นายจ้างที่ได้รับความช่วยเหลือมีแค่ 11% ส่องสถิติการเข้าถึง มาตรการเยียวยา จากภาครัฐ

นายจ้างที่ได้รับความช่วยเหลือมีแค่ 11% ส่องสถิติการเข้าถึง มาตรการเยียวยา จากภาครัฐ

        แม้ว่าวิกฤต COVID-19 จะกระทบต่อประชาชนคนไทยทุกคน แต่ มาตรการเยียวยา ของภาครัฐนั้นเข้าถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบทั่วถึงหรือไม่? เพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากประชาชน สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จึงได้ทำการสำรวจ ผลกระทบเบื้องต้นจากการใช้มาตรการบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจจาก COVID-19 ผ่านระบบ online ในช่วงวันที่ 9-13 เม.ย. 63 โดยมีผู้เข้าร่วมตอบแบบสอบถาม 8,929 คน จากทั้ง 77 จังหวัดในประเทศไทย 

สถิติประชาชน 4 กลุ่มอาชีพ
ที่เข้าถึง มาตรการเยียวยา จากภาครัฐ

        โดยผู้ตอบแบบสอบถามจะแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มอาชีพ ได้แก่ นายจ้าง พนักงาน ผู้ประกอบอาชีพอิสระ และผู้ว่างงาน ในภาพรวมแล้ว มีคนไทยมากถึง 88% ที่ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากมาตรการของรัฐ เพราะส่วนใหญ่ “ติดเงื่อนไข” ซึ่งมีทั้งผู้ที่ไม่เข้าข่าย และผู้ที่ควรได้รับสิทธิ์แต่ถูกปฏิเสธ โดยมาตรการที่คนได้รับมากที่สุดเป็นมาตรการของนโยบายการคลัง แต่มาตรการเหล่านี้ก็ไม่เพียงพอที่จะช่วยเหลือประชาชน ในกรณีที่สถานการณ์ยาวนานมากกว่า 3 เดือน   

มาตรการเยียวยากลุ่มนายจ้าง  

        เนื่องจากธุรกิจส่วนใหญ่มีรายได้ลดลงหรือถูกสั่งปิด นายจ้างโดยเฉพาะกลุ่ม SMEs จึงต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลือในด้านเงินทุนสำหรับฟื้นฟูธุรกิจ ลดภาระค่าจ้างแรงงาน ค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมถึงการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อเสริมสภาพคล่อง แต่มีกลุ่มนายจ้างแค่เพียง 11% จากทั้งหมดที่ได้รับความช่วยเหลือ ในด้านการพักเงินต้นและดอกเบี้ย การผ่อนผันภาษี และสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ดอกเบี้ย 2% ต่อปี)

        นอกจากนี้ มาตรการด้านการเงินที่มีอยู่ยังไม่เพียงพอต่อการพยุงธุรกิจ หรือแก้ปัญหาสภาพคล่องทางการเงินในช่วงวิกฤติ 3-6 เดือน ประชาชนกลุ่มนี้ต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติมในด้านการลดภาระค่าใช้จ่ายในการประกอบธุรกิจ การเตรียมเงินทุนสำหรับการฟื้นฟูกิจการ รวมถึงหาช่องทางในการระบายสินค้า 

 

มาตรการเยียวยากลุ่มพนักงาน ลูกจ้าง แรงงาน 

        ผลกระทบต่อประชาชนในกลุ่มนี้มีทั้งการถูกลดค่าจ้าง รายได้ลดลง หรือธุรกิจที่ทำงานถูกสั่งปิด โดยมีผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือ 12% และความช่วยเหลือส่วนใหญ่ที่ได้รับเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายและมาตรการด้านการคลัง เช่น การลดหย่อนเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม ลดหรือเลื่อนจ่ายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและการจ่ายค่าน้ำค่าไฟ พักเงินต้นและดอกเบี้ย เงินเยียวยา 5,000 บาทจากโครงการ “เราไม่ทิ้งกัน” ปรับเกณฑ์การปรับโครงสร้างหนี้ สินเชื่อพิเศษ ฯลฯ 

        มาตรการที่กลุ่มลูกจ้างต้องการเพิ่มเติม คือการลดค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการดำรงชีพเพิ่มเติม อาทิเช่น ค่าไฟฟ้า น้ำประปา โทรศัพท์ อาหารและสินค้าที่จำเป็น รวมถึงลดค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าเทอม กำหนดมาตรฐานการพักหนี้ให้ทุกสถาบันการเงินไปในลักษณะเดียวกัน เพื่อลดเงื่อนไขที่ยุ่งยากลง สนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ให้ความช่วยเหลือประชาชนทุกกลุ่มอาชีพที่ได้รับผลกระทบ และชดเชยผลประโยชน์แก่ผู้ที่อยู่ในประกันสังคม 

 

มาตรการเยียวยากลุ่มอาชีพอิสระ

        ฟรีแลนซ์เป็นกลุ่มอาชีพที่มีรายได้ไม่แน่นอน จึงไม่ผ่านเงื่อนไขต่างๆ ที่ภาครัฐตั้งไว้ ทำให้ส่วนใหญ่ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐ และมีกลุ่มที่ได้รับความช่วยเหลือแค่ 11% ที่ได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาท การพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย ลดหรือเลื่อนการจ่ายค่าน้ำค่าไฟ ดังนั้น กลุ่มนี้จึงต้องการให้ภาครัฐปรับเงื่อนไขให้เหมาะสม ครอบคลุมทุกกลุ่มที่เดือดร้อน ประชาสัมพันธ์ให้ชัดเจนทั่วถึง ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภค ยกเว้นการชำระภาษีทุกชนิด โดยเฉพาะภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) รวมถึง เพิ่มการเข้าถึงแหล่งเงินกู้ หรือต้องการให้รัฐมีงานทางเลือกให้ 

 

มาตรการเยียวยากลุ่มผู้ว่างงาน

        ผู้ว่างงานเป็นกลุ่มที่ต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด แต่กลับเข้าถึงความช่วยเหลือได้แค่ 9% ที่ได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาท การพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย ลดหรือเลื่อนการจ่ายค่าน้ำค่าไฟ ซึ่งหากภาครัฐไม่เร่งเข้าช่วยเหลือ กลุ่มนี้ก็อาจจะอยู่ได้ไม่เกิน 3 เดือน โดยผู้ว่างงานต้องการมาตรการที่ลดภาระหนี้สินและค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ช่วยจัดหางาน หรือส่งเสริมการพัฒนาทักษะ และการเข้าถึงแหล่งเงินกู้ให้มากขึ้น 

        ข้อเสนอแนะในภาพรวมของผู้ตอบแบบสอบถามทุกกลุ่ม คือต้องการให้รัฐบาลขยาย มาตรการเยียวยา ให้เข้าถึงประชาชนทุกกลุ่ม ลดเงื่อนไขการเข้าถึงมาตรการช่วยเหลือ จัดหางานให้ประชาชนที่ถูกเลิกจ้าง ลดค่าใช้จ่ายภาครัฐที่ไม่จำเป็น เพื่อนำงบประมาณกลับมาช่วยเหลือประชาชน ลดความซับซ้อนในการเข้าถึงเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ คืนภาษีเงินได้นิติบุคคลหรือลดหย่อนภาษี รวมถึง ผ่อนปรนให้บางธุรกิจกลับมาเปิดทำการได้โดยมีเงื่อนไขที่เหมาะสมและปลอดภัย 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สามารถดูรายละเอียดของการสำรวจต่อได้ที่นี่ 

เรื่องแนะนำ

ธุรกิจอาหาร

20 เทรนด์ ธุรกิจอาหาร ปี 2020 ที่ผู้ประกอบการควรรู้!

20 เทรนด์ ธุรกิจอาหาร ปี 2020 ที่ผู้ประกอบการควรรู้!   1.ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีมากขึ้น เมื่อโลกก้าวไกลเรื่องเทคโนโลยีขึ้นเรื่อยๆ เจ้าของร้านแบรนด์ใหม่ๆ จะเริ่มลงทุนกับการใช้ระบบเทคโนโลยีมากขึ้น และอาจลดแรงงานคนลง ร้านจะให้ลูกค้าบริการตัวเองมากขึ้น เพื่อลดค่าใช้จ่าย ส่วนร้านดั้งเดิมเก่าแก่ ก็จะหันมาใช้ระบบการจัดการใหม่ๆมากขึ้น โดยทายาทรุ่นใหม่ที่เข้ามาบริหารร้านเพื่อควบคุมต้นทุนให้มากที่สุด   2. Social Marketing สำคัญมาก ปฏิเสธไม่ได้ว่ายุคนี้ ถ้าอยากให้ร้านเป็นที่รู้จักมากขึ้น การทำการตลาดบนโลกออนไลน์สำคัญมาก อะไรที่เป็นกระแสใน Social จะส่งผลกระทบรวดเร็ว ทำให้คนอยากลองและตามไปรีวิวมากมาย แต่ที่สำคัญร้านของคุณก็ต้องมีคุณภาพด้วย เพราะอย่าลืมว่าถ้าร้านไม่ดีจริง กระแสมาไวก็ไปไวได้เช่นกัน   3. เดลิเวอรี่ แข่งขันสูง ผู้บริโภคยุคใหม่ต้องการความสะดวกสบายมากขึ้น ทำให้เดลิเวอรี่จึงมาแรงตั้งแต่ปีที่ผ่านมา จนมาถึงปีนี้ และเกิดการแข่งขันกันที่สูงขึ้น ธุรกิจร้านอาหารที่ไม่มีหน้าร้านก็จะเพิ่มขึ้นด้วย ทั้งนี้ก็อยู่ที่ว่าผู้ประกอบการแต่ละรายจะงัดกลยุทธ์ไหนออกมาเพื่อดึงดูดลูกค้าได้มากกว่ากัน   4. มากกว่าการกิน คือการสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้า แม้ว่าเรื่องรสชาติจะสำคัญที่สุดในการทำธุรกิจอาหาร แต่ปัจจุบันการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆในการทานให้กับลูกค้า เป็นสิ่งที่ทำให้ลูกค้าเกิดความตื่นตาตื่นใจปละประทับใจไม่น้อย เช่น การให้ลูกค้ามีส่วนร่วม หรือแม้แต่การกินอาหารพร้อมโชว์เทคโนโลยี AR   5. […]

โออิชิ

โออิชิ กรุ๊ป เปิดกลยุทธ์ ปี 2020 บุกตลาดเครื่องดื่ม ร้านอาหาร และอาหารพร้อมทาน

ปีที่ผ่านมาธุรกิจหลักของ โออิชิ กรุ๊ป ที่เราเห็นได้ชัดก็คือ ธุรกิจเครื่องดื่ม ที่เรารู้จักกันก็คือ เครื่องดื่มชาเขียว  ต่อมาคือ ธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น แต่ในช่วงปีที่ผ่านมา โออิชิ ได้เริ่มกลับมาดันธุรกิจกลุ่มอาหารพร้อมทาน หรือแพ็กเกจจิ้งฟู้ด อีกครั้ง เพื่อตอบรับพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภค ที่ต้องการความสะดวกสบายมากขึ้น สำหรับผลประกอบการของ โออิชิ กรุ๊ป รอบปีงบประมาณ 2562 (ตั้งแต่ 1 ต.ค. 2561 ถึง 30 ก.ย. 2562) มียอดรายได้รวม 13,631 ล้านบาท เติบโต 8.2% และผลกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,229 ล้านบาท ธุรกิจเครื่องดื่ม 6,501 ล้านบาท เติบโต 6% ธุรกิจอาหาร 7,130 ล้านบาท เติบโต 9% กำไรสุทธิรวมของบริษัท 1,229 ล้านบาท เติบโต 9% กำไรจากธุรกิจเครื่องดื่ม 869 ล้านบาท เติบโต […]

Food Trend Connect

สรุปประเด็นความรู้สำคัญ จากงาน Food Trend Connect 2019 โดย Amarin Academy

ผ่านพ้นไปแล้วกับงาน Amarin Academy 3rd Anniversary : Food Trend Connect 2019 งานครบรอบ 3 ปี ของ Amarin Academy คอมมูนิตี้เพื่อผู้ประกอบการร้านอาหาร ซึ่งบรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความอบอุ่นและเป็นกันเอง ของเหล่าผู้ประกอบการธุรกิจอาหาร ที่มารวมตัวกันในงานนี้นับร้อยท่าน ซึ่งความตั้งใจของการจัดงานนี้เพื่อให้เหล่าผู้ประกอบการได้มารวมตัวกันเพื่อสร้าง connection ใหม่ๆ เพิ่มโอกาสในการต่อยอดธุรกิจ และอีกหนึ่งจุดประสงค์ของงานนี้ ก็เพื่อให้ทุกท่านได้มาอัพเดตข้อมูลความรู้ และเทรนด์ของธุรกิจอาหารในปี 2020 โดยผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายแขนง เจ้าของร้านอาหารชื่อดัง ที่มาแชร์ประสบการณ์ ปัญหาจริงๆ ในการทำร้าน  รวมถึงกลยุทธ์การปั้นคอนเทนท์ให้ปัง จาก Influencer จากเพจที่มียอดผู้ติดตามหลักล้าน เรียกว่าจัดเต็มส่งท้ายปีแบบไม่มีกั๊ก วันนี้เราจะมาสรุปประเด็นความรู้สำคัญ จากงาน Food Trend Connect 2019 โดย Amarin Academy สรุปประเด็นความรู้สำคัญ จากงาน Food Trend Connect 2019   โปรโมทร้านให้โดนใจ สไตล์ […]

Follow Me

Contact

เว็บไซต์ : amarinacademy.com
บริษัท เอเอ็มอี อิมเมจิเนทีฟ จำกัด
ในเครือ บริษัท อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน)
Tel : 02-422-9999 ต่อ 4662 หรือ 4669, 092-254-0742
Email : amarin.academy@gmail.com

ติดต่อแจ้งปัญหาหรือร้องเรียน
02-422-9999 ต่อ 4180
(จันทร์ – ศุกร์ เวลา 09.00 – 18.00 น)
bdcx@amarin.co.th

สนใจลงโฆษณากับเว็บไซต์ Amarin Academy
Tel. 081-664-0666, 091-729-8060
E-mail : sineenart_ya@amarin.co.th

© COPYRIGHT 2025 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.