วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า ในสังคม New normal หลังวิกฤตโควิด - Amarin academy

วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า ในสังคม New normal หลังวิกฤตโควิด

        การระบาดของโควิด-19 ทำให้การใช้ชีวิตของทุกคนเปลี่ยนไปในระยะเวลาอันสั้น เมื่อต้นปีใครจะเชื่อ ถ้าบอกว่าประเทศไทยจะต้องปิดรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ หลายบริษัทจะยอมให้พนักงาน Work from home หรือร้านอาหารจะต้องหันมาขายผ่านเดลิเวอรี ทำการตลาดออนไลน์แข่งกันแบบทุกวันนี้
        ทุกอย่างนี้มีการระบาดของไวรัสมา Disrupt หรือเป็นตัวเร่งให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น และแม้ว่าโรคนี้จะสามารถควบคุมได้แล้ว พฤติกรรมบางอย่างของผู้บริโภคก็จะต้องเปลี่ยนไปแน่นอน เรียกได้ว่าเกิดเป็นพฤติกรรมปกติในรูปแบบใหม่ หรือที่เรียกว่า “New Normal” นั่นเอง

พฤติกรรมลูกค้าในสังคม New normal 

        พฤติกรรมเบื้องต้นของคนไทยที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน คือความร่วมมือกันดูแลสุขอนามัยของตัวเองและคนรอบข้าง เช่น การใส่หน้ากากอนามัยออกจากบ้านตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการออกไปทำงาน ซื้อของกินของใช้ต่างๆ ใช้แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้ออย่างสม่ำเสมอ ส่วนของผู้ให้บริการตามบริษัท ร้านสะดวกซื้อ ธนาคาร หรือสถานที่ต่างๆ ก็มีการวัดอุณหภูมิผู้ที่มาใช้บริการ และมีเจลแอลกอฮอล์ให้ล้างมือ หรือแม้แต่บริษัทอนุญาติให้พนักงานลา หรือ ทำงานที่บ้านทันทีเมื่อมีอาการป่วย เช่น มีไข้ ไอ จาม ที่ดูเป็นแค่อาการเล็กน้อยในภาวะปกติ 

New normal
        นอกจากนี้ พฤติกรรมของผู้บริโภคเกี่ยวกับสินค้าอาหารก็เปลี่ยนแปลงไปมากเช่นกัน โดยการรับประทานอาหารนอกบ้านลดลงอย่างชัดเจน ถึงแม้ต่อจากนี้รัฐบาลจะประกาศให้เปิดหน้าร้าน แต่ลูกค้าบางส่วนก็อาจจะยังคงกังวลต่อสุขอนามัยและไม่กล้ามาใช้บริการร้านอาหาร

        หลายคนเป็นห่วงว่าร้านอาหาร หรือห้างสรรพสินค้าจะไม่มีผู้มาใช้บริการ เพราะผู้บริโภคเคยชินกับการใช้บริการเดลิเวอรี หรือธุรกิจต่างๆ ผ่านทางออนไลน์แล้ว แต่ความเป็นจริงแล้วร้านอาหารเป็นธุรกิจบริการอย่างหนึ่ง การนั่งทานอาหารในบ้านและนอกบ้านนั้นให้ประสบการณ์ที่แตกต่างกัน และไม่สามารถทดแทนกันได้ รวมถึงมนุษย์เป็นสัตว์สังคม การได้ออกมาทำกิจกรรม พบเจอผู้คนนอกบ้านเป็นสิ่งที่เราโหยหามากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อต้องกักตัวอยู่แต่ในบ้านเป็นระยะเวลานาน

        ดังนั้น พฤติกรรมของผู้คนอาจไม่ได้เปลี่ยนโดยสิ้นเชิง ผู้บริโภคก็ยังคงต้องการเข้าร้านอาหาร หรือห้างสรรพสินค้าอยู่ แต่อาจจะไม่สามารถเทียบกับภาวะก่อนวิกฤตได้ และด้วยการแข่งขันที่สูงมากในธุรกิจร้านอาหาร ผู้ประกอบการร้านอาหารจะต้องติดตามเทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปให้ทัน และวางแผนปรับกลยุทธ์ธุรกิจให้เหมาะสม โดยพฤติกรรมการใช้บริการร้านอาหารใน New Normal ที่น่าสนใจ ได้แก่


New normal

  • เทรนด์อาหารสุขภาพ (Healthy Food)

        ผู้สูงวัยและผู้ที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงในการติดเชื้อไวรัส รวมถึงการเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ พฤติกรรมการกินเป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดโรค เช่น โรคเบาหวาน โรคไต ความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ ดังนั้น นอกจากผู้บริโภคจะใส่ใจกับสุขอนามัยของอาหารมากขึ้นแล้ว ยังมีแนวโน้มที่จะเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้นอีกด้วย โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่คํานึงถึงคุณค่าทางโภชนาการเป็นอันดับแรก รวมถึงอาหารที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันก็เป็นที่ต้องการมากขึ้น เพื่อรักษาสุขภาพตนเองไม่ให้ติดเชื้อได้ง่าย 

        ประโยชน์อีกด้านของอาหารสุขภาพ คือช่วยควบคุมน้ำหนักสำหรับคนที่ดูแลรูปร่าง ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถออกไปทำกิจกรรมต่างๆ นอกบ้านได้ อาหารเพื่อสุขภาพจึงกลายเป็นตัวเลือกของผู้บริโภคในวงกว้างมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ 

        นอกจากนี้ ผู้บริโภคยังมีความต้องการของกินเล่นหรือขนมขบเคี้ยวที่ดีต่อสุขภาพ และมีคุณค่าทางโภชนาการมากขึ้น เช่น มีโปรตีนสูง ทำจากผัก ผลไม้ ธัญพืชที่มีวิตามินสูง เป็นสูตรหวานน้อย หรือใช้สารให้ความหวานจากธรรมชาติแทนน้ำตาล เป็นต้น จึงเป็นโอกาสที่ดีของผู้ประกอบการร้านอาหารที่จะนำเสนอเมนูอาหารเพื่อสุขภาพต่างๆ รองรับการใช้ชีวิตแบบคนเมือง และสังคมที่กำลังเข้าสู่สังคมสูงวัย 

 

New normal

  • ยุคธุรกิจออนไลน์ (E-commerce)

        Social distance หรือการเว้นระยะห่างทางสังคม ทำให้ผู้บริโภคใช้บริการอาหารเดลิเวอรี หรือซื้อของผ่านทางออนไลน์มากขึ้น หลังจากวิกฤตนี้ผ่านไป ผู้บริโภคส่วนใหญ่ก็ยังคงนิยมซื้อสินค้าบางชนิดผ่านทางโลกออนไลน์ รวมถึงบริการจัดส่งอาหารเดลิเวอรี เนื่องจากช่วยอำนวยความสะดวกและประหยัดเวลาได้มาก ตอบโจทย์รูปแบบการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป ทั้งระยะเวลาการใช้อินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้นของคนทุกวัย การทำงานจากที่บ้าน นักศึกษาที่เรียนผ่านทางออนไลน์มากขึ้น และผู้สูงอายุที่ส่วนใหญ่คุ้นเคยกับการซื้อสินค้าออนไลน์แล้ว

        ซึ่งการสั่งอาหารผ่านช่องทางออนไลน์จะมีการพัฒนาให้หลากหลายมากขึ้น ผ่านช่องทางต่าง ๆ ทั้งแอปพลิเคชันที่มีให้บริการ ผ่านช่องทางที่ผู้ประกอบการร้านอาหารพัฒนาขึ้นเอง หรือตัวกลางอื่นๆ ในแต่ละพื้นที่ ธุรกิจร้านอาหารส่วนใหญ่จึงก้าวเข้ามาอยู่ในทั้งโลกออนไลน์ร่วมกับออฟไลน์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการธุรกิจ ช่องทางการขาย การทำตลาดและสื่อสารกับลูกค้า รวมถึงการชำระเงิน เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้บริโภคมากที่สุด

 

New normal

  • ภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Economic Recession)

        ผลกระทบของ COVID-19 ต่อเศรษฐกิจทั่วโลกรุนแรงยิ่งกว่าวิกฤตการเงินที่ผ่านมาในอดีต  ทำให้อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2563 นี้ติดลบ และธุรกิจทุกภาคส่วนได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อย แน่นอนว่าในภาวะเศรษฐกิจถดถอยและฟื้นตัวได้ช้าแบบนี้ ผู้บริโภคส่วนใหญ่ก็ต้องประหยัดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ รวมถึงค่าอาหาร ส่งผลให้ผู้บริโภคต้องลดค่าใช้จ่ายในการรับประทานอาหารต่อมื้อลง รวมและลดความถี่ในการใช้บริการร้านอาหารตามความรุนแรงของภาวะเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ผู้บริโภคบางส่วนยังนิยมประกอบอาหารเองมากขึ้น และย่อมกระทบกับรายได้ของผู้ประกอบการร้านอาหารอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราทุกคนก็คงได้แต่ปรับตัวตามคามสามารถ และหวังว่าจะมีมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่เหมาะสมและทันเวลา เพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถเดินต่อไปได้

        ความสามารถในการปรับตัวของร้านอาหาร เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจร้านอาหารดำเนินต่อไปได้ ผู้ประกอบการจึงควรอัปเดตข่าวสารต่างๆ รวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วหลังวิกฤตโควิด เพื่อให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ทันเวลา

 

เรื่องแนะนำ

ผู้ประกอบการ

ใจเขา ใจเรา…สิ่งที่ ผู้ประกอบการ ต้องคิดถึงในช่วงที่เจอ วิกฤติท้าทาย

นี่ไม่ใช่ยุคเศรษฐกิจเฟื่องฟู หรือยุคที่อยากจับจ่ายของฟุ่มเฟือยอะไรก็ได้โดยไม่คำนึงถึงเงินในกระเป๋า ทุกคนต่างตกอยู่ในสภาวะตึงเครียด ผู้ประกอบการ ธุรกิจต่างๆ อยู่ในจุดที่ต้องกอดเงินที่มีอยู่ไว้ให้แน่น และเริ่มวางแผนการเงินระยะยาว เพราะวิกฤติไวรัสโควิด-19 ระบาด วิกฤติครั้งใหญ่ที่ส่งผลกระทบทั่วประเทศและทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศไทย ประเทศที่พึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวเป็นหลัก ส่งผลให้ธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม หรือร้านอาหาร ต่างได้รับผลกระทบ ล้มเรียงต่อกันเป็นโดมิโน ไม่เพียงแต่เจ้าของกิจการหรือผู้ลงทุนที่บาดเจ็บ แต่พนักงานระดับล่างของระบบที่รับเงินเดือนไม่เกิน 10,000 – 15,000 บาทต่อเดือน อาจเสี่ยงต่อการถูกยกเลิกจ้าง และหยุดชั่วคราว ก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน   ธุรกิจร้านอาหาร พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส หากลองมองในมุมของ ผู้ประกอบการ ร้านอาหารในช่วงนี้ แต่ละเจ้าต่างพลิกวิกฤติแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ด้วยการเริ่มนำกลยุทธิ์ทางการตลาดออนไลน์เข้ามาเป็นช่องทางหลัก โปรโมทสินค้าผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย มีการปรับแผนการดำเนินงาน เน้นการซื้ออาหาร เครื่องดื่มกลับบ้านมากขึ้น เปลี่ยนพนักงานเสิร์ฟให้กลายเป็นพนักงานส่งของ หรือเปลี่ยนตารางการทำงานให้เข้างานเป็นกะ สลับการเข้าออฟฟิศ เป็นต้น ทั้งหมดนี้อาจเป็นเพียงบางวิธีการที่ ผู้ประกอบการ พยายามรักษาเงินทุนและรักษาพนักงานให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าผู้ประกอบการจะประคับประคองปัญหาเหล่านี้ไปได้นานแค่ไหน ที่สำคัญเรื่องที่น่าคิดต่อจากนี้คือ หลังวิกฤติครั้งนี้ผู้ประกอบการร้านอาหารทั้งรายเล็กและรายใหญ่จะมีวิธีบริหารและจัดการกับหน้าร้านของตัวเองอย่างไร ให้สามารถนั่งรับประทานอาหารภายในร้านได้ โดยต้องคำนึงถึงมาตรการป้องกันที่เข้มงวด อย่าง Social Distancing เพื่อความปลอดภัยของลูกค้า   […]

ชวน ฟิน กิน Thai SELECT สิทธิพิเศษจาก KTC

              กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC ส่งเสริมโอกาสทางการตลาดให้กับร้านอาหารที่ได้รับตราสัญลักษณ์ Thai SELECT และสร้างการรับรู้ให้ผู้บริโภคได้รู้จัก และได้ลิ้มลองรสชาติของอาหารไทย จากร้านที่ได้รับตราสัญลักษณ์ Thai SELECT ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า จึงได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย พร้อมมอบโปรโมชั่น ส่วนลด และสิทธิพิเศษต่าง ๆ แก่ลูกค้า ภายใต้แคมเปญ “ชวน ฟิน กิน Thai SELECT”               สนับสนุนสิทธิพิเศษจากบัตรเครดิต KTC รับส่วนลดสูงสุด 10% หรือสิทธิพิเศษอื่นๆ อีกมากมายเมื่อใช้บริการที่ร้านอาหารตราสัญลักษณ์ Thai SELECT อีกทั้งยังสามารถแลกรับเครดิตเงินคืน 10% เมื่อใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายผ่านบัตร/เซลส์สลิปมากไปกว่านั้น! ต่อที่ 1 ยังสามารถรับส่วนลดสูงสุด 10% หรือสิทธิพิเศษอื่นๆ และต่อที่ 2 หากทำการลงทะเบียน ยังสามารถแลกรับเครดิตเงินคืนได้ถึง 10% […]

สไปร์ท

สไปร์ท เปลี่ยนขวดสี เป็นขวดใส ผลักดันการรีไซเคิลพลาสติกครั้งสำคัญ

เชื่อว่าเครื่องดื่ม สไปร์ท ขวดสีเขียว เป็นเอกลักษณ์และภาพจำที่คุ้นเคยของคนทั่วโลก แต่ด้วยกระแสการหันมาใส่ใจเรื่องการใช้พลาสติกมากขึ้น หลายองค์กรเริ่มให้ความสำคัญและตื่นตัวกับเรื่องนี้ ล่าสุดบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง โคคา-โคล่า ได้มีการประกาศเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ใหม่ของ “ สไปรท์ ” โดยเปลี่ยนมาใช้ขวดพลาสติกแบบใส แทนการใช้ขวดสีเขียวแบบเดิม ในภูมิภาคอาเซียน โดยการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้ก็เพื่อให้สอดคล้องกับเทรนด์ของโลก ที่พยายามผลักดันในการตามเก็บและรีไซเคิลขวดพลาสติกพีอีที (Circular Economy)   สไปร์ท เปลี่ยนขวดสี เป็นขวดใส เครื่องดื่มสไปรท์จำหน่ายในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยบรรจุภัณฑ์ขวดพลาสติกสีเขียวที่ผู้บริโภครู้จักดีมาตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในฟิลิปปินส์เมื่อปี พ.ศ. 2511 และเพิ่งมีการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ เนื่องด้วย The Coca-Cola Company ต้องการเดินหน้าโปรเจ็คตามวิสัยทัศน์ World Without Waste สานต่อความมุ่งมั่นเดินหน้าผลักดันการรีไซเคิลขวดพลาสติกเพื่อให้สามารถนำขวดพลาสติกเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลได้ง่ายขึ้น และนำกลับมาใช้ใหม่ได้ต่อไป  ซึ่งก่อนหน้านี้กลุ่มธุรกิจโคคา-โคล่าในยุโรป ประสบความสำเร็จในการยกเลิกใช้ขวดพลาสติกสีเขียวสำหรับสไปรท์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็จะเป็นการเดินหน้าในโซนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยได้เริ่มเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์เป็นขวดพลาสติกใสในประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ส่วนประเทศอื่นๆ จะทยอยเปลี่ยนในปี 2563 สไปร์ท เปลี่ยนสีขวด ช่วยให้เกิดระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน การเปลี่ยนมาใช้ขวดพลาสติกพีอีทีแบบใส แทนการใช้ขวดพลาสติกสีแบบเดิม ยังเป็นการช่วยเพิ่มมูลค่าบรรจุภัณฑ์หลังการบริโภคได้เป็นอย่างมาก เพราะสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างไม่รู้จบ และเกิดเป็นระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งการยกเลิกใช้บรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มชนิดพลาสติกพีอีทีแบบสี คือข้อเสนอแนะสำคัญในรายงานการเร่งสร้างแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนจากบรรจุภัณฑ์ขวดพีอีทีหลังการบริโภคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ฉบับใหม่ อีกด้วย   […]

Follow Me

Contact

เว็บไซต์ : amarinacademy.com
บริษัท อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน)
Tel : 02-422-9999 ต่อ 4662 หรือ 4669, 092-254-0742
Email : amarin.academy@gmail.com

ติดต่อแจ้งปัญหาหรือร้องเรียน
02-422-9999 ต่อ 4180
(จันทร์ – ศุกร์ เวลา 09.00 – 18.00 น)
bdcx@amarin.co.th

สนใจลงโฆษณากับเว็บไซต์ Amarin Academy
Tel. 081-664-0666, 091-729-8060
E-mail : sineenart_ya@amarin.co.th

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.