4 ความลับ ที่เจ้าของ ธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพ ต้องรู้ - Amarin Academy

4 ความลับ ที่เจ้าของ ธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพ ต้องรู้

4 ความลับ ที่เจ้าของ ธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพ ต้องรู้

ในยุคที่เทรนด์สุขภาพมาแรงแบบนี้ ใครคิดจะทำ ธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพ ต้องคิดให้ลึกมากกว่าเดิม เพราะตอนนี้ผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มคนรักสุขภาพ อาจไม่ได้ต้องการเพียงแค่อาหารคลีน ๆ หรืออาหารมังสวิรัติจ๋า ที่มีแต่ผักและผัก หรือธัญพืชนานาชนิดเหมือนเดิมอีกแล้ว แต่ยังมีความต้องการบางอย่างซ่อนอยู่ … ความลับทั้ง 4 ข้อที่ว่านี้ เราจะเปิดเผยให้รู้เอง

1.ไม่ต้องมีแต่ผัก

คนรักสุขภาพ ไม่ได้แปลว่า เป็นคนที่มุ่งมั่นในการกินแต่ผักให้ได้ทุกมื้อเสียเมื่อไหร่ พวกเขายังคง (อยาก) ใช้ชีวิตเป็นปกติ คือ กินอาหารเมนูทั่วไป กินขนมหวานได้ และยังคงไปปาร์ตี้ เพียงแต่ว่า พวกเขาจะพิถีพิถันและใส่ใจกับอาหารที่กินเข้าไปมากกว่าคนทั่วไปเท่านั้น อย่างเช่น เนื้อสัตว์ ก็ต้องเป็นโปรตีนที่ดี เช่นเนื้อไม่ติดมัน อาหารจำพวกแป้งก็จะต้องเป็นแป้งแบบไม่ขัดสี ของหวานก็จะต้องเป็นของหวานที่ไม่หวานจนเกินไป หรืออาจใช้วัตถุอื่นแทนน้ำตาล หรือแม้แต่ตอนจะแฮงค์เอาท์ ก็ต้องเลือกเบียร์แคลอรี่ต่ำๆ เข้าไว้ พูดง่ายๆ ว่า อะไรที่กินเข้าไปแล้วช่วยทำให้อุ่นใจได้ว่าจะไม่ทำร้ายสุขภาพและความงาม คือสิ่งที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนกลุ่มนี้ได้ดีที่สุด

ธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพ

2.สดและเร็ว

ในยุคนี้คนรุ่นใหม่เริ่มหันมารับประทานอาหารสดใหม่กันมากขึ้น สดในที่นี้ส่วนใหญ่ก็คืออาหารที่ทำจากผลไม้สด ผักสด ซึ่งไม่ผ่านกระบวนการปรุงแต่งทางเคมี หรือไม่ก็เป็นอาหารที่ปรุงใหม่ๆ แบบมื้อต่อมื้อ ไม่ใช่อาหารสำเร็จรูป หรืออาหารแช่แข็งที่ต้องนำมาอุ่นก่อนรับประทาน ขณะเดียวกัน เมนูอาหารที่พวกเขาเลือก ก็ต้องสะดวกต่อการกิน ไม่ต้องเสียเวลาในการเตรียมหรือทำนานๆ ด้วย

3.แบรนด์ต้องดี

นอกจากกลุ่มคนรักสุขภาพจะเลือกอาหารที่สด สะอาด ปลอดภัย และถูกปากแล้ว พวกเขายังมีแนวโน้มว่าจะสนับสนุนแบรนด์อาหารที่ดีด้วยเช่นกัน ซึ่ง “ ดี ” ในที่นี้หมายถึง การที่แบรนด์มีภาพลักษณ์ที่ดี ทำประโยชน์ต่าง ๆ เพื่อสังคม หรือสร้างคุณค่าอะไรบางอย่าง ที่มากกว่าแค่ผลิตอาหาร  เช่น นำวัตถุดิบจากท้องถิ่นมาใช้ในเมนู มีรูปแบบการขายที่ช่วยส่งเสริมให้เกษตรกรไม่จำเป็นต้องพึ่งพาพ่อค้าคนกลาง หักรายได้ส่วนหนึ่งไปช่วยเหลือในงานการกุศล หรือใช้หีบห่อบรรจุภัณฑ์ที่มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

4.เทคโนโลยีรองรับ

คนรุ่นใหม่หลายคนหันมาใช้แอพพลิเคชั่นในการคำนวณแคลอรี่อาหาร หลายแอพพลิเคชั่นสามารถบอกผู้ใช้ได้ว่า มีอาหารอะไรบ้างที่ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญในร่างกาย ผักสีเขียวชนิดใดที่รับประทานเข้าไปแล้วมีประโยชน์ต่อเรื่องน้ำหนัก บางแอพสามารถแนะนำเซ็ทเมนูอาหารเพื่อการควบคุมน้ำหนักได้ด้วย นั่นแปลว่า แนวโน้มที่ผู้บริโภคจะเลือกกินอาหารหรือเลือกบริโภควัตถุดิบที่แอพพลิเคชั่นแนะนำก็มีสูง ดังนั้นเจ้าของธุรกิจจึงต้องคอยอัพเดทและหาข้อมูลบ่อยๆ ว่าจะสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ออกแบบเมนูอาหารในร้านเราได้อย่างไร

กลุ่มคนรักสุขภาพแม้จะยังไม่ใช่คนกลุ่มใหญ่ในสังคม แต่หากเจ้าของกิจการสามารถอ่านใจคนกลุ่มนี้ได้ขาด ว่าแท้จริงแล้วพวกเขาต้องการอะไร ก็รับประกันได้เลยว่า กำไรอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน

เรื่องแนะนำ

คู่แข่งร้านอาหาร

Marketing Collaboration สร้างพันธมิตรจาก คู่แข่งร้านอาหาร

“Marketing Collaboration”  สร้างพันธมิตรจาก คู่แข่งร้านอาหาร ในช่วงหลายปีมานี้ ถือเป็นยุคแห่งการ Collaboration หรือการจับมือกันของธุรกิจอาหาร เราจะเห็นหลาย ๆ แบรนด์สร้างสินค้าหรือโปรโมชั่นใหม่ร่วมกัน ทำให้เกิดความแปลกใหม่ในวงการธุรกิจอาหารมากยิ่งขึ้น เป็นการสร้างพันธมิตรจาก คู่แข่งร้านอาหาร ซึ่งการร่วมมือกันระหว่างธุรกิจอาหารนี้ มีประโยชน์มากมาย ดังนี้ สร้างความน่าสนใจและให้ประสบการณ์ใหม่ๆ กับผู้บริโภค ปลุกกระแสทางการตลาดให้เป็นไวรัล และได้รับการพูดถึงในวงกว้าง แลกเปลี่ยนกลุ่มลูกค้าระหว่างแบรนด์ ขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ ลดการแข่งขัน และเพิ่มพันธมิตรทางการค้า ทำให้แบรนด์ดูทันสมัย และเข้าถึงกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่มากขึ้น ใช้จุดแข็งของพาร์นเนอร์มาชดเชยจุดอ่อนของแบรนด์ตัวเอง   เหล่านี้ถือเป็นกลยุทธ์ที่กำลังมาแรงทีเดียว กับการสร้างพันธมิตรจาก คู่แข่งร้านอาหาร เราลองมาดูตัวอย่างความร่วมมือในธุรกิจอาหารที่น่าสนใจกัน ว่ามีแบรนด์ไหน จับมือกับแบรนด์ไหนบ้าง   4 Case Study: เปลี่ยนคู่แข่งเป็นคู่ค้าร้านอาหาร Bar B Q Plaza X Pizza Hut ในปีที่ผ่านมา บาร์บีคิวพลาซ่าและพิซซ่าฮัท ได้จัดแคมเปญและออกเมนูฟิวชั่นร่วมกัน โดยทางร้านบาร์บีคิวพลาซ่าจะมีเมนูหมูที่เสิร์ฟแบบใหม่บนถาดพิซซ่า เครื่องเคียงแบบพิซซ่าและน้ำจิ้มใหม่ ส่วนร้านพิซซ่าฮัท ก็มีพิซซ่าหน้าหมูบาร์บิกอนในซอสใหม่ เป็นการรวมจุดเด่นของทั้งสองแบรนด์เข้าด้วยกัน สร้างความตื่นเต้นแก่ลูกค้า และเกิดเป็นกระแสในโซเชียลมีเดียในช่วงนั้นได้  […]

กลยุทธ์การตั้งราคา

กลยุทธ์การตั้งราคา ทำอย่างไร ให้ลูกค้ารู้สึกว่า “คุ้ม”

เคยเข้าร้านแล้วเจอสินค้าที่รู้สึกว่า ถ้าไม่ซื้อจะถือว่าพลาดไหม นั่นเป็นเพราะเจ้าของร้านใช้ กลยุทธ์การตั้งราคา ที่ทำให้รู้สึกว่าคุ้มค่า แม้ต้องเสียเงินเพิ่ม

เจาะลึก พฤติกรรมผู้บริโภค “รุ่นใหม่” เป็นอย่างไรไปดูกัน

สำหรับใครที่วางกลุ่มเป้าหมายของร้านอาหารเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ ควรอ่านบทความนี้ด่วน เพราะเราได้สรุป พฤติกรรมผู้บริโภค ของคนกลุ่มนี้เอาไว้แล้ว

สังคมผู้สูงอายุ

เจาะโอกาสทอง! ร้านอาหารในยุค Aging Society ( สังคมผู้สูงอายุ )

ประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่ สังคมผู้สูงอายุ หรือ Aging Society และในปี 2564 ประเทศไทยจะมีประชากรผู้สูงอายุ 20 % หรือมากกว่า 13 ล้านคน ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มใหญ่ และยังมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆอีกด้วย ซึ่งผู้ประกอบการธุรกิจอาหารไม่ควรมองข้าม ลูกค้ากลุ่มนี้ เพราะอาจเป็นโอกาสทองสำหรับธุรกิจอาหารของคุณในอนาคตก็เป็นได้ แล้วเพราะอะไรจึงต้องให้ความสำคัญ และหันมาเจาะตลาดลูกค้ากลุ่มผู้สูงอายุ   เจาะโอกาสทอง! ร้านอาหารยุค Aging Society ( สังคมผู้สูงอายุ ) มีกำลังซื้อสูง เนื่องจากมีสถานะทางการเงินที่ดีกว่ากลุ่มอายุอื่น และพร้อมที่จะจ่ายเพื่อให้ได้สิ่งที่มีคุณภาพ นอกจากนี้ ผู้สูงอายุในปัจจุบันยังมีการซื้อสินค้าทั้งออนไลน์และออฟไลน์มากขึ้น โดยเฉพาะการซื้อสินค้าที่เกี่ยวกับสุขภาพ มีช่องว่างทางการตลาด คู่แข่งน้อย สิ่งที่กลุ่มผู้สูงวัยต้องการเป็นอันดับ 1 คือร้านอาหารที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับให้บริการผู้สูงอายุ เช่น บริการเรื่องรถเข็น หรือการเดินของผู้สูงอายุให้มีความสะดวก ซึ่งในปัจจุบันร้านที่ตอบโจทย์สิ่งนี้ยังมีไม่มากนัก Brand Loyalty ลูกค้ากลุ่มนี้มีโอกาสในการเป็นลูกค้าประจำสูง เนื่องจากผู้สูงอายุมีความผูกพันกับร้านอาหารที่ตัวเองรู้สึกชอบมากกว่าลูกค้าในวัยอื่นๆ ซึ่งอาจจะทำให้ร้านได้ฐานลูกค้าที่กลับมาซื้อซ้ำสูงขึ้นมาก กลุ่มลูกค้าที่ได้กลับมาไม่ใช่แค่ผู้สูงอายุ แต่ยังรวมถึงลูกหลานที่พาครอบครัวมารับประทานอาหารในโอกาสต่างๆ หรือซื้อเพื่อนำกลับไปฝากผู้ใหญ่ที่บ้านด้วย สิ่งที่ต้องคำนึง ในการเปิดร้านอาหารเพื่อเจาะตลาดกลุ่มผู้สูงอายุ มี 3 […]

Follow Me

Contact

เว็บไซต์ : amarinacademy.com
บริษัท เอเอ็มอี อิมเมจิเนทีฟ จำกัด
ในเครือ บริษัท อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน)
Tel : 02-422-9999 ต่อ 4662 หรือ 4669, 092-254-0742
Email : amarin.academy@gmail.com

ติดต่อแจ้งปัญหาหรือร้องเรียน
02-422-9999 ต่อ 4180
(จันทร์ – ศุกร์ เวลา 09.00 – 18.00 น)
bdcx@amarin.co.th

สนใจลงโฆษณากับเว็บไซต์ Amarin Academy
Tel. 081-664-0666, 091-729-8060
E-mail : sineenart_ya@amarin.co.th

© COPYRIGHT 2025 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.