เปิดร้านเอง VS ซื้อแฟรนไชส์...แบบไหนดีกว่ากัน - Amarin Academy

เปิดร้านเอง VS ซื้อแฟรนไชส์…แบบไหนดีกว่ากัน

เปิดร้านเอง VS ซื้อแฟรนไชส์…แบบไหนดีกว่ากัน

หลายคนอยากเริ่มต้นธุรกิจ ด้วยการเปิดร้านอาหารแฟรนไชส์ขึ้นมาสักร้าน เพราะได้ยินใครต่อใครพูดให้ฟังว่า ซื้อแฟรนไชส์ มีเปอร์เซ็นต์ที่จะประสบความสำเร็จในธุรกิจรวดเร็วกว่าเริ่มต้นนับหนึ่งทำร้านอาหารด้วยตัวเอง เนื่องจากแบรนด์ร้านอาหารเป็นที่รู้จักดีอยู่แล้ว ทำให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจซื้อได้ง่ายกว่า

อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยหลายอย่างที่นักธุรกิจมือใหม่ต้องพิจารณาให้ดีเสียก่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินลงทุน ทำเลที่ตั้ง ค่าแรกเข้าในการใช้เครื่องหมายการค้า รวมไปถึงกฎระเบียบยิบย่อย … ถ้าคุณกำลังอยู่ในช่วงระหว่างการตัดสินใจว่าจะซื้อแฟรนไชส์ร้านอาหารดีหรือไม่ ลองอ่านข้อดีข้อเสียเหล่านี้ เพื่อช่วยให้ตัดสินใจง่ายขึ้นกันดีกว่าครับ

ซื้อแฟรนไชส์

 ข้อดี ของการซื้อแฟรนไชส์

1. เปิดง่าย เริ่มได้ทันที ร้านอาหารแฟรนไชส์ มีทุกอย่างมาให้คุณเสร็พสรรพ ไม่ว่าจะเป็นชื่อร้าน อุปกรณ์ตกแต่ง เมนูอาหาร รวมไปถึงแผนการตลาด ทำให้คุณแทบจะเปิดร้านได้เลยทันที โดยไม่ต้องมีเรื่องจุกจิกให้ต้องมานั่งพะวง

2. มีคนคอยช่วยเหลือ สิ่งที่คุณจะได้รับพ่วงมากับธุรกิจแฟรนไชส์ ก็คือ การช่วยเหลือและสนับสนุนจากบริษัทแม่ หากคุณมีข้อสงสัย หรือพบเจอปัญหาใด ๆ เกี่ยวกับการทำธุรกิจ ก็สามารถอุ่นใจได้เลยว่า มีคนคอยให้ความช่วยเหลือหรือเป็นที่ปรึกษาให้เสมอ

3. มีกำลังซื้อที่ดี ร้านแฟรนไชส์สามารถซื้อวัตถุดิบต่าง ๆ ได้ในราคาถูกมากกว่าร้านอาหารทั่วไป นั่นเป็นเพราะ ร้านแฟรนไชส์มีกำลังซื้อที่มากกว่านั่นเอง คุณจึงตัดเรื่องปวดหัวออกไปได้แล้วอีกหนึ่งอย่าง

4. ชื่อร้านติดหู เจ้าของร้านแฟรนไชส์สามารถเปิดร้านได้อย่างสบายใจหายห่วง ไม่ต้องคอยกังวลว่า ทำอย่างไรให้ชื่อร้านเป็นที่รู้จัก และที่สำคัญไปกว่านั้น คุณไม่ต้องเสียเงินมหาศาล ไปกับการทำการตลาดในช่วงเริ่มต้น

ซื้อแฟรนไชส์

ข้อเสีย ของการซื้อแฟรนไชส์

1. เงิน (ไม่พอ) ปัญหาเรื่องเงินจัดเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดของการซื้อแฟรนไชส์เลยก็ว่าได้ เพราะหากคุณต้องการซื้อแฟรนไชส์แบรนด์ใหญ่ ๆ คุณจำเป็นต้องมีวงเงินไปค้ำประกันก่อนก้อนหนึ่ง (ซึ่งเป็นจำนวนที่มากเอาเรื่อง) แถมยังต้องกันอีกก้อนหนึ่งไว้เป็นเงินสำหรับลงทุนด้วย

2. จำกัดอิสรภาพทางความคิด ต้องทำใจยอมรับว่า การซื้อแฟรนไชส์จะทำให้คุณหมดสิทธิครีเอทเมนู ออกแบบป้ายร้านอาหาร จัดวางเฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งร้านตามใจชอบ ดังนั้น ธุรกิจแฟรนไชส์จึงเหมาะกับคนที่พร้อมจะพับเก็บความคิดสร้างสรรค์ของตัวเองเอาไว้

3. มีกฎระเบียบจุกจิก ร้านแฟรนไชส์มาพร้อมกับกฎระเบียบข้อบังคับมากมายที่เจ้าของร้านต้องทำตามอย่างเข้มงวด พนักงานร้านแฟรนไชส์หลายแห่งจะต้องเข้ารับการฝึกฝนอบรมจนกระทั่งสามารถดำเนินธุรกิจเหมือนกับบริษัทแม่ได้ เพื่อไม่ให้เสียมาตรฐานของแบรนด์ร้านอาหาร

4. เสียค่าธรรมเนียมการจัดการ หรือ “ ค่ารอยัลตี้ ” (Royalty Fee) ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายระหว่างการดำเนินกิจการ ที่ต้องจ่ายให้แก่บริษัทแฟรนไชส์เป็นรายเดือน ดังนั้น คุณจำเป็นจะต้องมีเงินทุนที่เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายส่วนนี้ และต้องแบ่งสรรเงินทุนอีกส่วนหนึ่ง ให้เพียงพอกับการดำเนินงานธุรกิจตามปกติด้วย

แน่นอนว่า ไม่มีธุรกิจใดที่มีแต่ข้อดีร้อยเปอร์เซ็นต์ สุดท้ายแล้วจะตัดสินใจเลือกแบบไหน ก็คงขึ้นอยู่กับเงินในกระเป๋า ความชอบ และความพร้อมของคุณแล้วละครับ

While the tips above give you a jump-start who can i pay to do my homework on the online portion of author branding, to get the most out of them you really need to have some basic branding already built.

เรื่องแนะนำ

เครื่องครัวร้านอาหาร

เทคนิค เลือกเครื่องครัว ให้เหมาะกับร้านอาหาร

เครื่องครัว เป็นอุปกรณ์สำคัญที่สุด ที่ร้านอาหารจะขาดไม่ได้เลย วันนี้เราจึงมีเทคนิคการ เลือกเครื่องครัว ร้านอาหาร สำหรับมือใหม่มาแนะนำ

ต้นทุนอาหารควบคุมได้ กำไรเห็น ๆ

  การกำหนดต้นทุนอาหารส่วนใหญ่จะกำหนดไม่เกิน 35-40 เปอร์เซนต์ของต้นทุนทั้งหมด โดยสูตรการคำนวณที่นิยมใช้กันคือต้นทุน เท่ากับ ยอดขาย (ราคาขาย ) คูณด้วยเปอร์เซนต์ของต้นทุน เพราะฉะนั้นถ้าเรากำหนดต้นทุนและยอดขายโดยประมาณไว้แล้ว เราก็จะได้จำนวนต้นทุนเพื่อควบคุมไว้ให้ไม่เกิน ยกตัวอย่าง ยอดขาย 90,000 คูณด้วย 35 เปอร์เซนต์ เท่ากับต้นทุนต้องไม่เกิน 31,500  บาท เป็นต้น ระบบการควบคุมต้นทุนให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น  ควรทำควบคู่กับระบบการจัดทำ Recipe  เพื่อกำหนดราคาขาย  และการกำหนด SOP เพื่อจัดการเมนูอาหาร   การจัดทำ  recipe เพื่อลงรายละเอียดของวัตถุดิบ   การจัดทำ recipe นั้นจะช่วยให้เรากำหนดราคาขายที่เหมาะสม ประเมินงบประมาณจัดซื้อวัตถุดิบ และยังช่วยลดการสูญเสียวัตถุดิบ ยกตัวอย่าง ดังนั้น ข้าวไข่ข้นกุ้งเมนูนี้ จึงมีต้นทุนอยู่ที่ 14.4 % หากขายที่ราคา 90  บาท นอกจากนี้ การคำนวณวัตถุดิบควรลงละเอียดในเรื่องของ yield  (การหาค่าเฉลี่ยวัตถุดิบ) ลงไปด้วยเพื่อการกำหนดต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ในส่วนของการจัดทำ Recipe […]

หน้าที่ของเจ้าของร้านอาหาร

หน้าที่ของเจ้าของร้านอาหาร คืออะไร

สาเหตุหลักที่ทำให้ร้านอาหารต้องปิดตัวคือ เจ้าของร้านทำงานน้อยเกินไปหรือมากเกินไป บางคนอาจสงสัยว่า หน้าที่ของเจ้าของร้านอาหาร คืออะไร วันนี้เราจะมาเผยให้ฟัง

ตำแหน่งพนักงานร้านอาหาร

ตำแหน่งพนักงานร้านอาหาร ที่เจ้าของร้านมืออาชีพต้องรู้!

ร้านอาหารที่ประสบความสำเร็จ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความอร่อยหรือการตกแต่งร้านเท่านั้น แต่ต้องอาศัย “ทีมงาน” ที่ดีมีคุณภาพ ช่วยกันสร้างสรรค์ขึ้นมา เจ้าของร้านบางท่านอาจจะคิดว่าให้ทีมแบ่งงานกันทำง่ายๆ ใครว่างก็ไปช่วยคนอื่นทำต่อ แต่ถ้าจะบริหารร้านให้เป็นระบบอย่างมืออาชีพแล้ว ควรจะแบ่งงานกันอย่างไร มาศึกษาการแบ่ง  ตำแหน่งพนักงานร้านอาหาร ที่เจ้าของร้านมืออาชีพต้องรู้! ตำแหน่งพนักงานร้านอาหาร ที่เจ้าของร้านมืออาชีพต้องรู้! ร้านอาหารแต่ละชนิดก็จะต้องการพนักงานที่มีคุณสมบัติแตกต่างกันไป โดยเราสามารถแบ่งประเภทพนักงานออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือ พนักงานหลังร้าน และพนักงานหน้าร้าน  พนักงานหลังร้าน ความสามารถที่จำเป็นของพนักงานหลังร้านหรือในครัวนั้น ขึ้นอยู่กับประเภทของร้านอาหาร และความซับซ้อนของเมนูในร้าน เช่น ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด พนักงานไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ในครัวมากนัก ก็สามารถประกอบอาหารได้ตามมาตรฐาน แต่ถ้าเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น คงต้องการเชฟที่มีประสบการณ์มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นความรู้เกี่ยวกับวัตถุดิบ ความสามารถในการใช้มีด การแล่ปลา การปั้นซูซิและทำอาหารญี่ปุ่นอื่นๆ  ยิ่งเป็นร้านที่พัฒนามากขึ้น ตำแหน่งก็จะยิ่งละเอียด เพื่อความชัดเจนในหน้าที่ ลดความซ้ำซ้อนของงาน และมีโครงสร้างเหมือนกับบริษัทย่อยๆ ที่พนักงานต้องเรียนรู้ขึ้นไปเรื่อยๆ โดยตำแหน่งในครัวแบ่งย่อยได้เป็น  หัวหน้าเชฟ เป็นตำแหน่งสำคัญที่สุดเบื้องหลังร้าน แค่ต้องทำอาหารได้ดียังไม่พอ แต่ต้องสามารถบริการจัดการครัวได้ด้วย ทั้งเรื่องการกระจายงานให้พนักงานในครัว ดูแลการจัดการวัตถุดิบ คำนวนต้นทุนอาหาร วางแผนและพัฒนาเมนูในร้าน   ผู้ช่วยเชฟ  มีหน้าที่ช่วยจัดการงานต่างๆ ของหัวหน้าเชฟ และดูแลครัวในกรณีที่หัวหน้าเชฟไม่อยู่ […]

Follow Me

Contact

เว็บไซต์ : amarinacademy.com
บริษัท เอเอ็มอี อิมเมจิเนทีฟ จำกัด
ในเครือ บริษัท อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน)
Tel : 02-422-9999 ต่อ 4662 หรือ 4669, 092-254-0742
Email : amarin.academy@gmail.com

ติดต่อแจ้งปัญหาหรือร้องเรียน
02-422-9999 ต่อ 4180
(จันทร์ – ศุกร์ เวลา 09.00 – 18.00 น)
bdcx@amarin.co.th

สนใจลงโฆษณากับเว็บไซต์ Amarin Academy
Tel. 081-664-0666, 091-729-8060
E-mail : sineenart_ya@amarin.co.th

© COPYRIGHT 2025 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.