4 ข้อแนะนำสำหรับ มือใหม่การตลาดออนไลน์ - Amarin Academy

4 ข้อแนะนำสำหรับ มือใหม่การตลาดออนไลน์

4 ข้อแนะนำสำหรับ มือใหม่การตลาดออนไลน์

ทุกวันนี้ร้านอาหารหลายๆ ร้าน เริ่มหันมาทำการตลาดออนไลน์มากขึ้น เพราะเป็นช่องทางที่เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่าย สะดวก รวดเร็วและราคาไม่แพง แต่ข้อเสียก็มีเช่นกัน เพราะความที่เข้าถึงง่ายมากๆ และราคาถูก ทำให้ใครๆ ก็หันมาทำการตลาดผ่านช่องทางนี้ ส่งผลให้การแข่งขันสูงขึ้นมาก การที่ผู้เล่นรายใหม่ จะเข้ามาทำการตลาดช่องทางนี้จึงยากพอสมควร เราจึงมีข้อแนะนำดีๆ สำหรับ มือใหม่การตลาดออนไลน์ มาฝาก

1.เลือกสื่อที่ “เหมาะ” กับแบรนด์ของตัวเอง

ทุกวันนี้ยอดการใช้งานโซเชียลมีเดียของคนทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งโซเชียลมีเดียก็มีหลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น facebook Instagram Line เป็นต้น ซึ่งแต่ละช่องทางก็มีจำนวนผู้ใช้งานและรูปแบบการนำเสนอเนื้อหาที่แตกต่างกันออกไป โดยสถิติล่าสุดจาก We are Social และ Hootsuite ระบุว่าปัจจุบันยอดผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียทั่วโลกสูงถึง 3 พันล้านคนแล้ว ซึ่งอัตราการเติบของผู้ใช้งาน เพิ่มขึ้นเฉลี่ยถึง 1 ล้านคนต่อวัน! ขณะที่ในประเทศไทย ThothZocial ระบุว่า เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียแต่ละช่องทาง มีดังนี้

Facebook:  มีผู้ใช้งานสูงที่สุดคือ 47 ล้านคน นิยมใช้งานเวลา 18.00-23.00 น. แต่หากเป็นวันหยุดนิยมใช้ทั้งวัน โดยใช้วันเสาร์มากกว่าวันอาทิตย์

ทั้งนี้ Facebook ถือเป็นช่องทางที่เหมาะสำหรับการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับแบรนด์ ทำให้ผู้บริโภครู้จักแบรนด์เรามากขึ้น แถมเรายังสามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายที่จะให้เห็นแบรนด์เราแบบเฉพาะเจาะจงได้อีกด้วย

Instagram: ปัจจุบันมีผู้ใช้งาน 11 ล้านคน นิยมใช้งานเวลา 18.00-23.00 น. โดยในวันเสาร์-อาทิตย์ พ่อค้า แม่ค้าออนไลน์มักใช้เป็นช่องทางในการโปรโมทสินค้า

IG นับเป็นช่องทางที่เหมาะกับการนำเสนอเนื้อหาที่เป็นภาพ โดยเฉพาะภาพอาหารน่าตาน่ารับประทาน ร้านสวยๆ พร้อมมีแคปชั่นประกอบเล็กน้อย จะช่วยทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกอยากไปใช้บริการร้านของคุณมากยิ่งขึ้น

Twitter: มีผู้ใช้งานน้อยที่สุดคือ 9 ล้านคน แต่ถือว่าเป็นสื่อที่น่าจับตามากที่สุด เพราะยอดการใช้งานโตขึ้นจากปีที่แล้วถึง 70% โดยคนนิยมใช้งานช่วงเวลา 20.00 – 24.00 น. โดยเฉพาะวันพฤหัสบดี ศุกร์ และเสาร์จะนิยมมากที่สุด

ถือเป็นสื่อที่เหมาะกับการนำเสนอข้อความสั้นๆ และรูปภาพ โดยผู้ใช้งานส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยรุ่นถึงวัยทำงานตอนต้น เน้นความรวดเร็ว ทันกระแส ถือเป็นสื่ออีกชนิดหนึ่งที่น่าติดตาม

นอกจากช่องทางที่เรารู้จักกันดีทั้ง 3 ช่องทางแล้ว ยังมีช่องทางอื่นๆ ที่เราไม่ควรมองข้ามเช่นกัน เช่น Pinterest เหมาะสำหรับการนำเสนอภาพสวยๆ และดูมีสไตล์ ผู้ใช้งานส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง หรืออีกช่องทางหนึ่งคือ Google+ ที่แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนัก แต่ก็นับว่าน่าสนใจพอสมควร โดยผู้ใช้งานส่วนใหญ่กว่า 2 ใน 3 เป็นผู้ชาย

ข้อมูลนี้ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อเจ้าของกิจการ ในการวางแผนทางการตลาด เพื่อจะได้เลือกช่องทางและจัดสรรเวลาในการเผยแพร่เนื้อหาได้ถูกต้องและเหมาะสมมากที่สุด

2.เสนอเนื้อหาที่มี “คุณค่า” เหมาะสมแก่การ “แชร์”

ถ่ายภาพอาหาร

การนำเสนอเนื้อหาที่มีคุณค่า หรือสร้างสรรค์ จะช่วยกระตุ้นให้ผู้ที่เข้ามาอ่านเนื้อหา รู้สึกอยากแชร์เรื่องราวเหล่านั้นให้เพื่อนๆ หรือคนอื่นได้รับทราบ ถือเป็นการตลาดแบบบอกต่อที่มีอิทธิพลค่อนข้างมาก โดยการสร้างสรรค์เนื้อหาที่ง่ายที่สุดคือคิดว่า “คุณอยากรู้เรื่องอะไร” และอยากส่งต่อเรื่องราวอะไรให้อื่นบ้าง

เมื่อทราบหัวข้อการเขียนแล้ว เนื้อหาภายในควรมีลักษณะดังต่อไปนี้

1.มีข้อความที่สนับสนุนธุรกิจของคุณ รวมถึงส่งเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์คุณด้วย แต่ควรหลีกเลี่ยงการใช้เทคนิคการตั้งชื่อเรื่องที่น่าสนใจ เรียกยอดไลค์ แต่เมื่อคลิกอ่าน เนื้อหากลับไม่เกี่ยวข้อง หรือไม่มีสาระใดๆ เลย หรือเรียกง่ายๆ ว่า clickbait เพราะแม้ว่าวิธีนี้จะเรียกยอดการเข้าถึงเนื้อหาได้มาก แต่กลับทำให้ผู้บริโภครู้สึกถึงความไม่ซื่อสัตย์ เกิดเป็นภาพลักษณ์ที่ไม่ดีต่อแบรนด์ วิธีนี้นับเป็นวิธีที่สร้างผลเสียมากกว่าผลดี จึงไม่แนะนำให้ทำ

2.มีสิ่งที่ดึงดูดใจผู้รับชม เช่น ภาพอาหารที่หน้าตาหน้ารับประทาน อาจกระตุ้นให้ผู้ชมอยากแชร์มากกว่าบทความแนะนำร้านเฉยๆ แต่การประเมินว่าเนื้อหาใดโดนใจผู้บริโภคมากที่สุด ต้องอาศัยการเก็บข้อมูลของเจ้าของเพจเอง แต่จากการศึกษาพบว่า บทความที่มีภาพประกอบจะได้รับการเข้าชมมากว่าบทความธรรมดาถึง 94% และบทความใน twitter ที่มีภาพประกอบจะมีคนเข้าถึงมากกว่าบทความธรรมดาถึง 2 เท่า

3.สร้างแรงจูงใจด้วย “Influencers”

บางครั้งร้านอาหารเปิดใหม่ อาจไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลายนัก และการที่เราจะโปรโมทร้านท่ามกลางกระแสการตลาดออนไลน์ที่เข้มข้นถึงเพียงนี้ ไม่ต่างอะไรกับการตะโกนแข่งกับเสียงของผู้คน หากเจ้าของร้านอยากให้ร้านเป็นที่รู้จักเร็วๆ อาจใช้ผู้ที่มีชื่อเสียงหรือผู้มีอิทธิพลทางความคิด (Influencers) ในโซเชียลมีเดีย ซึ่งมียอดผู้ติดตามมากๆ มาเป็นผู้ช่วยโปรโมทร้าน โดยการเลือก Influencers นี้ เจ้าของร้านควรเลือกให้เหมาะกับภาพลักษณ์ของแบรนด์ และดูว่าผู้ที่ติดตามเขาเป็นคนกลุ่มใด ตรงตามกลุ่มเป้าหมายของร้านอาหารเราหรือไม่ จะได้มั่นใจว่า สารที่เราต้องการจะสื่อ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้จริงๆ

4.จ่ายเงินเพื่อ “สร้างการรับรู้”

จดทะเบียนร้านอาหาร

บางครั้งการโพสต์เนื้อหาลงโซเชียลมีเดียอย่างเดียว อาจไม่เพียงพอ เพราะผู้ที่พบเห็นมักเป็นผู้ที่ติดตามเพจของเราอยู่แล้ว แต่หากเจ้าของร้านอาหารอยากขยายจำนวนผู้พบเห็นให้มากขึ้น ควรจ่ายเงินเพื่อเพิ่มการรับรู้ โดยเนื้อหาของเราจะไปขึ้นในหน้า New feed ของกลุ่มเป้าหมายที่เรากำหนด แม้ว่าเขาจะไม่เคยรู้จักหรือติดตามร้านของเรามาก่อนเลยก็ตาม วิธีนี้นับเป็นวิธีที่หลายๆ ร้านอาหารนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย เพราะช่วยเพิ่มการรับรู้ได้จริงๆ

การตลาดออนไลน์ถือเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับธุรกิจในปัจจุบัน ฉะนั้นเจ้าของกิจการไม่ควรมองข้ามช่องทางนี้ เพราะถือเป็นช่องทางที่ช่วยให้ร้านเป็นที่รู้จักที่ดีช่องทางหนึ่ง

เรื่องแนะนำ

Food Trend

อัปเดตเทรนด์คอนเทนต์อาหาร ช่วงนี้ผู้บริโภคชอบอะไร ? แนวการทางโปรโมทร้านให้ลูกค้าอยากซื้อ!

อัปเดตเทรนด์คอนเทนต์อาหาร ช่วงนี้ผู้บริโภคชอบอะไร ? แนวการทาง ” โปรโมทร้าน ” ให้ลูกค้าอยากซื้อ! เชื่อว่าทุกวันนี้ก่อนที่ทุกคนจะซื้อหรือใช้อะไรจะต้องหารีวิวมาดู เพื่อประกอบการตัดสินใจก่อน ยิ่งตอนนี้หลายคนหลีกเลี่ยงการออกจากบ้าน เพราะกังวลเรื่องโรคระบาดด้วยแล้วนั้น การจะออกมาเลือกซื้อ เลือกดู จับจ่ายใช้สอยก็เป็นอะไรที่หลายคนไม่อยากเสี่ยง ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้คนจึงหันไปเสพคอนเทนต์ของเหล่า Reviewer หรือ Blogger เพื่อใช้ในการตัดสินใจสั่งผ่านเดลิเวอรี่แทน  “อาหาร” สิ่งหนึ่งที่ผู้คนให้ความสนใจดูเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นรีวิวอาหารหรือวิดีโอสอนทำอาหาร ซึ่งคอนเทนต์เหล่านี้สามารถช่วยเพิ่มยอดขายให้ผู้ประกอบการได้อีกทางหนึ่ง ดังนั้นลองมาดูแนวทางการทำคอนเทนต์จาก คุณณีรนุช อิทธิปัญญาวรกุล Food Blogger เจ้าของเพจ Thintomorrow ที่ได้มาเล่าใน Club House ถอดบทเรียนสู้วิกฤติ ธุรกิจร้านอาหารดัง ถึงเทรนด์คอนเทนต์อาหาร ช่วงนี้ผู้บริโภคชอบอะไร ? และแนวการทางโปรโมทร้านให้ลูกค้าอยากซื้อ! จะมีอะไรบ้างมาดูกัน!      พฤติกรรมของคนในตอนนี้👤: ช่วงนี้พฤติกรรมของผู้บริโภคค่อนข้างจะเปลี่ยนไป อย่างช่วงก่อนหน้านี้เราจะรู้สึกว่าคนทั่วไปที่อยู่คนเดียวหรืออยู่กันไม่กี่คนจะ จะใช้บริการแอปเดลิเวอรี่เยอะกว่าคนที่อยู่เป็นครอบครัว แต่หลัง ๆ มานี้คนที่อยู่เป็นครอบครัวขนาดกลางไปจนถึงครอบครัวใหญ่มีการสั่งเดลิเวอรี่มากขึ้น ซึ่งจากที่เราเคยสอบถามเหตุผลของคนที่อยู่รอบตัว ได้คำตอบว่าช่วงนี้คนออกไปข้างนอกน้อยลง เขาไม่ค่อยอยากเดินตลาดหรือไม่อยากเดินซุปเปอร์บ่อย ๆ เพราะไม่อยากเสี่ยงกับโรคหรือว่าอยู่บ้านล็อกดาวน์นาน ๆ […]

5 เรื่องรู้ก่อน….เปิดร้านอาหาร รู้แล้วร้านคุณจะไม่เจ๊ง

5 เรื่องรู้ก่อน….เปิดร้านอาหาร รู้แล้วร้านคุณจะไม่เจ๊ง! เชื่อหรือไม่…กว่าครึ่งของร้านอาหารที่เปิดใหม่ในทุกปี ประสบกับปัญหาจนต้องปิดตัวลง ถ้าคุณมีเงินทุนมากพออาจจะได้ประสบการณ์และเริ่มต้นใหม่ได้อย่างรวดเร็ว แต่หลายคนที่ใช้เงินเก็บมาทั้งชีวิตเพื่อลงทุนเปิดร้านอาหาร ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะลุกขึ้นได้อีกครั้ง ถ้าหากความฝันของคุณคือการเปิดร้านอาหาร มีร้านกาแฟเล็ก ๆ เป็นของตัวเอง นี่คือ 5 ข้อ ที่คุณต้องเข้าใจมันอย่างถ่องแท้ ก่อนเริ่มต้นทำความฝันของคุณให้เป็นจริง   รู้จักตลาด….. รู้ว่าจะขายอะไร และขายอย่างไร 9 %* คือตัวเลขของร้านอาหารที่เพิ่มขึ้นในปีล่าสุด มีร้านค้ากว่าหมื่นรายกระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพ และจังหวัดอื่น ๆ คุณจะเป็น 1 ใน 9 % ที่คงอยู่หรือปิดตัวลงไปในแต่ละปี จำเป็นต้องศึกษาข้อมูลทางการตลาดที่จะทำให้คุณมองเห็นภาพรวม สามารถกำหนดจุดยืน และทิศทางการตลาดให้เหมาะสมกับสภาพสังคมปัจจุบัน แนวโน้มพฤติกรรมของผู้บริโภค ทำให้เห็นโอกาสทางธุรกิจ เช่น การให้ความใส่ใจเรื่องสุขภาพการกินอาหารมากขึ้น สังคมที่มีผู้สูงอายุมากขึ้นแต่มีร้านอาหารที่ตอบโจทย์น้อย  อิทธิพลของอาหารจากต่างประเทศ พฤติกรรมการสั่งอาหารผ่านผู้ให้บริการเดลิเวอรี่ ที่ส่งผลกระทบต่อยอดขายร้านอาหารในปัจจุบัน *ข้อมูลอ้างอิงจากศูนย์วิจัย กสิกรไทย ณ มีนาคม 2562   รู้ทำเล….รู้ว่าจะขายที่ไหน ทำเลเป็นปัจจัยสำคัญ หากตัดสินใจเลือกทำเลแล้ว คุณจะไม่สามารถเปลี่ยนทำเลไปไหนได้เลยนอกเสียจากว่าเปลี่ยนร้านให้เข้ากับทำเลนั้น ๆ […]

Hyper-Personalization

อ่านใจลูกค้าออก บริการได้ตรงใจ ด้วยการตลาดแบบ Hyper-Personalization

อ่านใจลูกค้าออก บริการได้ตรงใจ ด้วยการตลาดแบบ Hyper-Personalization อยากมัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด ก็ต้องอ่านใจลูกค้าให้ออก.. ทุกวันนี้เราอยู่ในยุคที่ผู้บริโภคอยากรู้ทุกอย่าง และสามารถเข้าถึงข้อมูลทุกเรื่องได้ด้วยปลายนิ้ว ฉะนั้นการทำการตลาดแบบเดิมๆ อาจไม่ได้ผลอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการจำชื่อลูกค้า, ส่งข้อความ หรืออีเมล์ไปอวยพรวันเกิด พร้อมส่วนลดต่างๆ ซึ่งวิธีเหล่านี้กำลังจะกลายมาเป็นเพียงข้อมูลพื้นฐานสำหรับการทำการตลาดเท่านั้น ดังนั้นธุรกิจร้านอาหารหรือแบรนด์ที่จะสะกิดใจคนได้ ต้องเป็นแบรนด์ที่รู้จักและรู้ใจลูกค้า ด้วยการทำการตลาดแบบ Hyper-Personalization ซึ่งเป็นการตลาดที่เข้าถึงตัวบุคคลมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่ตรงใจลูกค้ามากกว่าที่เคย อย่าปล่อยให้เสียเวลาเปล่า เจ้าของธุรกิจทั้งหลายต้องรีบทำความเข้าใจ เรียนรู้ และปรับตัว รวมถึงเปลี่ยนรูปแบบวิธีการทำงานให้เข้ากับสถานการณ์ แล้วจะช่วยให้ลูกค้าเดินเข้าร้านได้อย่างยิ้มแย้มและเต็มใจ หัวใจของ Hyper Personalization อยู่ที่ “Big Data” ก่อนอื่นต้องอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ก่อนว่าการตลาดแบบ Hyper Personalization เป็นการนำ Big Data แบบเรียลไทม์มาใช้ในการคาดเดาความต้องการของผู้บริโภค ไม่ใช่แค่ข้อมูลจากประวัติการสั่งซื้อทั่วไป แต่เป็นการเอาข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์ออกมาเป็นพฤติกรรมการซื้อ เพื่อให้สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ว่าลูกค้าคนนี้อยากจะซื้อกับเราครั้งถัดไปเมื่อไหร่ หรือจะกระตุ้นเขาให้ซื้อได้ด้วยวิธีไหน ซึ่ง Big Data คือการนำข้อมูลรอบๆ ตัว จากหลายๆ ส่วนมาประมวล วิเคราะห์ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อ  จึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเจ้าของร้านอาหาร ที่จะนำมาวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมลูกค้า […]

Follow Me

Contact

เว็บไซต์ : amarinacademy.com
บริษัท เอเอ็มอี อิมเมจิเนทีฟ จำกัด
ในเครือ บริษัท อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน)
Tel : 02-422-9999 ต่อ 4662 หรือ 4669, 092-254-0742
Email : amarin.academy@gmail.com

ติดต่อแจ้งปัญหาหรือร้องเรียน
02-422-9999 ต่อ 4180
(จันทร์ – ศุกร์ เวลา 09.00 – 18.00 น)
bdcx@amarin.co.th

สนใจลงโฆษณากับเว็บไซต์ Amarin Academy
Tel. 081-664-0666, 091-729-8060
E-mail : sineenart_ya@amarin.co.th

© COPYRIGHT 2024 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.