QQ dessert ขนมหวานเพื่อสุขภาพ เริ่มจากความชอบสู่ 6 สาขาทั่วกรุงเทพฯ
หลายคนคงชอบกินขนมหวานต่อท้ายมื้ออาหาร แต่พอกินเสร็จแล้วก็จะรู้สึกผิดกับตัวเองทุกครั้งว่า แบบนี้ไม่ดีต่อสุขภาพเอาเสียเลย คงจะดีกว่านี้หากทุกครั้งที่กินขนมจะรู้สึกมีความสุขและสดชื่น นั่นคือโจทย์ที่คุณแป้ง-อัชฌา เจริญรัศมีเกียรติ เจ้าของร้าน QQ dessert ขนมหวานเพื่อสุขภาพ คำนึงถึงเสมอในการทำร้านขนมหวานสูตรดั้งเดิมจากไต้หวัน เพื่อให้ทุกคนได้สัมผัสกับรสชาติหวานน้อย อร่อยหนักของ QQ
จุดเริ่มต้นความอร่อยของร้าน QQ Dessert
เริ่มจากครอบครัวชอบกินขนมหวานทุกชนิด หลังๆ ทุกคนเริ่มหันมาสนใจเรื่องสุขภาพกันมากขึ้น เลยมองหาว่าจะมีขนมอะไรที่กินแล้วไม่รู้สึกผิดต่อร่างกายมากเกินไปนัก จนได้ไปเที่ยวที่ไต้หวันแล้วไปเจอร้านขนมของที่นั่นที่ทุกคนชิมแล้วติดใจ จนกลับไปกินกันบ่อยๆ จนเกิดความคิดว่าเมืองไทยยังไม่มีขนมสไตล์นี้ ซึ่งเป็นขนมหวานสัญชาติไต้หวัน ประกอบไปด้วยเครื่องเคราต่างๆ ที่ให้สัมผัสหนึบหนับเวลาเคี้ยว และเป็นขนมหวานใส่น้ำแข็งเย็นๆ ที่เข้ากับสภาพภูมิอากาศร้อนแบบในบ้านเรา อีกทั้งช่วงนั้น (ปลายปี 2559) เป็นช่วงที่คนไทยให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพกันมาก เราเลยคิดจริงจังที่จะนำเอาขนมหวานสัญชาติไต้หวันนี้มาให้คนไทยได้กินกัน จนเกิดเป็นร้าน QQ Dessert สาขาแรกที่ Central World ขึ้นมา
คำว่า QQ ในภาษาพูดของคนไต้หวันแปลว่า หนึบหนับ เคี้ยวเพลิน ซึ่งความหนึบหนับนี้เองเป็นรสสัมผัสที่คนไต้หวันชอบมากเป็นพิเศษ สำหรับคอนเซ็ปต์ขนมหวานของ QQ เป็นขนมหวานสูตรดั้งเดิม หวานน้อย อร่อยหนัก (Traditional healthy dessert) ในตอนเริ่มต้นของการทำร้านค่อนข้างท้าทายและยาก ที่ท้าทายคือการจะสื่อสารอย่างไรให้คนอยากมาลองกินขนมที่ร้าน เพราะอาหารไต้หวันไม่ได้เป็นที่นิยมมากนักในประเทศไทย ที่รู้จักและคุ้นเคยกันดีก็มีเพียงแค่ชานมไข่มุก แต่จากประสบการณ์ที่เราเคยไปกิน เราค่อนข้างมั่นใจว่าคนอื่นๆ จะต้องชอบขนมแบบนี้เหมือนกัน บวกกับกระแสรักสุขภาพในช่วงนั้น ทำให้เราผ่านช่วงเริ่มต้นไปได้ด้วยดี พอคนเริ่มรับรู้ว่ามีขนมแบบนี้ รสชาติแบบนี้ ได้มาลองชิมเขาก็ติดใจและกลับมาเป็นลูกค้าประจำอีก
สื่อสารชัดเจนถึงความเป็นขนมเพื่อสุขภาพ
จุดเด่นของเราเป็นขนมเพื่อสุขภาพที่ทำรสชาติไม่หวานมาก มีทั้งแบบเย็นและแบบร้อนให้เลือกตามความชอบ เป็นขนมที่กินได้เรื่อยๆ และมีหลากหลายตัวเลือก เมื่อลูกค้าเขาติดใจแล้วก็มักจะกลับมากินเมนูเดิมที่เขาชอบซ้ำๆ หรืออาจมีลองเมนูที่เพิ่งเปิดตัวใหม่กันบ้าง (เพราะอยากลอง และมั่นใจว่าเป็นรสชาติที่คุ้นเคย)
เราชัดเจนในเรื่องของการทำ Branding คือการสื่อสารว่าเป็นขนมเพื่อสุขภาพ นอกจากนี้เรายังมีการให้ความรู้กับลูกค้าถึงส่วนผสมว่า ขนมแต่ละชนิดทำมาจากอะไร มีส่วนผสมใดบ้าง มีประโยชน์อย่างไร เจาะกลุ่มคนที่รักสุขภาพโดยเฉพาะ ผู้สูงวัยก็สามารถกินขนมหวานที่ร้านเราได้อย่างมีความสุข ทำให้กลุ่มเป้าหมายหลักของเราเป็นกลุ่มครอบครัว ตั้งแต่เด็กตัวเล็กๆ ไปจนถึงรุ่นอากง อาม่า โดยคนทั้ง 3 เจเนอเรชันมากินขนมและใช้เวลาร่วมกันที่ร้านนี้ได้
เรื่องที่ต้องเจอเมื่อมีหลายสาขา
ปัจจุบันร้านเรามีอยู่ 6 สาขาทั่วกรุงเทพฯ การบริหารร้านหลายๆ สาขา เรามีระบบครัวกลาง มีผู้จัดการประจำแต่ละสาขา และยังมี Area manager อีกตำแหน่ง ทำให้ควบคุมงานได้อย่างเป็นระบบ เกิดจากความตั้งใจที่ว่าจะมีการขยายสาขา จึงคิดวางแผนเรื่องระบบนี้มาตั้งแต่แรก เพื่อดูแลร้านแต่ละสาขาให้มีมาตรฐานเดียวกัน แต่การที่มีหลายสาขาก็มีปัญหาตามมาเหมือนกัน เรื่องที่หนักจริงๆ คือปัญหาจากภายใน เช่น วัตถุดิบที่นำเข้ามาส่งไม่ทันเวลา ตัวเครื่องที่ใส่ในขนมหวานใช้ไม่ได้ ส่วนปัญหาการจัดคิวแม้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่ก็ทำให้เราหนักใจ เพราะในสาขาที่มีคนมายืนรอแน่นร้าน เราก็อยากให้ลูกค้าได้รับบริการที่รวดเร็ว
โดยเฉพาะช่วงแรกๆ เรื่องคิวค่อนข้างจะมีปัญหา เนื่องมาจากผลตอบรับที่ดีมาก จนเรายังไม่ทันตั้งตัวในการรับมือกับลูกค้าที่หลั่งไหลเข้ามา อย่างไรก็ตามเมื่อเกิดปัญหาขึ้นเราก็เรียนรู้จากสิ่งเหล่านั้น โดยแต่ละปัญหาล้วนมีวิธีแก้ไข ในเมื่อมีคนมายืนรอแน่นหน้าร้านทุกวัน เราก็ใช้วิธีขยายสาขาเพื่อระบายคนให้ไปใช้บริการในสาขาอื่นๆ
มุมมองด้านบวกคือปัจจัยในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ
ปัจจัยในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ จึงขึ้นอยู่กับมุมมองของเจ้าของธุรกิจคนนั้น อย่างที่เรามีความชอบ เมื่อชอบแล้วก็จะมีความใส่ใจในทุกๆ กระบวนการ ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบ คุณภาพ และรสชาติ รวมไปถึงใส่ใจว่าเรากินขนมแบบนี้แล้วรู้สึกสดชื่น รู้สึกสุขภาพดี ทำให้เราอยากสื่อสารออกไปให้คนอื่นๆ ได้รับรู้ ประกอบกับใจที่เราอยากทำอะไรดีๆ ให้กับลูกค้า คงเป็นส่วนสำคัญที่ผลักดันจนเรามีวันนี้ได้
อีกเรื่องหนึ่งคือมุมมองต่อปัญหาที่เกิดขึ้น ปัญหาเมื่อแก้แล้วก็ต้องให้มันจบตรงนั้น ถ้าแก้ไปแล้วแต่ยังไปจมอยู่กับตรงนั้นก็จะกลายเป็นการคิดวนเป็นวงจรเดิม ดังนั้นเราต้องมองไปข้างหน้า แก้ปัญหาให้จบแล้วคิดว่าจะทำอย่างไรต่อให้ดีขึ้น และเรียนรู้ว่าเมื่อเจอกับปัญหาแบบนี้อีกเราจะมีวิธีการรับมือที่ดีอย่างไร
หัวใจสำคัญในการทำธุรกิจ ไม่ว่าเราจะทำธุรกิจใหญ่หรือเล็กขนาดไหน ถ้าหากว่าได้ลองลงมือทำจริงด้วยตัวเอง ได้เห็นผลตอบรับของลูกค้า ก็จะทำให้เราเรียนรู้และแก้ปัญหาได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
บทความที่น่าสนใจ