4 สิ่งที่ควรเช็ค ก่อนตัดสินใจ จ้างเชฟ - Amarin Academy

4 สิ่งที่ควรเช็ค ก่อนตัดสินใจ จ้างเชฟ

4 สิ่งที่ควรเช็คก่อนตัดสินใจ จ้างเชฟ

“ความอร่อยไม่ใช่จุดขาย แต่เป็นมาตรฐานต่ำสุด ที่ร้านอาหารพึงต้องทำให้ลูกค้า” นี่คือประโยคเด็ดของคุณต่อ ธนพงศ์ วงศ์ชินศรี เจ้าของร้าน Penguin eat shabu ฉะนั้นก่อนเปิดร้านสิ่งที่เราต้องคิดให้หนัก คือการ จ้างเชฟ เพราะตำแหน่งนี้คือ คนสำคัญที่จะสร้าง “มาตรฐานต่ำสุด” ให้ร้านอาหารของเรา อย่างนั้นมาดูกันดีกว่าว่า ก่อนจ้างเชฟเราต้องเช็คอะไรบ้าง

1.เช็คโซเชียล

ทุกวันนี้โซเชียลมีเดียถือเป็นช่องทางหนึ่งในการเช็คข้อมูลเกี่ยวกับคนที่เราอยากรู้จัก (ไม่ใช่เอาไว้แอบส่องสาวๆ หรือหนุ่มๆ เพียงอย่างเดียวนะครับ) แม้อาจจะไม่ใช่ข้อมูลที่เป็นทางการนัก แต่ก็ถือว่าครอบคลุมสิ่งที่เราอยากรู้ได้ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว ทั้งประวัติการทำงาน ความสนใจ ไลฟ์สไตล์ แถมบางครั้งคุณอาจจะได้รับรู้ข้อมูลที่ตอนสัมภาษณ์เขาไม่เคยพูดอีกด้วย

อาจเริ่มจากการดูภาพถ่ายที่เขาอัพโหลดไว้ว่าสนใจเรื่องใดเป็นพิเศษ อ่านสเตตัสย้อนหลังว่าเขาแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องราวต่างๆ อย่างไร เพราะสิ่งเหล่านี้บอกได้ว่าบุคลิก ลักษณะ หรือนิสัยใจคอของเขาเป็นอย่างไร (หากเขาตั้งเสตัสตัสแสดงอาการ “หัวร้อน” บ่อยๆ ก็คงไม่ดีต่องานสักเท่าไรนัก

ฉะนั้นเจ้าของธุรกิจอาจเริ่มศึกษาข้อมูลส่วนตัวของเชฟที่เราสนใจ หรือเชฟมาสมัครงานจากโซเชียลมีเดียก่อนว่า ประวัติการทำงานหรือบุคลิกของเขาตรงกับความต้องการของเราหรือเปล่า

2.ซักประวัติเสียหน่อย

บางครั้ง Resume เพียงแผ่นเดียวอาจบอกอะไรได้ไม่มากนัก ทางที่ดีลองให้เขาเล่าประวัติการทำงาน ความสนใจ ความถนัดให้ฟังเสียหน่อย โดยคำถามพื้นฐานที่ควรสอบถาม เช่น

1.เมนูที่ดีที่สุดที่คุณเคยทำคืออะไร
2.เชฟคนไหนที่ถือว่าเป็นไอดอลของคุณ แล้วคุณเรียนรู้อะไรจากเขามาบ้าง
3.สิ่งที่คุณถนัดที่สุดคืออะไร
4.คุณมีวิธีในการควบคุมรายจ่ายในครัวอย่างไร
5.ถ้าตอนนี้คุณกำลังจะกินอาหารมื้อสุดท้าย คุณอยากให้ใครทำอาหารให้คุณกิน

ฯลฯ

คำถามเหล่านี้จะช่วยให้คุณวิเคราะห์ในเบื้องต้นได้ว่า เชฟของคุณมีทัศนคติ พฤติกรรม บุคลิกภาพและวิธีการทำงานอย่างไร เพื่อนำประกอบการตัดสินใจ เพราะหากร้านอาหารของคุณมีเชฟมือฉมัง โอกาสที่จะประสบความสำเร็จก็สูงตามไปด้วย

3.วัดทักษะด้านการทำธุรกิจ

ทำอาหารเป็น ไม่ได้หมายถึง ทำร้านอาหารได้ แน่นอนว่าเชฟทุกคนทำอาหารได้ แต่มีเชฟเพียงบางคนเท่านั้นที่สามารถนำพาร้านอาหารให้ประสบความสำเร็จและมีกำไร

ขณะสัมภาษณ์คุณควรให้เขาลองวาง Concept เมนูให้ดูเป็นตัวอย่างสักหน่อย โดยคุณต้องอธิบายแนวคิดของร้านให้ชัดเจน เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการออกแบบเมนูให้ตรงตามความต้องการมากที่สุด

จากนั้นลองโยนโจทย์ให้เขาคิดคำนวณต้นทุนอาหาร โดยอาจยกตัวอย่างเมนูง่ายๆ และให้เขาคำนวณต้นทุนวัตถุดิบของเมนูนั้น

ขณะเดียวกันระหว่างที่คุณมอบหมายงาน อย่าลืมสังเกตปฏิกิริยาว่าเขารู้สึกอย่างไรกับการทำงานนี้ หากเขาตกใจ นั่นแปลว่าเขาอาจไม่เคยคำนวณต้นทุนมาก่อนเลย

การสัมภาษณ์งานอย่างนี้อาจจะดูโหดร้ายสำหรับเชฟไปสักหน่อย แต่มันส่งผลดีต่อร้านคุณในอนาคตแน่นอน เพราะการคำนวณต้นทุนจะส่งผลต่อการควบคุมปริมาณวัตถุดิบและรายจ่ายในครัว (ซึ่งเป็นรายจ่ายหลักของร้าน) หากกุนซือใหญ่ ไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย ร้านของคุณต้องมีปัญหาแน่ๆ

หากเชฟไม่สามารถทำกำไรให้ร้านคุณได้ แม้เขาจะทำอาหารได้อร่อยขนาดไหนก็ไม่มีประโยชน์

4.เช็ครสชาติและวิธีการทำอาหาร

สิ่งสุดท้าย (แต่ไม่ท้ายสุด) ที่ควรทำ คือการเช็ครสชาติอาหารที่เขาทำว่าได้มาตรฐานหรือเปล่า โดยหลังจากการสัมภาษณ์ เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะให้เชฟลองทำอาหารให้คุณลิ้มลอง

ทั้งนี้ก่อนเขาจะเริ่มทำอาหาร ลองพูดกับเขาว่า “หากคุณได้งานนี้ จงจำรสชาติและวิธีการทำเอานี้ไว้เสมอ และนำไปทำให้ลูกค้าคนอื่นๆ ได้กิน เพราะอาหารจานนี้คือจานที่คุณใส่ใจกับมันมากที่สุด เนื่องจากคุณอมีโอกาสพิสูจน์ตัวเองได้เพียงครั้งเดียว ฉะนั้นขอให้จำวันนี้เอาไว้ เพราะคุณก็มีโอกาสพิสูจน์ตัวเองกับลูกค้าครั้งเดียวเช่นกัน”

จากนั้นจึงปล่อยให้เขาเริ่มลงมือทำอาหาร พร้อมสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด เช่น สอบถามถึงขั้นตอนการทำอาหาร เทคนิคต่างๆ ถามถึงปริมาณส่วนผสม พร้อมทำท่าประเมินเขาไปด้วย สาเหตุที่ต้องทำเช่นนี้ เพราะต้องการให้เขาอยู่ในสภาวะกดดันที่สุด เพื่อดูว่าเขามีวิธีรับมือกับความกดดันอย่างไร

หากเขายังคงดูผ่อนคลายและทำงานไปตามปกติ สามารถสั่งงานพนักงานคนอื่นๆ ได้ ทำงานสะอาดเรียบร้อย และรสชาติอาหารออกมาดี ก็ถือว่าเชฟคนนี้น่าจะมีวุฒิภาวะสามารถรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันต่างๆ ได้

พอจะทราบแล้วใช่ไหมว่าการเลือกเชฟนั้น ทดสอบแค่รสชาติอาหารอย่างเดียวนั้นไม่พอ ต้องทดสอบด้านทัศนคติและอารมณ์ด้วย เพราะสิ่งเหล่านี้ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ร้านของคุณดำเนินงานได้อย่างราบรื่น ดังนั้นก่อนเลือกเชฟอย่าลืมเช็คตาม 4 ข้อนี้นะครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก pos.toasttab.com

เรื่องแนะนำ

โครงสร้างต้นทุนร้านอาหาร

โครงสร้างต้นทุนร้านอาหาร จะเปิดร้านต้องรู้!

สถิติจาก Wongnai รายงานว่า ในบรรดาร้านอาหารที่เปิดหลังปี 2660 มีเพียง 10% เท่านั้นที่อยู่รอด  ซึ่งปัญหาที่ทำให้ร้านอาหารส่วนใหญ่ไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ เป็นเพราะไม่ได้มีการวางแผนธุรกิจมาก่อน หรือศึกษากลุ่มลูกค้าในตลาดไม่ดีพอ และปัญหาสำคัญที่พบมากที่สุดจนทำให้ร้านต้องปิดกิจการลงนั้น คือการบริหารต้นทุนที่ผิดพลาด คุมต้นทุนไม่อยู่ บางร้านแม้จะขายดีแต่ก็ไม่มีกำไร ดังนั้น เจ้าของร้านควรจะต้องรู้จัก โครงสร้างต้นทุนร้านอาหาร ถ้าไม่อยากเจ๊ง   โครงสร้างต้นทุนร้านอาหาร จะเปิดร้านต้องรู้! สิ่งจำเป็นที่คนจะเปิดร้านอาหารต้องรู้ ก็คือเรื่องของ โครงสร้างต้นทุนร้านอาหาร สิ่งนี้จะเป็นตัวแนะแนวทางว่า ในการจะเปิดร้านอาหาร คุณควรลงทุนกับอะไรบ้าง มีต้นทุนในส่วนไหนที่ต้องรู้ และจะต้องวางแผนอย่างไรก่อนที่จะเปิดร้านอาหาร  เบื้องต้นเราสามารถกำหนดโครงสร้างต้นทุนร้านอาหารได้เป็น 4 ส่วนหลักๆ ดังนี้ ต้นทุนวัตถุดิบ (Food Cost) ค่าวัตถุดิบอาหาร รวมไปถึงค่าบรรจุภัณฑ์ ถือเป็นค่าใช้จ่ายหลักของร้านอาหาร เจ้าของร้านควรจะใส่ใจและควบคุมต้นทุนส่วนนี้ให้ดี โดยต้นทุนวัตถุดิบจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับประเภทของร้าน ถ้าเป็นร้านทั่วไปจะอยู่ที่ 25-30% แต่ร้านอาหารประเภทบุฟเฟ่ต์ อาจมีต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้นเป็น 45-50% ซึ่งทางร้านอาจจะต้องชดเชยด้วยการลดต้นทุนด้านอื่น เช่น ต้นทุนแรงงาน โดยให้ลูกค้าบริการตัวเองเป็นส่วนใหญ่ เพื่อให้ได้กำไรในอัตราที่เหมาะสม หรือใช้วิธีการควบคุมต้นทุนในส่วนอื่นๆ ตามความเหมาะสมของแต่ละร้าน   […]

5 ปัจจัยต้องมี อยากเปิดร้านเบเกอรี เพราะทำขนมเป็นอย่างเดียวอาจไม่พอ

เคล็ดลับร้านอาหาร 5 ปัจจัย ที่ต้องมีหากอยากเปิด ร้านเบเกอรี ทำขนมเป็นอย่างเดียวอาจไม่พอสำหรับเปิดร้าน ต้องยอมรับว่ามีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ฝันอยากจะมี ร้านเบเกอรี เป็นของตัวเอง ด้วยภาพจำที่ดูสวยงาม ได้ทำขนมสวย ๆ ในร้านที่ดูน่ารักอบอุ่น หญิงสาวยืนปาดเค้กอยู่ในครัวอย่างน่าทะนุถนอม แต่จริง ๆ แล้ว แทบจะไม่ใช่แบบนั้นเลย เพราะการทำ เบเกอรี ไม่ใช่สิ่งที่ใคร ๆ ก็ทำได้ และไม่ใช่งานง่าย ๆ หากใครคิดว่าแค่ทำขนมเป็นก็ทำได้ ก็ขอให้คิดใหม่ เพราะนั่นเป็นแค่ส่วนหนึ่งในการทำ ร้านเบเกอรีเท่านั้น พอมาถึงตรงนี้หลายคนก็อาจจะเกิดคำถามว่า อ้าว แล้วถ้าอยากเปิด ร้านเบเกอรี ต้องมีอะไรบ้างล่ะ ? มาดูกัน! ใจรัก การทำเบเกอรี่ไม่ใช่งานง่าย ๆ สบาย ๆ อย่างที่หลายคนคิด ผู้ที่คิดจะเปิดร้านจึงต้องมีใจรักจริง ๆ นอกจากนี้ยังต้องอึด ถึกทน และมีความพยายามสูง ซึ่งผู้ประกอบการร้านเบเกอรี่หลายคนก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าการทำเบเกอรี่เหนื่อย เพราะชีวิตส่วนใหญ่ก็ต้องอยู่ในครัว นั่งบีบครีมหลังขดหลังแข็ง อดหลับอดนอน ไม่ได้หอมหวานเหมือนหน้าตาขนมหรอกแต่ที่ทำก็เพราะใจรักล้วน ๆ ความรู้เฉพาะ ธุรกิจเกี่ยวกับเบเกอรี่เป็นธุรกิจที่ต้องอาศัยองค์ความรู้เฉพาะ […]

Operation Setup วางระบบร้านอาหารไม่ยากอย่างที่คิด

รู้ว่ากำลังทำร้านอาหารประเภทไหน             ร้านอาหารแต่ละประเภท มีลักษณะที่ต่างกัน การวางระบบก็มีความแตกต่างกันด้วย ก่อนที่จะเริ่มต้นวางระบบร้านอาหารจึงต้องรู้ว่าร้านอาหารของเรามีรูปแบบการบริการแบบไหน ยกตัวอย่าง ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดไม่เน้นการบริการ แต่เน้นที่ความรวดเร็ว ร้านอาหารภัตตาคารเน้นการบริการที่มีมาตรฐานแบบ Table Service ประเภทของร้านอาหารจะสัมพันธ์กับการวางโครงสร้างต้นทุน โครงสร้างทีมงานร้านอาหาร และระบบงานครัว อย่างไรก็ดี ร้านอาหารลักษณะเดียวกันก็ไม่จำเป็นต้องมีระบบร้านที่เหมือนกันเสมอไป ขึ้นอยู่กับว่า เป้าหมายและจุดขายที่แตกต่างกันของแต่ละร้านด้วย คลิกอ่าน เทคนิควางระบบร้านอาหาร 5 ประเภท Click link การวางโครงสร้างงาน             ลำดับต่อมา คือการวางโครงสร้างงานร้านอาหาร ซึ่งจะเป็นการวางรูปแบบการทำงานของทีมงานร้านอาหาร ที่สามารถแบ่งง่าย ๆ เป็น 3 ส่วน คือทีมงานบริหาร มีหน้าที่ในการกำหนดนโยบายทิศทาง ซึ่งประกอบไปด้วย เป็นเจ้าของ หุ้นส่วน ลูกจ้างบริหารระดับสูง  ทีมงานเบื้องหน้า ได้แก่ทีมที่ให้บริการหน้าร้าน ตั้งแต่ ฝ่ายต้อนรับ ผู้จัดการร้าน พนักงานเสิร์ฟ ทีมงานเบื้องหลัง ได้แก่ ทีมงานการผลิต ทีมครัว และทีมสนับสนุนดูแลระบบ เป็นต้น การวางโครงสร้างงานเป็นการกำหนดกำลังคน ขอบเขตในการทำงาน […]

“กะหล่ำผัดน้ำปลา” หรือ “กะหล่ำทอดน้ำปลา” คือเมนูเดียวกันไหม?

“กะหล่ำผัดน้ำปลา” หรือ “กะหล่ำทอดน้ำปลา” เมนูคิดไม่ตก ทั้งร้านและลูกค้า สั่งอันนี้ได้อีกอย่าง ตกลงเมนูเดียวกันไหม? “กะหล่ำผัดน้ำปลา” หรือ “กะหล่ำทอดน้ำปลา” เมนูเดียวกันหรือเปล่า? เป็นเมนูที่ค่อนข้างสร้างความสับสนให้กับทั้งคนกิน คนขาย เป็นอย่างมากกับเมนู “กะหล่ำผัดน้ำปลา” และ “กะหล่ำทอดน้ำปลา” ที่บางทีก็ทำให้เกิดความเข้าใจที่ไม่ตรงกันระหว่างลูกค้าและร้านได้ เมื่อเมนูนี้มาเสิร์ฟ ซึ่งล่าสุดก็ได้มีผู้ใช้ทวิตเตอร์คนหนึ่งได้มาทวีตภาพเปรียบเทียบให้เห็นชัด ๆ ว่าจริง ๆ แล้ว 2 เมนูนี้ คือคนละเมนูกัน! โดยผู้ใช้ทวิตเตอร์รายนี้ได้ทวีตรูป 2 เมนูที่เป็นประเด็นพร้อมข้อความว่า “เทียบให้เห็นภาพ ซ้าย กะหล่ำ “ผัดน้ำปลา” ขวา กะหล่ำ “ทอดน้ำปลา” ที่เรามีปัญหาเพราะร้านอาหารส่วนมากจะเขียนลงเมนูว่า กะหล่ำทอดน้ำปลา แต่ทำออกมาหน้าตาแบบกะหล่ำผัด กะหล่ำผัดน้ำปลาจะน้ำเจิ่งนอง ผัดนิ่ม กะหล่ำทอดน้ำปลาจะแห้ง น้ำมันเคลือบผิวกะหล่ำ เกรียม ๆ น้ำปลาไหม้ ต่างอย่างเห็นได้ชัด” 🔸ความเห็นชาวเน็ต💬 ซึ่งหลังจากที่โพสต์นี้ออกไปก็ได้มีผู้ใช้ทวิตเตอร์ต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นแชร์ประสบการณ์ของตนเองด้วยเหมือนกัน เช่น 🗣💬 “เคยทำให้แฟนกินครั้งนึง เราทำออกมาแบบขวา ผช.บอกทำกับข้าวแค่นี้ก็ไหม้ […]

Follow Me

Contact

เว็บไซต์ : amarinacademy.com
บริษัท เอเอ็มอี อิมเมจิเนทีฟ จำกัด
ในเครือ บริษัท อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน)
Tel : 02-422-9999 ต่อ 4662 หรือ 4669, 092-254-0742
Email : amarin.academy@gmail.com

ติดต่อแจ้งปัญหาหรือร้องเรียน
02-422-9999 ต่อ 4180
(จันทร์ – ศุกร์ เวลา 09.00 – 18.00 น)
bdcx@amarin.co.th

สนใจลงโฆษณากับเว็บไซต์ Amarin Academy
Tel. 081-664-0666, 091-729-8060
E-mail : sineenart_ya@amarin.co.th

© COPYRIGHT 2024 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.