ถอดบทเรียน เจ๊จง หมูทอด ร้อยล้าน ! - Amarin Academy

ถอดบทเรียน เจ๊จง หมูทอด ร้อยล้าน !

ถอดบทเรียน เจ๊จง หมูทอด ร้อยล้าน !

สัปดาห์ที่แล้วผมมีโอกาสคุยกับคุณจงใจ กิจแสวง หนึ่งในไอดอลของผม แต่คนส่วนใหญ่จะรู้จักเธอในนาม “ เจ๊จง หมูทอด ร้อยล้าน” ร้านหมูทอดของเจ๊จง โด่งดังมานานจากหมูทอดที่หมักจนได้ที่ รสชาติกลมกล่อม ข้าวสวยร้อนๆ ที่เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มสุดแซ่บ พอทานหมดจานก็ยังมีกล้วยให้ทานปิดท้ายอีก

ทุกครั้งที่ผมสังเกตเห็น ร้านหมูทอดเจ๊จง ไม่ว่าจะเป็นที่ตลาดนัดช่อง 3 (ตอนนี้ไม่ขายแล้ว), หลังโลตัสพระราม 4 หรือ ตึก FYI จะเห็นแถวยาวเหยียดเสมอ”

แต่สิ่งที่ผมทึ่งคือ เจ๊จง เป็นเพียงร้านอาหารไม่กี่แห่งที่ขายดีมากอย่างสม่ำเสมอ และที่สำคัญเป็นเพียงไม่กี่แห่งที่เจ้าของเป็นขวัญใจคนทั้งประเทศ มีแฟนคลับเยอะมาก เจ๊ไปไหนก็จะมีคนอยากถ่ายรูป อยากเข้ามาคุยด้วย

เมื่อมีโอกาสคุยกับเจ๊จง ผมเลยอดไม่ได้ที่จะชวนคุยถึงข้อคิดที่ทำให้เจ๊จงประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้

1.สู้ชีวิต ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา

สมัยก่อนเจ๊มีหนี้สินล้นพ้นตัว แต่เจ๊ไม่ยอมแพ้ แกมีเคล็ดลับคือ “อย่าก้มหน้า เพราะก้มหน้าแล้วน้ำตามันจะไหล” โอ้โห… คมมากๆ

ไม่น่าเชื่อนะครับว่า เจ๊จง ที่เราเห็นว่าประสบความสำเร็จอย่างมากในวันนี้ ถ้าย้อนเวลากลับไปเมื่อ 14 ปีที่แล้ว เจ๊จงเจอช่วงชีวิตที่ตกต่ำมากๆ เจ๊บอกผมว่า วันนี้ถือว่ามาไกลกว่าฝันมาก เจ๊จงเริ่มจากขายอาหารตามสั่ง ทำสารพัดอย่าง ขายดีสุดๆ แต่ยังไงก็ไม่พอกับดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายคืนเจ้าหนี้ในแต่ละเดือน ก็เลยคิดมาตลอดว่าจะทำอะไรดี

จนกระทั่งวันนึง เจ๊ไปซื้อข้าวหมูทอดร้านหนึ่ง ปรากฏว่าลูกสาวชอบมากๆ “แม่จะทำแบบนี้ให้ลูกกินเอง” เจ๊จงบอกลูกสาว

และนั่นคือจุดเริ่มต้นของ ตำนาน “เจ๊จงหมูทอดร้อยล้าน” ที่วันนี้มีสาขามากถึง 10 สาขา ถ้าวันที่มีหนี้สินล้นพ้นตัวแกยอมแพ้ต่อโชคชะตา ก็คงจะไม่มีเจ๊จงในวันนี้ จริงไหมครับ?

  1. ให้ลูกค้ามากกว่าความคาดหวัง

“ทำให้ลูกค้ามาลองทานที่ร้านครั้งแรกถือว่าเป็นสิ่งที่ยากแล้ว แต่สิ่งที่ยากกว่า คือ ทำยังไงให้ลูกค้าติดใจมากินทุกวัน” เจ๊จงบอก

ถามว่า แล้วการที่จะทำให้ลูกค้ามีความสุขต้องทำอย่างไร? คำตอบที่เจ๊ ตอบผมทันทีคือ

“ถูก ดี มีน้ำใจ”

เจ๊จง หมูทอด
สารพัดเมนูในร้านหมูทอดเจ๊จง

“ถูก” คือ อย่าเอาเงินเป็นตัวตั้ง ให้นึกว่า ทำยังไงก็ได้ให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่า เท่าที่ผมสังเกตต้องบอกว่า ข้าวหมูทอดของเจ๊ ถูกมากๆครับ 25-30 บาทก็ทานได้อิ่มมากๆ แล้ว

“สาขาที่ตึก FYI เป็นสาขาที่มีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น แต่เจ๊บอกลูกๆว่า ถ้าขายราคาแพงกว่าสาขาอื่น เจ๊จะไม่ให้ขาย เพราะเจ๊ไม่อยากให้คนกินอาหาร ต้องจ่ายแพง” นั่นเลยเป็นอีกเหตุผลที่ทำไมถึงไม่เห็นร้านเจ๊จงขึ้นห้างสรรพสินค้า แม้ว่าจะมีคนติดต่อมาเยอะก็ตามครับ

“ดี” คือ เจ๊จงสั่งซื้อวัตถุดิบหมูชั้นดีจากบริษัทชั้นนำของประเทศ “ลูกค้าเค้าไม่ได้โง่นะ เค้ากินเค้าก็รู้แล้วว่าของดีหรือไม่ดี ถ้าเราเอาของไม่ดีมาขายแค่ครั้งเดียว เค้าก็จะไม่มากินของเราอีก”

“มีน้ำใจ” คือ เจ๊ให้ข้าวหมูทอดแบบจัดหนักจัดเต็มและมีเครื่องเคียงแถมให้เสมอ

“เจ๊ เคยซื้อผัก ซื้อกล้วยมาจากตลาด แล้วซื้อมาเยอะมาก เลยเริ่มแบ่งให้ลูกค้าทานด้วยกัน” พอเวลาผ่านไป แม้กำไรน้อยหน่อย แต่ก็ทำให้ลูกค้าได้ทานอาหารดีๆ ลูกค้ามีความสุข ก็เลยเป็นสิ่งที่เจ๊จัดให้ลูกค้ามาโดยตลอด

เจ๊จงยังเล่าอีกว่า “เจ๊ขายที่ไหน ก็ไปดึงยอดขายของคนละแวกนั้น” ส่วนตัวผมเห็นด้วยครับ แกไปขายที่ไหน คนก็แห่ไปเข้าแถวซื้อยาวเหยียดตลอด ทำให้ร้านบริเวณนั้นขายไม่ดี

สิ่งที่เจ๊จงทำคือ แบ่งให้ร้านอาหารแถวนั้นเอาอาหารแกไปขาย เพื่อช่วยดึงลูกค้า ให้ร้านบริเวณนั้นยังอยู่ได้ “เจ๊ จะไม่รวยแบบที่เบียดเบียนคนอื่น” เป็นอีกหนึ่งประโยคทองที่ผมประทับใจมากๆครับ

ความมีน้ำใจของเจ๊ ยังมีอีกด้านครับ อีกประมาณ 1 เดือน เจ๊จงกำลังจะสร้างโรงงานแห่งใหม่เสร็จ โรงงานแห่งนี้จะเป็นโรงงานที่ทำข้าวกล่องหมูทอดเจ๊จงขาย

โดยขายส่งให้กับผู้ที่สนใจอยากมีรายได้เสริม รับไปขายอีกต่อนึง … นับถือใจแกจริงๆครับ

เจ๊จง หมูทอด
ข้าวกล่อง หมูทอดเจ๊จง
  1. อย่าลืมจุดแข็งของตัวเอง

ผมว่าเป็นเรื่องปกติครับ ที่เวลาเราขายดีมากๆ ก็คงอยากจะลองขายอย่างอื่นเพิ่มเติม “ยิ่งเอาอาหารอย่างอื่น เช่น ข้าวแกง ผัก ผลไม้ มาขายยิ่งขายดี พอขายดียิ่งเพลิน เพลินจนลืมสิ่งที่สำคัญที่สุดของการทำธุรกิจ”

เจ๊ให้ข้อคิดน่าสนใจมากว่า พอขายหลายอย่าง มากเกินไป ก็เริ่มเสียโฟกัส ทำให้ลืมไปว่าสิ่งที่ทำให้เจ๊สร้างเนื้อสร้างตัวได้คือ การขายหมูทอด

และที่สำคัญขายอย่างอื่นกำไรน้อยมาก หรือบางอย่างขาดทุน โดยไม่รู้ตัว เพราะภาพรวมยังกำไร (หลักๆ มาจากขายหมูทอด)

พอตั้งหลักได้ใหม่ เจ๊ก็เริ่มกลับมาเน้นอาหารหมูทอด นั่นแหละครับที่ทำให้กำไรกลับมาเติบโตแบบก้าวกระโดดเหมือนเดิม

4.หัวหน้าคือตัวอย่างที่ดีที่สุดสำหรับลูกน้อง

เจ๊จงเล่าให้ผมฟังว่า ทุกวันนี้แกนอนตอนทุ่มกว่าๆ แล้วตื่น ตี 2 เพื่อเตรียมหมูทอดและอาหารในร้าน แกทำอย่างนี้มาเป็นสิบๆ ปี ทั้งๆ ที่แกมีฐานะดีจนไม่ต้องมาทำแบบนี้ก็ได้

“เจ๊อยากให้ลูกน้องเห็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกน้อง อยากให้ขยันเหมือนเจ๊”

5.ยิ่งเติบโต ก็ยิ่งต้องเรียนรู้

“อันไหนที่เจ๊ไม่รู้ เจ๊ก็จะถาม” “ยิ่งเรียนรู้มากเท่าไหร่ ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองตัวเล็ก”

เจ๊ยกตัวอย่างการเรียนรู้ ตั้งแต่จุดเริ่มต้น ที่บอกลูกสาวว่าเจ๊จะทำข้าวหมูทอดให้กิน ตอนนั้นเจ๊เองก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ทำข้าวหมูทอดอย่างไร

“สูตรหมูทอด เจ๊ก็ไปอ่านจากหนังสือทำอาหารในร้านหนังสือ” ก่อนที่จะกลับมาปรับปรุงสูตรจนกลายเป็นสูตรของเจ๊เอง

ส่วนด้านการทำการตลาด เจ๊เข้าฟังอบรมฟังสัมมนาซึ่งยังทำอยู่มาจนทุกวันนี้

“ตอนทำ social media เมื่อ 7 ปีที่แล้ว ตอนนั้นมีนักศึกษาทำเพจให้ แต่เจ๊ก็ยังไม่ได้สนใจอะไร”

เจ๊จงเริ่มปรึกษา อาจารย์ด้านการตลาดก็เลยได้รับคำแนะนำว่า ต้องใส่ความเป็นตัวตนของตัวเองลงไป และที่สำคัญต้องทำเอง เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ทำให้เจ๊จง โด่งดังอย่างรวดเร็วครับ

“การทำธุรกิจเป็นเส้นทางที่ยาวไกล ถ้าหยุดเรียนรู้เมื่อไหร่ ก็อาจจะไปไม่รอด สรุปคือต้องเปิดใจเรียนรู้เสมอๆ”

ความเห็น “ถามอีก กับอิก เรื่องลงทุน”

“สิ่งที่ทำให้เจ๊ยังมีแรงทำมากขนาดนี้ คืออยากทำให้คนกินมีความสุขในราคามิตรภาพ ถ้าลูกค้ามีความสุข เจ๊ก็มีความสุข” เจ๊จงปิดท้ายการพูดคุยด้วยรอยยิ้ม ที่ทำให้ผมเชื่อว่าผู้หญิงคนนี้มีความสุขในสิ่งที่ทำมากๆ

ผมได้คำตอบแล้วละครับว่า ทำไมร้านหมูทอดเจ๊จง ถึงเป็นร้านไม่กี่แห่งที่มีคนต่อแถวยาวเหยียดตลอดเวลา และไม่แปลกใจว่าทำไม เจ๊จงถึงเป็นคนที่คนไทยชื่นชอบทั้งประเทศ

แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเรียนรู้ได้จากการคุยกับเจ๊จงครั้งนี้คือ การทำธุรกิจที่ดีไม่ใช่การจ้องจะแย่งยอดขายของคู่แข่งมาเป็นของเราเสมอไป เจ๊จงทำให้ผมเชื่อว่า การที่เรามุ่งมั่นพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ จริงใจในสิ่งที่ทำ และที่สำคัญกับคนรอบตัวที่เกี่ยวข้อง ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ทำให้เราประสบความสำเร็จในธุรกิจได้เช่นกัน

เหมือนกับที่สุภาษิตว่าไว้ .. “ยิ่งให้ ก็ยิ่งได้”

เรื่องแนะนำ

คุมต้นทุนอาหาร

คุมต้นทุนอาหาร ด้วยเทคนิค 4 ข้อ

        หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ร้านอาหารต้องปิดตัวลง คือ “การคุมต้นทุนไม่อยู่” บางร้านอาจจะขายดีมากแต่ไม่ได้กำไรเพราะมีต้นทุนสูงเกินไป โดยเฉพาะต้นทุนด้านวัตถุดิบ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายหลักของร้านอาหาร ร้านทั่วไปจะมีต้นทุนส่วนนี้ 30-40% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด หรืออาจสูงกว่านี้ในร้านอาหารประเภทบุฟเฟ่ต์ ผู้ประกอบการจึงควรให้ความสำคัญกับการบริหารต้นทุนในส่วนนี้ให้มาก ลองมาดูสิ่งที่จะช่วย คุมต้นทุนอาหาร และเพิ่มกำไรให้ร้านอาหารของเรากันครับ คุมต้นทุนอาหาร ด้วยเทคนิค 4 ข้อ 1. ใส่ใจและติดตามราคาวัตถุดิบ         วิธีที่ดีในการคุมต้นทุน คือการติดตามราคาของวัตถุดิบที่ใช้ภายในร้าน บางท่านอาจจะรู้สึกยุ่งยากเพราะที่ร้านใช้วัตถุดิบหลายชนิด แต่วิธีง่ายๆ คือเลือกแค่วัตถุดิบที่เป็นต้นทุนหลักของร้านมาบันทึกราคา ปริมาณที่ใช้ และต้นทุนทั้งหมดของวัตถุดิบแต่ละชนิด เพื่อนำมาเปรียบเทียบราคาในแต่ละเดือน          สมมติว่าราคากุ้งเดิมกิโลกรัมละ 180 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 220 บาทจากภาวะน้ำท่วมในบางพื้นที่ ส่วนต่างที่เพิ่มขึ้นมา 40 บาทนี้อาจจะดูไม่มาก แต่มันคือต้นทุนที่เพิ่มขึ้น 22% จากราคาเดิม ยิ่งร้านที่ขายดีเท่าไหร่ กำไรที่หายไปก็จะเพิ่มมากขึ้น ในช่วงภาวะต้นทุนวัตถุดิบปรับขึ้นราคา […]

การจัดการธุรกิจอาหาร

เจาะลึกเบื้องหลัง การจัดการธุรกิจอาหาร ระดับโลก

เมื่อพูดถึงธุรกิจอาหาร หลายคนมักนึงถึง ร้านอาหาร แต่จริงๆ แล้ว ธุรกิจร้านอาหารมากกว่านั้น เราเลยอยากแชร์เกี่ยวกับ การจัดการธุรกิจอาหาร รูปแบบอื่นๆ ให้รู้กัน

พฤติกรรมพนักงานบริการ

เช็ค 10 พฤติกรรมพนักงานบริการ ที่ร้านอาหารควรปรับปรุง

พนักงานบริการถือว่ามีความสำคัญต่อร้านอาหารมาก ฉะนั้นทางที่ดีมาเช็ค พฤติกรรมพนักงานบริการ ของร้านเราดีกว่า ว่าเข้าข่ายต้องรีบปรับปรุงหรือเปล่า

อยากเปิดร้านอาหาร ต้องเตรียมค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง

เปิดร้านอาหารสักร้านไม่ว่าจะเปิดในห้าง หรือ นอกห้าง ต้องมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ที่เป็นค่าใช้จ่ายสำคัญ ๆ เพื่อให้ทุกท่านที่กำลังจะเปิดร้านได้เตรียมความพร้อม

Follow Me

Contact

เว็บไซต์ : amarinacademy.com
บริษัท เอเอ็มอี อิมเมจิเนทีฟ จำกัด
ในเครือ บริษัท อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน)
Tel : 02-422-9999 ต่อ 4662 หรือ 4669, 092-254-0742
Email : amarin.academy@gmail.com

ติดต่อแจ้งปัญหาหรือร้องเรียน
02-422-9999 ต่อ 4180
(จันทร์ – ศุกร์ เวลา 09.00 – 18.00 น)
bdcx@amarin.co.th

สนใจลงโฆษณากับเว็บไซต์ Amarin Academy
Tel. 081-664-0666, 091-729-8060
E-mail : sineenart_ya@amarin.co.th

© COPYRIGHT 2025 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.