Marketing Collaboration สร้างพันธมิตรจาก คู่แข่งร้านอาหาร - Amarin Academy

Marketing Collaboration สร้างพันธมิตรจาก คู่แข่งร้านอาหาร

“Marketing Collaboration” 

สร้างพันธมิตรจาก คู่แข่งร้านอาหาร

ในช่วงหลายปีมานี้ ถือเป็นยุคแห่งการ Collaboration หรือการจับมือกันของธุรกิจอาหาร เราจะเห็นหลาย ๆ แบรนด์สร้างสินค้าหรือโปรโมชั่นใหม่ร่วมกัน ทำให้เกิดความแปลกใหม่ในวงการธุรกิจอาหารมากยิ่งขึ้น เป็นการสร้างพันธมิตรจาก คู่แข่งร้านอาหาร ซึ่งการร่วมมือกันระหว่างธุรกิจอาหารนี้ มีประโยชน์มากมาย ดังนี้

  • สร้างความน่าสนใจและให้ประสบการณ์ใหม่ๆ กับผู้บริโภค
  • ปลุกกระแสทางการตลาดให้เป็นไวรัล และได้รับการพูดถึงในวงกว้าง
  • แลกเปลี่ยนกลุ่มลูกค้าระหว่างแบรนด์ ขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ
  • ลดการแข่งขัน และเพิ่มพันธมิตรทางการค้า
  • ทำให้แบรนด์ดูทันสมัย และเข้าถึงกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่มากขึ้น
  • ใช้จุดแข็งของพาร์นเนอร์มาชดเชยจุดอ่อนของแบรนด์ตัวเอง

 

เหล่านี้ถือเป็นกลยุทธ์ที่กำลังมาแรงทีเดียว กับการสร้างพันธมิตรจาก คู่แข่งร้านอาหาร เราลองมาดูตัวอย่างความร่วมมือในธุรกิจอาหารที่น่าสนใจกัน ว่ามีแบรนด์ไหน จับมือกับแบรนด์ไหนบ้าง

 

4 Case Study: เปลี่ยนคู่แข่งเป็นคู่ค้าร้านอาหาร

Credit : Bar B Q Plaza

Bar B Q Plaza X Pizza Hut

ในปีที่ผ่านมา บาร์บีคิวพลาซ่าและพิซซ่าฮัท ได้จัดแคมเปญและออกเมนูฟิวชั่นร่วมกัน โดยทางร้านบาร์บีคิวพลาซ่าจะมีเมนูหมูที่เสิร์ฟแบบใหม่บนถาดพิซซ่า เครื่องเคียงแบบพิซซ่าและน้ำจิ้มใหม่ ส่วนร้านพิซซ่าฮัท ก็มีพิซซ่าหน้าหมูบาร์บิกอนในซอสใหม่ เป็นการรวมจุดเด่นของทั้งสองแบรนด์เข้าด้วยกัน สร้างความตื่นเต้นแก่ลูกค้า และเกิดเป็นกระแสในโซเชียลมีเดียในช่วงนั้นได้ 

เมื่อดูฐานลูกค้าของทั้งสองแบรนด์ จะเห็นว่ากลุ่มลูกค้าหลักของบาร์บีคิวพลาซ่าเป็นกลุ่มครอบครัว วัยรุ่น และคนรุ่นใหม่ที่อยู่ในกรุงเทพเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่พิซซ่าฮัทมีลูกค้าหลักเป็นกลุ่มครอบครัวเช่นกัน แต่เน้นส่งทางเดลิเวอรี่เป็นหลัก และมีสาขาครอบคลุมต่างจังหวัดมากกว่า

นอกจากนี้ บาร์บีคิวพลาซ่าก็เคยมีการร่วมมือกับแบรนด์สาหร่ายมาชิตะ ออกเป็นสาหร่ายรสชาติเบคอนย่างซอสบาร์บีคิวพลาซ่า ซึ่งช่วยให้แบรนด์มาชิตะเป็นที่รู้จักและเข้าถึงได้มากขึ้น บาร์บีคิวพลาซ่าเองก็ได้ลูกค้ากลุ่มวัยรุ่นจากแบรนด์มาชิตะเช่นกัน 

 

คู่แข่งร้านอาหาร
Credit : thestandard

Starbucks x After You

After You ได้ร่วมมือกับ Starbucks ที่เป็นแบรนด์ร้านกาแฟระดับโลก โดยนำเมนูโทสต์ยอดฮิตไปวางจำหน่ายในร้านสตาร์บัคส์ สร้างความฮือฮาให้กับลูกค้า เพราะสามารถหาซื้อได้สะดวกขึ้น เมื่อเทียบกับจำนวนสาขาที่ยังไม่มากนักของ After You และสตาร์บัคส์เองก็ได้เพิ่มความหลากหลายของเมนูกลุ่มของหวานในร้าน ที่ต้องการขายมากกว่ากาแฟหรือเครื่องดื่ม แต่รวมถึงอาหารคาว และของหวานด้วย  

 

Bonchon X After You

นอกจากนั้น After You ก็ยังจับมือกับ Bonchon ร้านไก่ทอดดังจากเกาหลี เพื่อสร้างเป็นเมนูใหม่ที่นำจุดแข็งของทั้งสองร้านมารวมกัน เป็นไก่ทอดเสิร์ฟบนโทสต์ที่ราดด้วยซอสสูตรพิเศษ ซึ่งเมนูนี้จำกัดระยะเวลาและสาขาที่จำหน่าย เพื่อเป็นการลองตลาดและสร้าง Value ให้กับสินค้า

 

คู่แข่งร้านอาหาร
Credit : MK

MK X Fire Tiger

MK Restaurants ร้านสุกี้ที่อยู่คู่คนไทยมาหลายสิบปี ก็มีโปรเจกต์ MK x Pathner ที่ร่วมมือกับธุรกิจอื่นๆ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดูทันสมัย และขยายตลาดไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น 

หนึ่งในแบรนด์ที่ MK ร่วมมือด้วยก็คือ Fire Tiger หรือชานมเสือพ่นไฟเจ้าดัง แต่มีจำนวนสาขาไม่มาก โดยนำเครื่องดื่มมาจำหน่ายในร้าน MK สาขาต่าง ๆ ทั่วประเทศ และยังกระตุ้นการซื้อด้วยการลดราคาเกือบครึ่งของราคาเดิม ทำให้ MK สามารถดึงกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นเข้ามาใช้บริการ รวมถึงมีเมนูของหวานที่หลากหลายขึ้น และด้วยจุดแข็งของ MK ที่มีจำนวนสาขามากและครอบคลุมหลายจังหวัด ก็ทำให้ Fire Tiger ได้กระจายการขายสินค้าไปยังลูกค้าใหม่ ๆ นอกกรุงเทพมากขึ้น และเพิ่ม Awareness ให้กับแบรนด์ 

นอกจากนี้ MK ยังมีกิจกรรมในเฟซบุ๊กที่ให้ลูกค้าช่วยแสดงความคิดเห็น ว่าอยากให้ทาง MK ร่วมมือกับแบรนด์ไหน เพื่อทำสินค้าอะไรออกมา เป็นการสร้างความมีส่วนร่วมและเพิ่ม Engagement ให้ลูกค้ารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับแบรนด์ได้อีกด้วย  

 

คู่แข่งร้านอาหาร
Credit : KFC

KFC x ROV

ไม่ใช่แค่ธุรกิจอาหารเท่านั้น การร่วมมือกับแบรนด์นอกธุรกิจอาหาร เช่น แฟชั่น ไลฟ์สไตล์ หรือแม้แต่เกมออนไลน์ก็เป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจ ตัวอย่างของ KFC x ROV ที่ออกโปรโมชั่นซื้อสินค้าแถมโค๊ดรางวัล เพื่อนำไปสุ่มรับไอเท็มลิมิเต็ดในเกม ROV ทั้งตัวละครที่มีคาแรกเตอร์ของผู้พันแซนเดอร์เท่ๆ สกิลในเกม หรือของใช้ต่างๆ เช่น หมอนน่องไก่ หรือเสื้อลาย KFC ก็เป็นการเพิ่มยอดขายของร้าน จากการซื้อซ้ำเพื่อให้ได้รับสิ่งที่ต้องการ และยังทำให้ Brand Image ดูไม่ล้าสมัย จากมาสคอตผู้พันคนเดิมที่เปลี่ยนให้ดูกระฉับกระเฉงและมีเสน่ห์มากขึ้น เข้าถึงลูกค้ารุ่นใหม่ได้ง่าย

 

ในยุคที่ธุรกิจร้านอาหารมีลูกค้าลดลง และลูกค้าเองก็มีทางเลือกที่มากขึ้น ผู้ประกอบการจึงต้องทำให้ร้านมีความน่าสนใจเพื่อดึงดูดลูกค้าอยู่เสมอ การ Collaboration ระหว่างธุรกิจอาหารจึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้ธุรกิจนี้มีสีสัน เปลี่ยน คู่แข่งร้านอาหาร มาเป็นพัธมิตรได้ และเพิ่มโอกาสในการเติบโตของธุรกิจมากขึ้น ซึ่งการเลือกพาร์ทเนอร์ก็ต้องศึกษาจากจุดแข็งและจุดอ่อนของทั้งสองฝ่าย ที่จะสามารถมาช่วยเติมเต็มกันได้ และให้ประโยชน์แก่กันทั้งสองฝ่าย

 


             

           กลับมาอีกครั้งกับหลักสูตร HR for Food Business บริหารคน สำหรับธุรกิจอาหาร รุ่นที่ 3 หลักสูตรที่จะทำให้ผู้ประกอบการเรียนรู้การบริหารบุคลากรอย่างมีประสิทธิภาพ ไขข้อข้องใจปัญหาเรื่องพนักงานลาออกบ่อย ขาด ลา มาสาย ทะเลาะกัน การหาพนักงานที่ดี โครงสร้างเงินเดือน สัญญาจ้างงาน รวมถึงกฎหมายเกี่ยวกับแรงงานต่างๆ ที่ต้องรู้ โดยวิทยากร คือ อาจารย์ พีรพัฒน์ กองทอง ผู้มีประสบการณ์จากธุรกิจอาหารเชนใหญ่อย่าง แมคโดนัลด์ ประเทศไทย ที่จะมาพร้อมแขก สุดพิเศษ ร่วมแชร์ประสบการณ์การบริหารจัดการพนักงานในร้าน งานนี้จะจัดขั้นในวันอังคารที่ 31 มีนาคม – วันพุธที่ 1 เมษายน 2563  เวลา 9.00-17.00 น. 

 

คลิกสมัครด่วน! หลักสูตร HR for Food Business บริหารคน สำหรับธุรกิจอาหาร รุ่นที่ 3

HR for Food Business บริหารคน สำหรับธุรกิจอาหาร รุ่นที่ 3

เรื่องแนะนำ

ยอดขายร้านอาหาร

จิตวิทยาการตลาด เพิ่ม ยอดขายร้านอาหาร ด้วย “เทคนิค FOMO”

        ในยุคที่ร้านอาหารถูกบังคับให้ต้องพึ่งพาระบบเดลิเวอรี การตลาดออนไลน์จึงยิ่งมีการแข่งขันสูงขึ้น โดยมีเป้าหมายให้ลูกค้าซื้ออาหารจากร้านของตัวเอง ซึ่งหนึ่งในวิธีที่จะช่วยดึงดูดลูกค้าได้ คือการสร้างโฆษณาที่น่าสนใจ แต่จะทำอย่างไรให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น ลองมาศึกษาหลักจิตวิทยาการตลาด ที่จะช่วยเพิ่ม ยอดขายร้านอาหาร ของคุณด้วยเทคนิค FOMO ครับ หลักจิตวิทยาการตลาด: เทคนิค FOMO  ช่วยเพิ่ม ยอดขายร้านอาหาร         FOMO เป็นคำย่อมาจาก Fear Of Missing Out ซึ่งเป็นกลยุทธ์การตลาดจากทำให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกว่า “ไม่อยากพลาดโอกาส” เช่น กลัวจะไม่ได้รับสิทธิพิเศษที่มีจำกัด ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น เป็นการเลือกจากความรู้สึกในตอนนั้นมากกว่าการใช้เหตุผล และทำให้เกิดความพอใจที่ซื้อได้ทันเวลา รู้สึกคุ้มค่า เหมือนเวลาที่เผลอซื้อสินค้าช่วง Flash Sales แม้จะไม่จำเป็นนั่นแหละ หรือแม้แต่การกด Like เพจที่รวมโปรโมชันอาหารต่างๆ ในเฟสบุ๊ก เพราะไม่มีใครอยากพลาดโอกาสกันหรอกครับ          จะเห็นว่าหลักจิตวิทยาแบบนี้พบได้จริงในชีวิตประจำวัน และเกิดขึ้นได้ในทุกเพศทุกวัย  รวมถึงช่องทางออนไลน์ก็สามารถเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มใหญ่ได้ โดยที่มีค่าใช้จ่ายไม่สูงมากนัก ผู้ประกอบการร้านอาหารในยุคนี้ […]

สร้าง content

สร้างเนื้อหา อย่างไร ให้โดนใจบน Facebook

เมื่อคุณเริ่มลงมือทำเพจ Facebook ร้านอาหารเป็นของตัวเอง นอกจากการใส่ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับร้านอาหารให้ละเอียดชัดเจน เพื่อให้ง่ายต่อการติดต่อแล้ว สิ่งสำคัญลำดับต่อมาก็คือการสร้างสรรค์เนื้อหาในหน้าเพจร้านอาหารให้คนสนใจด้วย

กลยุทธ์การตั้งราคา

กลยุทธ์การตั้งราคา ทำอย่างไร ให้ลูกค้ารู้สึกว่า “คุ้ม”

เคยเข้าร้านแล้วเจอสินค้าที่รู้สึกว่า ถ้าไม่ซื้อจะถือว่าพลาดไหม นั่นเป็นเพราะเจ้าของร้านใช้ กลยุทธ์การตั้งราคา ที่ทำให้รู้สึกว่าคุ้มค่า แม้ต้องเสียเงินเพิ่ม

ถอดบทเรียน ชื่อร้าน “พยางค์เดียว” ตั้งชื่อร้านสั้นๆ จำง่าย แต่ไม่ได้มีแค่ข้อดี

ถอดบทเรียน ชื่อร้าน “พยางค์เดียว” ตั้งชื่อร้านสั้นๆ จำง่าย แต่ไม่ได้มีแค่ข้อดี สังเกตไหมว่าทุกวันนี้ร้านอาหารในไทยมักจะมีการตั้งชื่อสั้น ๆ 1 พยางค์บ้าง 2 พยางค์บ้าง ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นชื่อไทยๆ ที่สามารถสื่อความหมายถึงร้านได้ในพยางค์เดียว เช่น เขียง ฉัน ฉุน ครก คั่ว จุ่มหรือเป็นการใช้คำซ้ำอย่าง เผ็ดเผ็ด เปี๊ยะเปี๊ยะ บ้านบ้าน เป็นต้น แล้วชื่อสั้นๆ แบบนี้ มันดียังไงนะ ทำไมเดี๋ยวนี้เขาฮิตตั้งชื่อร้านสั้นๆ กันจัง ลองมาดูข้อดีของชื่อสั้น ๆ แล้วลองไปตั้งชื่อร้านเก๋ของตัวเองดูกัน! . ข้อดี . จำง่าย . อย่างแรกเลยคือลูกค้ามีแนวโน้มที่จะจำชื่อสั้น ๆ ง่าย ๆ ได้มากกว่า ชื่อที่อ่านยาก เขียนยาก ยิ่งเป็นชื่อที่สั้นและสามารถสื่อถึงความเป็นร้านได้จบในพยางค์เดียว ก็เหมือนกับการปล่อยหมัดฮุคใส่คู่ต่อสู้ ที่อ่านแค่ครั้งเดียวก็จำขึ้นใจ และเห็นภาพร้านได้ชัด . รู้เลยว่าขายอะไร . แต่ละร้านก็จะมีชื่อที่บ่งบอกเอกลักษณ์ความเป็นร้านของตัวเองที่ต่างกันออกไป บ้างก็ตั้งชื่อเพื่อบ่งบอกว่าประเภทอาหารที่ขาย เช่น […]

Follow Me

Contact

เว็บไซต์ : amarinacademy.com
บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน)
Tel : 02-422-9999 ต่อ 4662 หรือ 4669, 092-254-0742
Email : amarin.academy@gmail.com

สนใจลงโฆษณากับเว็บไซต์ Amarin Academy
Tel. 081-664-0666, 091-729-8060
E-mail : sineenart_ya@amarin.co.th

© COPYRIGHT 2023 AMARIN PRINTING AND PUBLISHING PUBLIC COMPANY LIMITED.