โออิชิ กรุ๊ป เปิดกลยุทธ์ ปี 2020 บุกตลาดเครื่องดื่ม ร้านอาหาร และอาหารพร้อมทาน

โออิชิ กรุ๊ป เปิดกลยุทธ์ ปี 2020 บุกตลาดเครื่องดื่ม ร้านอาหาร และอาหารพร้อมทาน

ปีที่ผ่านมาธุรกิจหลักของ โออิชิ กรุ๊ป ที่เราเห็นได้ชัดก็คือ ธุรกิจเครื่องดื่ม ที่เรารู้จักกันก็คือ เครื่องดื่มชาเขียว  ต่อมาคือ ธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น แต่ในช่วงปีที่ผ่านมา โออิชิ ได้เริ่มกลับมาดันธุรกิจกลุ่มอาหารพร้อมทาน หรือแพ็กเกจจิ้งฟู้ด อีกครั้ง เพื่อตอบรับพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภค ที่ต้องการความสะดวกสบายมากขึ้น

สำหรับผลประกอบการของ โออิชิ กรุ๊ป รอบปีงบประมาณ 2562 (ตั้งแต่ 1 ต.ค. 2561 ถึง 30 ก.ย. 2562) มียอดรายได้รวม 13,631 ล้านบาท เติบโต 8.2% และผลกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,229 ล้านบาท

  • ธุรกิจเครื่องดื่ม 6,501 ล้านบาท เติบโต 6%
  • ธุรกิจอาหาร 7,130 ล้านบาท เติบโต 9%
  • กำไรสุทธิรวมของบริษัท 1,229 ล้านบาท เติบโต 9%
  • กำไรจากธุรกิจเครื่องดื่ม 869 ล้านบาท เติบโต 6%
  • กำไรจากธุรกิจอาหาร 360 ล้านบาท เติบโต 4%

โออิชิ กรุ๊ป เปิดกลยุทธ์ ปี 2020

ความท้าทายของโออิชิ กรุ๊ป ในปี 2020 ก็คือ การรับมือกับความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ผู้บริโภคให้ความสำคัญด้านสุขภาพ ความสะดวกสบาย ความพรีเมียม ทั้งยังตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งกลยุทธ์ที่โออิชิ เตรียมพร้อมรุกในปีนี้ ทั้ง 3 ธุรกิจ คือ ธุรกิจเครื่องดื่ม ธุรกิจร้านอาหาร และธุรกิจอาหารพร้อมทาน (แพ็กเกจจิ้งฟู้ด) มีดังนี้

 

>> ธุรกิจเครื่องดื่ม <<

สำหรับธุรกิจเครื่องดื่ม ซึ่งเป็นธุรกิจใหญ่และยังคงมีแนวโน้มที่ดีอยู่นั้น โจทย์หลักของปีนี้ก็คือ การเป็นที่หนึ่งอย่างยั่งยืน โดยการกระตุ้นผู้บริโภคด้วย 3 กลยุทธ์ ดังนี้

1.ขยายฐานผู้ดื่ม โดยมุ่งเน้นไปที่การสร้างฐานผู้บริโภคใหม่ เจาะกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่น โดยใช้แพลตฟอร์มเกมผ่านแคมเปญ OISHI x ROV ซึ่งทำให้ฐานผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายในช่วงอายุ 13-24 ปี มีจำนวนเพิ่มขึ้น

2. ขยายฐานพรีเมียม เช่น การเปิดตัว “โออิชิ โกลด์ เกียวคุโระ” ชาเขียวที่ได้รับการยกย่องจากชาวญี่ปุ่นว่าเป็นหนึ่งในชาที่หายาก และให้รสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ ทำจากยอดอ่อนใบชาแท้นำเข้าจากไร่ชารางวัลจักรพรรดิ ประเทศญี่ปุ่น กลยุทธ์นี้เป็นการตอบโจทย์เทรนด์สุขภาพ และผู้บริโภคที่เห็นความสำคัญของผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าจากธรรมชาติ ซึ่งผู้บริโภคกลุ่มนี้พร้อมยอมจ่ายในราคาที่สูงขึ้น เพื่อให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพและดีต่อสุขภาพ

3. ขยายตลาดส่งออก จากเดิมส่งออกเพียง 13 ประเทศ ปัจจุบันสามารถขยายการส่งออก 33 ประเทศทั่วโลก โดยสร้างความแข็งแกร่งในตลาดหลักคือ ประเทศกัมพูชา และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว รวมถึงสร้างความเป็นผู้นำในตลาดเกิดใหม่ ขยายตลาดในกลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ สร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักและขายในระดับภูมิภาคด้วย

โออิชิ
โออิชิ โกลด์ เกียวคุโระ

 

>> ธุรกิจร้านอาหาร <<

สำหรับธุรกิจร้านอาหาร ก็ยังคงจุดยืนของความเป็น เจ้าตำรับอาหารญี่ปุ่น”(King of Japanese Food) เช่นเคย และมีแพลนขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเตรียมเปิดแบรนด์ใหม่เพื่อเข้ามาเสริมให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น ซึ่งในปีนี้จะดำเนินการด้วย 4 กลยุทธ์หลัก ประกอบด้วย

1.Growth Engine สร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ ผ่านผลิตภัณฑ์ และเมนูใหม่ๆ สร้างสรรค์แคมเปญการตลาดที่น่าสนใจ และการขยายสาขาต่อเนื่อง เพื่อเข้าถึงและขยายฐานกลุ่มผู้บริโภคให้มากยิ่งขึ้น รวมถึงพัฒนาช่องทางการสั่งซื้อออนไลน์ ผ่านแพลตฟอร์มของตัวเอง เช่น oishidelivery.com และ Food Delivery อย่าง GrabFood, LINE MAN และ foodpanda

2. Re-engineering Brand’s Business Model ปรับภาพลักษณ์แบรนด์ร้านอาหารญี่ปุ่นให้มีความทันสมัย เช่น รูปแบบโมเดลธุรกิจใหม่ ชาบูชิ บริการ 24 ชั่วโมง ตอบโจทย์สังคมคนนอนดึก

3. Reinvented Customers Experience สร้างประสบการณ์ให้ผู้บริโภคผ่านสินค้า และบริการใหม่ๆ

4. Spin-off Brands พัฒนาและเปิดตัวแบรนด์ใหม่ ทั้งร้านอาหาร และร้านขนมหวานสไตล์ญี่ปุ่น เช่น โฮว ยู (HOU YUU), ซากาเอะ (SAKAE) จับกลุ่มลูกค้าระดับบน และ โอโยกิ (OYOKI) ไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟ ซึ่งเป็นแบรนด์ร้านขนมหวานแบรนด์แรกของโออิชิ

โออิชิ
ชาบูชิ บุฟเฟต์ 24 ชั่วโมง

 

>> ธุรกิจอาหารพร้อมทาน (แพ็กเกจจิ้งฟู้ด) <<

หลายปีที่ผ่านมา ตลาดอาหารอาหารสำเร็จรูปพร้อมปรุง พร้อมทาน เข้ามามีบทบาทกับวิถีชีวิตของคนในชุมชนเมืองมากขึ้น และได้รับความนิยมสูง เนื่องจากมีความสะดวกในการบริโภค และมีความหลากหลายของประเภทอาหาร 

เทรนด์อาหารสำเร็จรูปมาแรงและโตต่อเนื่อง ในปี 2019 ที่ผ่านมาตลาดมีมูลค่า 40,000 ล้านบาท เติบโต 7-8% เป็นอาหารที่อยู่ในตู้เย็น และอาหารแช่แข็ง หรือ RTE (Ready to Eat)

ในปี 2019 โออิชิจึงทำการรีแบรนด์กลุ่มอาหารพร้อมทาน ให้อยู่ภายใต้แบรนด์ “โออิชิ อีทโตะ” ทั้งหมด เพื่อทำการตลาด ให้เกิดการสื่อสารที่ง่ายขึ้น และเป็นการใช้จุดแข็งของแบรนด์โออิชิในการทำตลาดด้วย

โออิชิเห็นโอกาสในตลาดนี้ ในปี 2020 จึงมีเป้าหมายที่ต้องทำให้เติบโตเรื่อยๆ และให้เข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคให้ได้

โออิชิ
อาหารพร้อมทาน (แพ็กเกจจิ้งฟู้ด)

 

ขอบคุณข้อมูล : OISHI

 

อ่านต่อบทความที่น่าสนใจ

20 เทรนด์ ธุรกิจอาหาร ปี 2020 ที่ผู้ประกอบการควรรู้!

ดังกิ้น โดนัท ทุ่ม 10 ล้าน ลุย Food Truck เข้าหาลูกค้าถึงที่

CRG ผุดแบรนด์ “ อร่อยดี ” เจาะตลาดสตรีทฟู้ด ทำรายได้แล้วกว่า 1.2 ล้านบาท/สาขา

4 เหตุผล ทำไม เนื้อจากพืช (plant-based meat) ถึงกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น

ส่องแบรนด์ใหญ่ เดินหน้าลด ขยะพลาสติก แบบใช้แล้วทิ้ง Single-use plastics

 

เรื่องแนะนำ

ดังกิ้น

ดังกิ้น โดนัท ทุ่ม 10 ล้าน ลุย Food Truck เข้าหาลูกค้าถึงที่

การรอให้ลูกค้าเข้ามาหาอย่างเดียวนั้น คงจะใช้ไม่ได้แล้วในยุคนี้ ยุคที่มีการแข่งขันกันสูงมาก ไม่เว้นแม้แต่ธุรกิจอาหารในบ้านเรา ที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ มีผู้ประกอบการหน้าใหม่เกิดขึ้นมากมาย เหล่าธุรกิจอาหารแบรนด์ใหญ่ ก็ใช่ว่าจะอยู่นิ่ง  ต้องวิ่งตามผู้บริโภคให้ทันอย่างเช่นแบรนด์โดนัทชื่อดัง ดังกิ้น โดนัท   ดังกิ้น โดนัท ทุ่ม 10 ล้าน ลุย Food Truck เข้าหาลูกค้าถึงที่ ล่าสุดดังกิ้น โดนัท แบรนด์โดนัทชื่อดังที่เราคุ้นเคย ก็ลุกขึ้นมาลุยทำการตลาดที่เข้าหาผู้บริโภคมากขึ้น และดังกิ้น เลือกที่จะทำ Food Truck หรือหน่วยรถขายโดนัท พร้อมเครื่องดื่ม ที่เปิดให้บริการนอกสถานที่ โดยรถคันนี้จะเข้าหาลูกถึงที่แบบใกล้ชิด เน้นเจาะตามชุมชนต่างๆ เช่น สถาบันการศึกษา โรงพยาบาล และคอมมูนิตี้มอลล์ ปัจจุบันเริ่มเปิดให้บริการแล้ว 2 สาขา คือ สาขาอิมแพค เมืองทองธานี และสาขาเดอะซีน ทาวน์อินทาวน์ การทำ Food Truck ในครั้งนี้ ของดังกิ้น ใช้งบลงทุนโดยเฉลี่ย ประมาณ 1 ล้านบาท […]

“อาหารเพื่อสุขภาพ” เทรนด์มาแรงสายคลีน โอกาสทองของคนอยากมีธุรกิจ

หนึ่งในปัจจัยภายในที่จะทำให้มีสุขภาพที่ดีได้นั้น คงหนีไม่พ้น “อาหาร” นาทีนี้เรื่องของ “อาหารเพื่อสุขภาพ” หรือ อาหารคลีนฟู้ด กำลังได้รับความนิยม อาจเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเทรนด์มาแรงของคนยุคใหม่ ที่หันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพมากยิ่งขึ้น ส่งเสริมให้ตลาดธุรกิจร้านอาหารเพื่อสุขภาพขยายตามไปด้วยเช่นกัน สำหรับคนที่สนใจอยากเปิดร้านอาหาร การลงทุนกับอาหารเพื่อสุขภาพเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจและเริ่มต้นได้ไม่ยาก วันนี้เราจึงขอนำเสนอแนวทางที่จะช่วยให้ทุกคนตีโจทย์ลักษณะของธุรกิจร้านอาหารเพื่อสุขภาพมาเป็นแนวทางในการนำไปเริ่มธุรกิจกัน 1.จุดยืนของอาหารเพื่อสุขภาพ ธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพเป็นธุรกิจที่ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคว่า อาหารของเราทำมาจากวัตถุดิบที่สดใหม่และได้คุณภาพ ปรุงรสและผ่านกรรมวิธีที่ไม่ได้ลดคุณค่าทางอาหารจนเกินไป หากสนใจลงทุนกับธุรกิจด้านนี้แล้ว เจ้าของธุรกิจอย่างเราก็ควรศึกษาหาความรู้เรื่องโภชนาการและคุณค่าทางอาหารต่างๆ ด้วยเช่นกัน เพราะเมื่อเอ่ยถึงอาหารเพื่อสุขภาพแล้ว ผู้บริโภคล้วนมองหาสิ่งดีๆ ที่จะช่วยให้พวกเขามีสุขภาพที่ดีมาจากภายใน  เรื่องของคุณภาพวัตถุดิบที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี กรรมวิธีการปรุงอาหารที่ไม่มากเกินไปจนทำให้เสียคุณค่าทางอาหาร สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งสำคัญที่กลุ่มคนรักสุขภาพมองเป็นหลัก ส่วนใหญ่มักจะมองหาอาหารที่ช่วยควบคุมแคลอรี่และน้ำหนัก แต่ขณะเดียวกันก็ต้องมีรสชาติที่ดี  มีเมนูให้เลือกอย่างหลากหลาย ไม่จำเจหรือน่าเบื่อจนเกินไป จะเป็นเมนูอาหารเช้า ขนมทานเล่น ของหวาน หรือเมนูหลักก็สามารถสร้างสรรค์ให้หลากหลายได้ หลักในการปรุงส่วนใหญ่นั้น  ร้านควรเน้นวัตถุดิบเพื่อสุขภาพ ไม่มีวัตถุดิบพวกหมักดอง หรือ ขัดขาว เช่นน้ำตาลทรายขาว ข้าวขาว อาหารควรไร้ไขมัน มีน้ำมันประกอบอาหารได้ในจำนวนน้อยและใช้น้ำมันพืชที่ดี เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันดอกทานตะวัน และปรุงรสให้กลมกล่อมแบบกลางๆมากกว่าการเน้นรสจัด ที่สำคัญควรต้องครบห้าหมู่ 2.กลุ่มผู้บริโภคอาหารเพื่อสุขภาพ แม้จะดูเหมือนว่าอาหารเพื่อสุขภาพเป็นธุรกิจที่เจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม แต่แท้จริงแล้วกลุ่มผู้บริโภคอาหารเพื่อสุขภาพกระจายอยู่ในหลายอาชีพและช่วงอายุ ทั้งกลุ่มนักศึกษาที่อยู่หอพักหรือคอนโด ซึ่งไม่ได้มีพื้นที่ในการทำอาหารมากนัก, กลุ่มพนักงานออฟฟิศที่ไม่ได้มีเวลาดูแลตัวเองเท่าที่ควร หรือกลุ่มผู้สูงอายุซึ่งต้องเริ่มใส่ใจกับอาหารการกินมากขึ้น จะเห็นได้ว่ากลุ่มผู้บริโภคไม่ได้เฉพาะเจาะจงแค่กลุ่มคนรักสุขภาพที่เข้าฟิตเนส […]

อมรินทร์กรุ๊ป จับมือ ไทยเบฟเวอเรจ แถลงข่าวโครงการ “ส่งความรู้ สร้างความสุข ปี 3”

อมรินทร์กรุ๊ป จับมือ ไทยเบฟเวอเรจ แถลงข่าวโครงการ “ ส่งความรู้ สร้างความสุข ปี 3 ” เดินหน้าจุดพลังรักการอ่าน 77 จังหวัดทั่วประเทศ   จากความมุ่งมั่นในการสร้างนิสัยรักการอ่านให้กับเด็กไทย ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการศึกษา ผ่านโครงการ “ส่งความรู้ สร้างความสุข” โดยได้ดำเนินการตั้งแต่ปี 2561 ตั้งเป้าจะนำโครงการเข้าโรงเรียนให้ครบ  77  จังหวัด  ภายใน  3  ปี  โดยตลอดระยะเวลา  2 ปีที่ผ่านมา  ได้มีการลงพื้นที่มอบหนังสือพร้อมชั้นวางและจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน  ให้กับโรงเรียนทั้งระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา  รวม  109  โรงเรียน ในพื้นที่  60 จังหวัด  ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย   มอบหนังสือรวมแล้วกว่า  113,000  เล่ม เพื่อปลูกฝังนิสัยรักการอ่านและติดตามผลลัพธ์ของโครงการอย่างจริงจัง ซึ่งมีผลการศึกษาของนักเรียนที่พัฒนามาอย่างต่อเนื่องจนเข้าสู่ปีที่ 3 บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) และ บริษัท อมรินทร์ […]

In Home Delivery

Walmart เปิดตัวบริการ In Home Delivery ให้พนักงานนำสินค้าเติมให้ถึงตู้เย็น

วงการเดลิเวอรี่ เริ่มจะมีสีสันขึ้นเรื่อยๆ แล้วค่ะ เมื่อ Walmart ซูเปอร์มาร์เก็ตชื่อดังในสหรัฐอเมริกามีการปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมลูกค้าในยุคนี้มากขึ้นด้วยการเปิดตัวบริการ In Home Delivery  บริการจัดส่งสินค้าที่ลูกค้าสามารถสั่งให้พนักงานนำสินค้ามาเติมให้ที่ตู้เย็นโดยตรงแม้คุณจะไม่ได้อยู่บ้าน เรียกว่าเอาใจลูกค้าที่รักความสะดวกสบายอย่างเต็มที่ แล้วมีขั้นตอนการจัดส่งอย่างไรบ้าง?   ขั้นตอนการให้บริการ In Home Delivery บริการ In Home Delivery เริ่มแรกผู้ที่จะใช้บริการจะต้องสมัครสมาชิกบริการจัดส่ง In Home เริ่มต้นที่ 19.95 เหรียญสหรัฐต่อเดือน (ราว 600 บาท) และผู้ซื้อจะต้องซื้อสินค้ามูลค่าอย่างน้อย 30 เหรียญต่อครั้ง สามารถสั่งซื้อการจัดส่งได้บ่อยเท่าที่ต้องการแบบไม่จำกัดความถี่ ขณะที่ระบบล็อกบ้านอัจฉริยะหรือ smart-lock ราคา 49.95 เหรียญสหรัฐ (ราว 1,500 บาท) ติดตั้งให้ฟรี เมื่อเป็นสมาชิกแล้ว มีการสั่งซื้อสินค้า จากนั้นพนักงานจะส่งสินค้าไปให้ถึงในห้องครัวหรือส่วนอื่นๆ ของบ้านลูกค้า   ความปลอดภัยในการให้บริการ หลายคนอาจจะเกิดคำถามว่า แล้วเรื่องของความปลอดภัย จะปลอดภัยหรือไม่ หากต้องให้คนแปลกหน้าเข้ามาส่งของถึงภายในบ้าน หรือความปลอดภัยของสินค้าในขั้นตอนการจัดส่งจะเป็นอย่างไร ซึ่งผู้ใช้บริการนี้ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยค่ะ […]

Follow Me

Contact

เว็บไซต์ : amarinacademy.com
บริษัท เอเอ็มอี อิมเมจิเนทีฟ จำกัด
ในเครือ บริษัท อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน)
Tel : 02-422-9999 ต่อ 4662 หรือ 4669, 092-254-0742
Email : amarin.academy@gmail.com

ติดต่อแจ้งปัญหาหรือร้องเรียน
02-422-9999 ต่อ 4180
(จันทร์ – ศุกร์ เวลา 09.00 – 18.00 น)
bdcx@amarin.co.th

สนใจลงโฆษณากับเว็บไซต์ Amarin Academy
Tel. 081-664-0666, 091-729-8060
E-mail : sineenart_ya@amarin.co.th

© COPYRIGHT 2025 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.