าพิกัดร้านคุณอยู่ที่ไหน อาจจะทำป้ายแนะนำร้านแล้วนำไปวางไว้ในจุดที่มีผู้คนสัญจรไปมา เพื่อให้ลูกค้ามีโอกาสที่จะเดินทางเข้ามาที่ร้านได้อย่างง่ายขึ้น และเริ่มรู้จักร้านของคุณ แต่การใช้วิธีนี้ เจ้าของร้านอาจจะต้องวางแผนในการทำป้ายโฆษณาด้วย ไม่ว่าจะเป็นใบปลิว แผ่นพับ หรือป้ายโฆษณา เพื่อช่วยควบคุมเรื่องต้นทุนค่าใช้จ่าย   วิธีที่ 2 กระตุ้นยอดขาย ด้วยโปรโมชั่น การจัดโปรโมชั่นในกรณีนี้ หวังผลให้ลูกค้าได้เห็นและได้รู้จักทำเลที่ตั้งของร้าน โดยอาจใช้ส่วนลดเป็นแรงจูงใจในการเข้ามาที่ร้าน แต่ทั้งนี้การจัดโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขาย เพื่อดึงลูกค้าไม่ควรใช้บ่อยจนเกินไป เพราะจะเป็นการลดทอนคุณค่าร้านของคุณ และทำให้ลูกค้าสนใจร้านคุณแค่ช่วงมีโปรโมชั่นเท่านั้น แต่แนะนำให้ใช้วิธีนี้เป็นใบเบิกทางไปสู่วิธีการอื่น ๆ ให้คนได้รู้จักร้านของคุณมากขึ้น […]

สร้าง content

สร้างเนื้อหา อย่างไร ให้โดนใจบน Facebook

เมื่อคุณเริ่มลงมือทำเพจ Facebook ร้านอาหารเป็นของตัวเอง นอกจากการใส่ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับร้านอาหารให้ละเอียดชัดเจน เพื่อให้ง่ายต่อการติดต่อแล้ว สิ่งสำคัญลำดับต่อมาก็คือการสร้างสรรค์เนื้อหาในหน้าเพจร้านอาหารให้คนสนใจด้วย

Hyper-Personalization

อ่านใจลูกค้าออก บริการได้ตรงใจ ด้วยการตลาดแบบ Hyper-Personalization

อ่านใจลูกค้าออก บริการได้ตรงใจ ด้วยการตลาดแบบ Hyper-Personalization อยากมัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด ก็ต้องอ่านใจลูกค้าให้ออก.. ทุกวันนี้เราอยู่ในยุคที่ผู้บริโภคอยากรู้ทุกอย่าง และสามารถเข้าถึงข้อมูลทุกเรื่องได้ด้วยปลายนิ้ว ฉะนั้นการทำการตลาดแบบเดิมๆ อาจไม่ได้ผลอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการจำชื่อลูกค้า, ส่งข้อความ หรืออีเมล์ไปอวยพรวันเกิด พร้อมส่วนลดต่างๆ ซึ่งวิธีเหล่านี้กำลังจะกลายมาเป็นเพียงข้อมูลพื้นฐานสำหรับการทำการตลาดเท่านั้น ดังนั้นธุรกิจร้านอาหารหรือแบรนด์ที่จะสะกิดใจคนได้ ต้องเป็นแบรนด์ที่รู้จักและรู้ใจลูกค้า ด้วยการทำการตลาดแบบ Hyper-Personalization ซึ่งเป็นการตลาดที่เข้าถึงตัวบุคคลมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่ตรงใจลูกค้ามากกว่าที่เคย อย่าปล่อยให้เสียเวลาเปล่า เจ้าของธุรกิจทั้งหลายต้องรีบทำความเข้าใจ เรียนรู้ และปรับตัว รวมถึงเปลี่ยนรูปแบบวิธีการทำงานให้เข้ากับสถานการณ์ แล้วจะช่วยให้ลูกค้าเดินเข้าร้านได้อย่างยิ้มแย้มและเต็มใจ หัวใจของ Hyper Personalization อยู่ที่ “Big Data” ก่อนอื่นต้องอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ก่อนว่าการตลาดแบบ Hyper Personalization เป็นการนำ Big Data แบบเรียลไทม์มาใช้ในการคาดเดาความต้องการของผู้บริโภค ไม่ใช่แค่ข้อมูลจากประวัติการสั่งซื้อทั่วไป แต่เป็นการเอาข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์ออกมาเป็นพฤติกรรมการซื้อ เพื่อให้สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ว่าลูกค้าคนนี้อยากจะซื้อกับเราครั้งถัดไปเมื่อไหร่ หรือจะกระตุ้นเขาให้ซื้อได้ด้วยวิธีไหน ซึ่ง Big Data คือการนำข้อมูลรอบๆ ตัว จากหลายๆ ส่วนมาประมวล วิเคราะห์ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อ  จึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเจ้าของร้านอาหาร ที่จะนำมาวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมลูกค้า […]

Follow Me

Contact

เว็บไซต์ : amarinacademy.com
บริษัท เอเอ็มอี อิมเมจิเนทีฟ จำกัด
ในเครือ บริษัท อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน)
Tel : 02-422-9999 ต่อ 4662 หรือ 4669, 092-254-0742
Email : amarin.academy@gmail.com

ติดต่อแจ้งปัญหาหรือร้องเรียน
02-422-9999 ต่อ 4180
(จันทร์ – ศุกร์ เวลา 09.00 – 18.00 น)
bdcx@amarin.co.th

สนใจลงโฆษณากับเว็บไซต์ Amarin Academy
Tel. 081-664-0666, 091-729-8060
E-mail : sineenart_ya@amarin.co.th

© COPYRIGHT 2025 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.