4 Fingers ขั้นตอนนำแฟรนไชส์ต่างชาติ สร้างตลาดในเมืองไทย - Amarin Academy

4 Fingers ขั้นตอนนำแฟรนไชส์ต่างชาติ สร้างตลาดในเมืองไทย

หลายปีที่ผ่านมามีแบรนด์แฟรนไชส์ธุรกิจอาหารต่างชาติ เข้ามาเปิดตลาดในเมืองไทยเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น PABLO ชีสทาร์ตสุดฮอตจากประเทศญี่ปุ่น / Potato Corner มันฝรั่งทอดสัญชาติฟิลิปปินส์ / Croquant Chou Zakuzaku ชูครีมชื่อดังจากญี่ปุ่น รวมถึง 4 Fingers Crispy Chicken แบรนด์ไก่ทอดสไตล์ Asian twist จากประเทศสิงคโปร์ ก็เข้ามาเปิดตลาดในไทยเช่นกัน

 

4 Fingers ขั้นตอนนำแฟรนไชส์ต่างชาติ สร้างตลาดในไทย

หลายคนอาจสงสัยว่าแล้วการนำแบรนด์ต่างชาติเข้ามาในเมืองไทย มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง และมีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร วันนี้คุณชนาสิน บำรุงชน หนึ่งในหุ้นส่วนผู้นำเข้าแบรนด์ 4 Fingers จะมาเปิดเผยขั้นตอน และเทคนิคดีๆ ของการซื้อแบรนด์แฟรนไชส์จากต่างประเทศให้ทราบกัน

ซื้อแบรนด์จากต่างประเทศ: ไม่ใช่เพื่อเงินเพียงอย่างเดียว แต่เพื่อสร้างโอกาสให้ได้พัฒนาตัวเอง

4 Fingers เรามีหุ้นส่วนทั้งหมด 8 คน ซึ่งแทบทุกคนมีธุรกิจเกี่ยวกับอาหารอยู่แล้ว แต่เป็นแบรนด์ที่พวกเราสร้างขึ้นเอง ทำให้เรารู้ว่ากระบวนการทำร้านอาหารเองต้องใช้งบประมาณค่อนข้างสูง ต้องสร้างแบรนด์เอง วางระบบเองทุกๆ อย่าง และไม่มีอะไรการันตีว่าจะประสบความสำเร็จ เราจึงคุยกันว่าอยากหาแบรนด์ที่ติดตลาดแล้ว ประสบความสำเร็จแล้ว มีการวางระบบ การบริหารจัดการที่ดีอยู่แล้ว เรียกง่ายๆ ว่ามีสูตรสำเร็จตายตัว เข้ามาลองเปิดตลาดในไทย ซึ่งนอกจากเราจะคาดหวังด้านผลกำไรแล้ว เรายังได้ประสบการณ์ ความรู้ ที่นำมาต่อยอดธุรกิจที่ของเราเองได้ด้วย

เราจึงเริ่มมองหาแบรนด์ต่างชาติที่น่าสนใจและประสบความสำเร็จ จนมีโอกาสไปเดินงาน Franchise Show ที่ประเทศญี่ปุ่น ปรากฏว่าผมไปเจอบริษัทหนึ่งที่มีเครือข่ายสามารถแนะนำให้เรารู้จักกับ4 Fingers ที่สิงคโปร์ได้ ซึ่งเราก็รู้จักแบรนด์นี้อยู่แล้ว จึงสนใจและเริ่มพูดคุยกัน

ทำไมต้อง 4 Fingers: ก่อนจะซื้อแบรนด์ ต้องมั่นใจใน Product ก่อน

ก่อนจะซื้อแฟรนไชส์อะไรก็ตาม เราต้องมั่นใจใน Product ก่อน เราเชื่อว่า 4 Fingers ไปต่อได้ มันยังมีพื้นที่ในตลาดให้เราเล่นได้ โดยตอนนี้ในตลาดไก่ทอดจะมีแบรนด์ 2 ระดับหลักๆ คือแบรนด์ไก่ทอดทั่วไป คุณภาพกลางๆ เป็นสไตล์ Fast food ราคาไม่สูง บริการแบบ Self Service กับแบรนด์ไก่ทอดระดับบน มีการบริการเต็มรูปแบบ ราคาค่อนข้างสูง เราเห็นช่องว่างระหว่าง 2 ระดับที่ 4 Fingers จะเข้าไปเล่นได้ จึงวาง Positioning ว่าเป็นแบรนด์ที่มี Product พรีเมี่ยม มีไฮไลท์ที่ความกรอบ ไก่จะกรอบนานกว่าทั่วไป ไซส์ใหญ่กว่าทุกแบรนด์ ที่สำคัญใช้ไก่สด ไม่ใช้ Frozen แต่มีการบริการแบบ Self Service ไม่มี Vat / Service Charge ทำให้เราสามารถตั้งราคาได้สมเหตุสมผลกว่า ฉะนั้นเราจะได้กลุ่มลูกค้าที่ Sensitive เรื่องราคามาด้วย เพราะเมื่อเทียบปริมาณกับราคาแล้วถือว่าคุ้มค่ามาก

แต่ถ้าพูดกันจริงๆ ผมว่าไม่ใช่ผมที่เลือกเขานะ เขาต่างหากที่เลือกผม เพราะ4 Fingers เป็นแบรนด์ใหญ่ มีค่ายใหญ่ๆ หลายค่ายในไทยที่สนใจอยากนำเข้ามา ขณะที่ผมกับเพื่อนๆ No name มาก มีแค่ร้านอาหารเล็กๆ ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านแฟรนไชส์มาก่อนเลย แต่ผมคิดว่าเขาน่าจะเลือกผมจากคาแรคเตอร์ที่ตรงกัน เพราะแบรนด์เขาวางคาแรคเตอร์เป็นคนวัยทำงานที่มีเวลาจำกัด ต้องรีบเร่ง แต่ผสมผสานความเป็น Street Art เข้าไปด้วย ซึ่งตรงกับคาแรคเตอร์ของพวกเรา

เปิดร้านเอง VS แฟรนไชส์: เริ่มต้นซื้อแฟรนไชส์ใช้เวลานาน แต่ไปต่อง่าย

สำหรับแฟรนไชส์กระบวนการเริ่มต้นจะยุ่งยากกว่า ต้องมีการเจรจาพูดคุยกันระหว่างเรากับแบรนด์ โดยเราต้องแสดงให้เขาเห็นว่าเราตั้งใจที่จะทำจริงๆ ต้องทำการบ้านด้วยการวิเคราะห์ตลาดในไทย ลองวาง Positioning ให้เขาเห็น ทำแผนธุรกิจให้ละเอียดว่าจะเดินต่อไปอย่างไร ให้เขาเห็นภาพธุรกิจที่ชัดเจน ซึ่งเราโชคดีที่ CEO ของเราเก่งด้านการวิเคราะห์ตลาด ทำให้เขาเห็นว่าเราเข้าใจตลาดในประเทศไทยจริงๆ

เมื่อการเจรจาลงตัวแล้ว ก็มาถึงการทำงานจริง ทางแบรนด์แม่เขาจะมีระบบ ระเบียบที่ค่อนข้างเคร่งครัด เพื่อให้ร้านเป็นไปตามมาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งร้านที่เขาเป็นผู้ออกแบบทั้งหมด วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ต้องทำให้เหมือนหรือคล้ายคลึงกับต้นฉบับมากที่สุด ระหว่างที่เราตกแต่งร้านก็ต้องสื่อสารกับเจ้าของแบรนด์ตลอดเวลา

ส่วนเรื่องสูตรอาหาร เราไม่จำเป็นต้องนำเข้าทุกอย่าง 100% แต่พยายามหาของในประเทศที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงที่สุด แล้วนำมาเทสต์รสชาติ ซึ่งวัตถุดิบบางตัวก็ใช้ของไทยได้ แต่บางตัว เช่น แป้ง ซอส ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องใช้ของเขาเพราะมันคือหัวใจสำคัญของแบรนด์ นอกจากนี้เขายังดูแลเรื่องการฝึกอบรมพนักงานด้วย โดยเราต้องส่งคนไปสิงคโปร์เพื่อเรียนรู้งานทุกๆ อย่างโดยละเอียด ทั้งการปรุง การทอด ทุกๆ กระบวนการ ต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่เขากำหนด ซึ่งเขาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก

แม้ว่าช่วงแรกจะค่อนข้างยุ่งยาก เพราะเราไม่รู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง แต่ข้อดีคือ ระบบทุกอย่างที่เราจะได้รับจากแบรนด์มีมาตรฐาน ถูกพิสูจน์มาแล้วว่า จะทำให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่น และมีโอกาสประสบความสำเร็จสูง โดยที่เราสามารถลดบทบาทตัวเองลงมาและมีเวลาไปทำอย่างอื่นต่อไป

ขณะที่การเปิดร้านเอง ใช้เวลาน้อยกว่า แต่เราต้องเริ่มทุกอย่างเองทั้งหมด สร้างแบรนด์เอง วางระบบเอง ซึ่งอาจจะประสบความสำเร็จหรือไม่ก็ได้ แต่ขณะเดียวกันเราก็มีอิสระมากกว่า

การตลาด เรื่องสำคัญที่มองข้ามไม่ได้: พฤติกรรมผู้บริโภคแต่ละประเทศต่างกัน การตลาดจึงเป็นเรื่องที่สร้างสรรค์เองได้

ด้านการตลาด เขาให้อิสระกับเรามาก เพราะว่าพฤติกรรมผู้บริโภคของแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน การทำการตลาดก็ต่าง อย่างคนสิงคโปร์เขาไม่ค่อยเล่น Facebook ขณะที่คนไทยใช้เฟซบุ๊กเป็นอันดับ 1 การแข่งขันในสิงคโปร์อาจจะไม่สูงนัก แต่ของเราค่อนข้างสูง ฉะนั้นเขาจึงให้อิสระเราในการวางแผน สิ่งที่เราวางไว้อันดับแรกคือเน้นสื่อออนไลน์ อาจจะใช้ Blogger การรีวิว การทำโปรโมชั่น สร้าง LINE@ ฯลฯ

แต่ช่วงแรกอาจจะต้องส่งข้อมูลให้เขาตรวจสอบในเบื้องต้นก่อน เช่น การใช้คำ เทคนิคการสื่อสาร ภาษาที่ใช้ ต้องตรงกับคาแรคเตอร์ของแบรนด์ แต่เรื่องการจัดลำดับความสำคัญ การเล่าเรื่องในมุมต่างๆ เราเป็นคนเลือกเองว่าจะเล่าแบบไหน

วางแผนอนาคตสำหรับแบรนด์แฟรนไชส์: 2 ปี ขยาย 5 สาขา

ตลาดธุรกิจอาหารประเภท Fast food ถือว่าใหญ่มากๆ หลายพันล้านบาทต่อปี ฉะนั้นโอกาสที่เราจะเข้าไปทำตลาดก็มีมาก แต่การวัดความสำเร็จของแบรนด์ที่กำหนดไว้ ณ ตอนนี้ ไม่ใช่เรื่องยอดขาย แต่เป็นการกระจายแบรนด์ให้ติดตลาด ให้เป็นที่รู้จักก่อน โดยเราวางเป้าหมายไว้ว่า 2 ปีแรก เราต้องขายให้ได้ 5 สาขา ซึ่งเป็นสิ่งที่เราสัญญากับเขาไว้ ยังไม่ได้มองว่าต้องเข้าไปแชร์ตลาดเป็นสัดส่วนเท่าไร มากน้อยแค่ไหน อันนั้นเป็นเรื่องของอนาคต

สำหรับใครที่อ่านบทความนี้แล้วมีไฟ อยากลองซื้อแฟรนไชส์จากต่างประเทศมาตีตลาดในเมืองไทยบ้าง อย่ารอช้าครับ เพราะถ้าไม่ลงมือทำ ก็ไม่มีทางรู้เลยว่าจะประสบความสำเร็จไหม

 

อ่านต่อบทความที่น่าสนใจ

ถอดเคล็ดลับ “เสวย” จากรุ่นสู่รุ่น รีแบรนด์ใหม่อย่างไร ให้ปัง!

โอยั๊วะ การเดินทางกว่า 20 ปี กับ บทเรียนที่หาซื้อไม่ได้

ถอดบทเรียน “ หม้อเบ้อเร่อ “ พลิกวิกฤติร้านเกือบเจ๊ง ให้กลับมาอยู่รอดอีกครั้ง

หมัดเด็ด Hai di lao หม้อไฟสัญชาติจีน สู่การเป็นร้านอาหารระดับโลก

เรื่องแนะนำ

โอยั๊วะ

โอยั๊วะ การเดินทางกว่า 20 ปี กับ บทเรียนที่หาซื้อไม่ได้

ถ้าใครเคยผ่านไปย่านมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์บางเขน ถนนเกษตร-งามวงศ์วาน อาจจะเคยมีโอกาสได้เห็น หรือเคยไปทานร้านอาหารร้านหนึ่งที่ชื่อว่า โอยั๊วะ ร้านอาหารชื่อดังที่มีมานานกว่า 20 ปี แต่การเดินทางของโอยั๊วะ กว่าจะมาถึงวันนี้นั้น ผ่านเรื่องราวมามากมาย กว่าที่จะหาความเป็นตัวตนได้ และต้องเจอกับบทเรียนอะไรบ้าง เรามาฟังจากคุณกุ้ง ทสานุช ไทกุล เจ้าของร้านโอยั๊วะ กันครับ   การเดินทางกว่า 20 ปี ของธุรกิจร้านอาหาร โอยั๊วะ จุดเริ่มต้นของร้าน โอยั๊วะ ชื่อโอยั๊วะ จริงๆแล้วมีมานาน 20 กว่าปีแล้วค่ะ เริ่มจากร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์เล็กๆ ที่ อตก. เป็นแค่ห้องแถวห้องเดียว ทำมาได้ระยะหนึ่ง พอร้านเริ่มไม่เป็นที่นิยมแล้ว ร้านก็ปิดตัวลง แต่แฟนของพี่เป็นคนรักการทำร้านอาหาร ก็เลยคิดว่าเรามาลองเปิดร้านอาหารกันไหม ก็เลยยังเอาชื่อโอยั๊วะคงไว้เหมือนเดิม แต่มาเปิดเป็นร้านอาหารแถวเมเจอร์รัชโยธิน เรียกว่าเป็นร้านอาหารรุ่นแรกๆที่มีความเป็นสวนด้วย ก็จะแปลกจากที่อื่นทำให้ลูกค้าชอบ   ทำไมต้องชื่อโอยั๊วะ จริงๆ ไม่มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษเลย แค่ช่วงวัยรุ่นยุคพี่ ก็จะคุ้นกับคำว่า โอยั๊วะ คือ กาแฟดำ คิดว่ามันเป็นชื่อติดหู ชื่อมันก็ทำให้ร้านเราดูกันเอง เข้าถึงง่าย […]

a lot of cuisine

A lot of Cuisine รื้อ ระบบร้านอาหาร ใหม่ จบทุกปัญหา

ทำร้านอาหาร “คุณต้องเหนื่อยเป็นและต้องหยุดเหนื่อยให้เป็นด้วย” คือประโยคเด็ดจากคุณปั๊บ - กษิดิ์เดช เจ้าของร้าน A lot of cuisine ที่ตัดสินใจรับช่วงต่อธุรกิจร้านอาหารตามสั่งจากที่บ้าน เพื่อพัฒนาร้านและวาง ระบบร้านอาหาร ให้ดีขึ้น

Living House

Living House สร้างจุดเด่น กิน ช็อป จบในที่เดียว ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่

เมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปตามยุคสมัย ตัวผู้ประกอบการเองก็ต้องปรับตัว และปรับธุรกิจของตัวเองให้เข้าถึงไลฟ์สไตล์ของลูกค้าให้ได้มากที่สุด เช่นเดียวกับห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ที่เปิดโซนใหม่ชื่อว่า Living House ที่ให้ลูกค้า กิน ช็อป ได้ครบในที่เดียว   Living House สร้างจุดเด่น กิน ช็อป จบในที่เดียว ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่ ความสะดวกสบาย และครบวงจรเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคในปัจจุบันมีความต้องการอย่างมาก ด้วยพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป ความเร่งรีบในสังคม ทำให้ความสะดวก รวดเร็วกลายเป็นความต้องการอันดับต้นๆ ของผู้บริโภค แม้แต่ห้างสรรพสินค้าเองที่เราคิดว่า น่าจะมีจำนวนผู้เข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว แต่ก็ยังต้องมีการปรับตัวเช่นกัน อย่างเช่นการเปิดตัวโซนใหม่ Living House ชั้น 7 Central สาขา Central World เป็นการ ผสมผสานกันระหว่างร้านอาหารกับแผนกโฮม ให้ลูกค้าได้ช็อปปิ้งไปพร้อมกับ รับประทานอาหารไปด้วยในที่เดียวกัน ค่อนข้างน่าสนใจเลยทีเดียว เพราะในยุคนี้ต้องปรับตัวเพื่อดึงดูดลูยกค้าให้ได้มากที่สุด โซน Living House แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ 1.Co-Living จะเป็นส่วนแผนกโฮม ให้ลูกค้าได้ช็อปปิ้งเครื่องใช้ภายในบ้านเครื่องนอน สินค้าที่ระลึกแบบไทยๆ […]

แชร์มุมมอง “แม่ค้าปากไม่ดี แต่มีคนซื้อ” เสียงแตกเป็นสองฝ่าย มีทั้งซื้อและไม่ซื้อ

กรณีศึกษา แม่ค้าปากไม่ดี แต่มีคนซื้อ แชร์มุมมองจากผู้ใช้ทวิตเตอร์ เสียงแตกเป็นสองฝ่าย มีทั้งซื้อและไม่ซื้อ อาหารอร่อยแต่แม่ค้าปากจัดคุณยังจะซื้ออยู่ไหม ? เป็น Topic ที่ถูกพูดถึงมากในโลกของ Twitter ขณะนี้ กับเรื่องการซื้อสินค้าจากคนขายที่ค่อนข้างปากจัด ซึ่งก็ได้มีผู้ใช้ทวิตเตอร์ต่างให้ความสนใจร่วมพูดถึงเรื่องนี้กันอย่างล้นหลาม โดยส่วนใหญ่ได้แสดงความคิดเห็นไปทางไม่ชอบ และไม่อยากสนับสนุน เพราะชอบแม่ค้าที่พูดจาน่ารัก ๆ มากกว่า เช่น 🔸ความเห็นจากชาวเน็ต💬 👤💬 “ไม่เคยคิดจะซื้อของกับแม่ค้าปากจัด พูดคำหยาบคายแล้วอ้างว่าเป็นคนตรงๆ เลย ด่าจนชินแล้วมีคนอวยยิ่งชอบด่า จนบางเรื่องที่มันไม่ตลกก็ยังมาแถแบบติดคำด่าอีก เพราะคิดว่าคนคงไม่โกรธเพราะฉันเป็นแบบนี้อยู่แล้ว จนลืมคำว่ากาลเทศะและมารยาทไป อุดหนุนแม่ค้าน่ารักๆ พูดเพราะๆ ดีกว่า” 👤💬 “ไม่เคยซื้อของแม่ค้าปากจัดเลย เพราะไม่ชอบการขายของแบบปากจัดอ่ะ ฉันคิดตลอดเลยว่าทำไมฉันต้องเสียเงินซื้อของกับแม่ค้าที่ด่าเราด้วยว่ะ คนชอบมันก็มีแหละ แต่นี่ไม่ชอบ ไม่เคยชอบ ชอบแม่ค้าพูดจาดี ๆ รู้สึกเสียเงินให้เขาแล้วมันสบายใจ” 🔸ด้านคนค้าขายอื่น ๆ ก็ได้มาแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน 👤💬 “แปลกใจที่มีลูกค้าชอบแม่ค้าปากจัดเหวี่ยงวีน นี้ไม่เคยหยาบเลย ขอบคุณค่ะ ได้เลยค่ะ พร้อมอิโมจิยิ้ม ใช้เปลืองมากใน 1 แชทขายของ […]

Follow Me

Contact

เว็บไซต์ : amarinacademy.com
บริษัท เอเอ็มอี อิมเมจิเนทีฟ จำกัด
ในเครือ บริษัท อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน)
Tel : 02-422-9999 ต่อ 4662 หรือ 4669, 092-254-0742
Email : amarin.academy@gmail.com

ติดต่อแจ้งปัญหาหรือร้องเรียน
02-422-9999 ต่อ 4180
(จันทร์ – ศุกร์ เวลา 09.00 – 18.00 น)
bdcx@amarin.co.th

สนใจลงโฆษณากับเว็บไซต์ Amarin Academy
Tel. 081-664-0666, 091-729-8060
E-mail : sineenart_ya@amarin.co.th

© COPYRIGHT 2025 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.