Social Media กลายเป็นเครื่องมือที่ผู้ประกอบการร้านอาหาร หรือ ผู้ที่ทำธุรกิจอาหารในปัจจุบันขาดไม่ได้เลย ซึ่ง Social Media ที่ใช้ทำการตลาดนั้นมีมากมายหลายประเภท และที่ร้านนิยมใช้มากหนึ่งในนั้นก็คือ IG หรือ Instagram นั้นเอง
10 เทคนิค ใช้ Instagram ให้ปัง
เพื่อคนทำธุรกิจอาหาร
Instagram หรือ IG แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่เน้นการแชร์รูปภาพและวิดีโอเป็นหลัก ร้านอาหารส่วนใหญ่จึงใช้ช่องทางนี้สำหรับประชาสัมพันธ์ร้าน ด้วยการแชร์ภาพ หรือวิดีโอ ที่เห็นบรรยากาศร้าน และเมนูเด็ดของร้านให้ดูน่ารับประทาน และน่ารีวิว แต่บางครั้งเจ้าของร้านอาจจะรู้ฟังก์ชันการใช้งานInstagram แค่บางฟังก์ชันเท่านั้น แต่ความจริงแล้วยังมีลูกเล่นที่เจ้าของร้านสามารถนำไปใช้ได้อีกมากมาย เรามาดูกันว่ามีเทคนิคอะไรกันบ้าง ที่สามารถช่วยให้ร้านของคุณโดดเด่น และดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาติดตามได้
1.ชื่อโปรไฟล์
การตั้งชื่อโปรไฟล์ เหมือนง่ายแต่การตั้งชื่อโปรไฟล์ที่ดี คือ ชื่อจะต้องสะดุดหู หรือเป็นที่จดจำได้ง่าย กระชับ และสามารถสะท้อนอัตลักษณ์ร้านของคุณได้ดีที่สุด
2. รูปโปรไฟล์
ส่วนของรูปโปรไฟล์นั้น ก็สำคัญไม่น้อยไปกว่าชื่อ เพราะเป็นสิ่งที่ผู้เข้ามาติดตามจะเห็นเป็นอันดับแรกๆ ดังนั้น รูปโปรไลฟ์แนะนำให้ใช้รูปโลโก้ของร้าน ก็เป็นตัวเลือกที่ดี หลีกเลี่ยงภาพเซลฟี่ ภาพหมู่ หรือภาพที่ไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับร้าน
3. ช่องประวัติ และข้อมูลการติดต่อ
รายละเอียดของร้านไม่จำเป็นต้องยาว แต่ควรกระชับและเข้าใจง่าย ผู้ที่ผ่านเข้ามาเข้าใจประเภทธุรกิจของคุณ และไม่ลืมที่จะใส่รายละเอียดของร้าน เช่น ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ เว็บไซต์ หรือลิงก์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับร้านของคุณ หรือจะใส่แฮชแท็กที่เกี่ยวข้องกับร้านก็ได้เช่นกัน
4. คอนเทนต์
เนื้อหาคอนเทนต์บนหน้าฟีดInstagram นั้น เป็นสิ่งสำคัญเลยทีเดียว ที่จะทำให้เกิดการติดตามได้ ดังนั้น ควรเป็นเนื้อหาที่ไปในทิศทางเดียวกัน มีความน่าสนใจ และมีความสม่ำเสมอในการโพส และหลีกเลี่ยงการโพสเนื้อหาที่ไม่เกี่ยวข้องติดต่อกันจนเกินไป ซึ่งอาจทำให้ผู้ติดตามสับสน และเลิกติดตามได้
5. VDO Content
ยุคนี้เชื่อว่าใครๆ ก็ใช้ฟังก์ชัน วิดีโอในการถ่ายคลิปเพื่อโปรโมทร้านของตัวเองแทบทั้งสิ้น ซึ่งสอดคล้องกับผู้บริโภคยุคใหม่ที่ชื่นชอบการดูคลิป ยิ่งถ้าเป็นคลิปเกี่ยวกับธุรกิจร้านอาหาร ก็ยิ่งเพิ่มความน่าสนใจให้กับร้านอย่างมาก และเคล็ดลับในการใช้วิดีโอก็คือ ต้องถ่ายทอดสิ่งที่น่าสนใจให้ได้ภายใน 3 วินาทีแรก ไม่เช่นนั้น คนอาจจะหมดความสนใจและเลื่อนไปดูสิ่งอื่นแทน
6. IG Stories
หรือที่เราเรียกกันสั้นๆว่า IG Stories นั่นเอง ความแตกต่างของ IG Stories ก็คือร้านสามารถสร้างคอนเทนต์ได้แบบเรียลไทม์ ทำให้ดูมีความสมจริงมากขึ้น ซึ่งผู้ติดตามก็สามารถพูดคุย ปฏิสัมพันธ์กับเจ้าของร้านหรือแอดมินร้านได้ รวมถึงแชร์แชร์รีวิวจากลูกค้ามายังสตอรี่ ได้ด้วย
7. Instagram Live
เป็นฟีเจอร์ที่ใช้สำหรับถ่ายทอดสด ซึ่งเจ้าของร้านอาจจะใช้ในการเปิดตัวร้าน หรือแนะนำเมนู สินค้า หรืออาจจะเป็นการสาธิตวิธีการทำเมนูซิกเนเจอร์ของร้านก็ได้ ก็เป็นการเพิ่มความน่าสนใจให้กับลูกค้าที่ติดตาม รวมถึงยังใช้ในการประกาศโปรโมชั่นของร้านก็ได้เช่นกัน
8. IGTV
เครื่องมือที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวของผลิตภัณฑ์ได้ในเวลาที่ยาวนานขึ้น และเป็นช่องทางดึงดูดผู้บริโภคหน้าใหม่ให้ค้นพบแบรนด์ได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังสร้างมาเพื่อให้เหมาะกับการใช้งานโทรศัพท์มือถือ เพราะมีวิดีโอแบบเต็มหน้าจอและอยู่ในแนวตั้ง
9. Direct Message
เป็นอีกหนึ่งช่องทาง ที่ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงร้านได้แบบส่วนตัว ซึ่งก็เป็นประโยชน์กับร้านที่จะบริการได้ตรงความต้องการของลูกค้ามากขึ้น อีกทั้งยังสามารถใช้ฟังก์ชั่น Quick replies เป็นตัวช่วยในการบันทึกคำตอบที่ลูกค้าถามบ่อย เพื่อลดระยะเวลาในการพิมพ์โต้ตอบกับลูกค้าทุกรายด้วย
10. Hashtags
จะพิมพ์ หรือจะโพสอะไร ก็ต้องมีแฮชแท็กเก๋ๆ จริงไหม? แต่จะบอกว่าการติดแฮชแท็กนั้น ไม่ใช่แค่เก๋ๆอย่างเดียว แต่ยังมีประโยชน์กับร้านด้วย ก็คือ แฮชแท็กจะช่วยให้ผู้คนสามารถเข้าถึงเนื้อหาที่เราอยากนำเสนอได้ง่ายขึ้น เพราะสามารถเลือกกดดูแฮชแท็กที่ใกล้เคียงกับความสนใจของแต่ละคนได้ จึงเป็นอีกช่องทางที่ช่วยให้คอนเทนต์ของร้านคุณกระจายถึงผู้ใช้งานที่อาจไม่ได้ติดตามคุณอยู่ได้
ขอบคุณข้อมูล positioningmag
อ่านต่อบทความที่น่าสนใจ
เจ้าของร้านรู้หรือยัง? กฎกระทรวงสาธารณสุข ที่ร้านอาหารต้องทำตาม