9 ปัจจัยในการ เลือกทำเลร้านอาหาร
นอกจากคุณภาพอาหาร รสชาติ และการบริการ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ร้านอาหารประสบความสำเร็จแล้ว สิ่งสำคัญอีกประการที่เป็นตัวกำหนดชะตาของธุรกิจว่าจะไปรอดหรือไม่ ก็คือการ เลือกทำเลร้านอาหาร
รู้หรือไหมว่า ไม่ใช่ทุกพื้นที่จะเหมาะเป็นทำเลสำหรับร้านอาหาร ทำเลที่ดีนั้นหายากเย็นยิ่งกว่าที่หลายคนคิดไว้ บางครั้งพื้นที่ติดถนนบริเวณใจกลางเมืองที่จ้อกแจ้กจอแจ อาจจะเป็นจุดที่โดนคนเมินมากที่สุดก็เป็นไปได้ ขณะเดียวกันทำเลที่คุณคิดว่า อย่างไรก็ไม่น่าจะมีคนผ่าน ก็อาจกลับกลายเป็นพื้นที่ที่ทำกำไรให้กับเจ้าของร้านได้อย่างมหาศาล…ลองเก็บ 9 ปัจจัยในการเลือกที่ตั้งร้านเหล่านี้ไว้เป็นตัวเลือก ก่อนตัดสินใจจะเริ่มร้านกันดีกว่า
1.รู้รึยังลูกค้าเราคือใคร
ทำเลบางทำเลคนเยอะแต่อาจไม่เหมาะกับร้านของเราถ้าคนเหล่านั้นไม่ใช่กลุ่มลูกค้าที่เรามองหา ทั้งนี้ทั้งนั้นก่อนที่จะเลือกทำเลใดๆก็ตามเราต้องรู้ก่อนเสมอว่าเราจะขายใคร ในทำเลนั้นมีกลุ่มลูกค้าเราอยู่หรือไม่ พฤติกรรมเป็นยังไง การหาข้อมูลที่ดีที่สุดคือการเข้าไปนั่งในร้านอาหารที่คล้ายๆเราแล้วสังเกตุกลุ่มลูกค้า อีกอย่างคือการหาข้อมูลในบริเวณนั้นๆเช่น มีตึกออฟฟิศเยอะแค่ไหน กลางวันคนเหล่านี้ไปทานที่ไหนกัน คนผ่านหน้าร้านเยอะแค่ไหน
2.ที่จอดรถต้องพอ
คนเราทุกคนล้วนมีความขี้เกียจซ่อนอยู่ในตัว ลูกค้าของคุณก็เช่นกัน ถ้าเลือกได้คงไม่มีใครอยากเหนื่อยกับการเดินไกลๆ เพื่อไปกินอาหาร เราล้วนต้องเลือกความสะดวกสบายก่อนทั้งนั้น เว้นเสียแต่ว่า ร้านของคุณตั้งอยู่ในตัวเมืองที่มีรถสาธารณะวิ่งผ่าน หรือใกล้รถไฟฟ้า หรือเป็นย่านที่ผู้คนเดินกันคับคั่ง แต่ถ้าหากร้านอาหารของคุณอยู่แถบชานเมือง ที่จำเป็นต้องขับรถไปกินเท่านั้น การมีที่จอดรถก็ถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง หรือถ้าร้านของคุณไม่มีพื้นที่เพียงพอสำหรับทำเป็นลานจอดรถ ก็ให้ลองพิจารณาดูก่อนว่า แถวนั้นมีพื้นที่จอดรถที่สามารถไปจอดได้อยู่บ้างหรือเปล่า
3.สังเกตเห็น เป็นใช้ได้
ทำเลที่ดีคือที่ที่คนมักจะสังเกตเห็นได้ง่าย อาจจะเป็นสถานที่ที่คนเดินกันอย่างพลุกพล่าน หรือเป็นบริเวณที่รถสัญจรไปมาบ่อยๆ หรือหากร้านของคุณต้องเข้าซอยไปสักนิด ก็อาจใช้วิธีติดป้ายร้านขนาดใหญ่ไว้ริมถนน เพื่อให้คนผ่านไปมารู้สึกคุ้นตา แม้วันนี้เขาอาจจะยังไม่ตัดสินใจเข้าร้าน แต่อย่างน้อยๆ เขาก็สามารถจดจำชื่อและตำแหน่งร้านของคุณได้ไม่ยาก พูดง่ายๆ ก็เหมือนกับการทำโฆษณาแบบไม่ต้องเสียเงินนั่นแหละ
4.ขนาด…ใครว่าไม่สำคัญ
แม้คุณต้องการทำแค่ร้านเล็กๆ อย่างร้านกาแฟ หรือเบเกอรี่ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ต้องแคร์เรื่องขนาดของร้านเลย คุณต้องไม่ลืมว่า ภายในร้านจะต้องแบ่งสัดส่วนให้เพียงพอต่อการทำครัว วางตู้เย็น ชั้นวางวัตถุดิบ รวมทั้งทำพื้นที่ออฟฟิศเล็กๆ สำหรับทำงานเอกสารของคุณด้วย หรือหากเป็นร้านอาหาร ก็ควรมีพื้นที่ไว้สำหรับนั่งรอคิว หรือพื้นที่บาร์ก่อนเข้าด้านในร้าน ดังนั้นก่อนตัดสินใจเลือกทำเล ลองวางแผนให้ดีว่า พื้นที่เท่านี้พอแล้วจริงๆ หรือ
5. ทำความรู้จักเพื่อนบ้าน
ก่อนจะตัดสินใจเลือกทำเลใดๆ ก็ตาม คุณต้องไม่ลืมเก็บข้อมูลของร้านในละแวกนั้นด้วยว่า เขากำลังทำธุรกิจอะไรกันอยู่ หากว่ามีคนทำธุรกิจเดียวกับคุณอยู่แล้ว 5-6 ร้าน คุณก็ต้องกลับมาพิจารณาให้ดีแล้วว่า จะมีกำลังต่อสู้ร้านเหล่านั้นไหวหรือไม่ นอกจากนี้ต้องดูให้ดีกว่า ร้านค้าส่วนใหญ่แถวนั้นเงียบเหงาหรือคึกคัก หากว่าคึกคัก คุณก็มีแนวโน้มจะประสบความสำเร็จตามได้ง่ายๆ
6.หรูไปก็ไม่ดี
เจ้าของร้านหลายคนตัดสินใจเลือกทำเลร้านในที่ห่างไกลผู้คน เพื่อที่จะได้พื้นที่แบบกว้างขวาง ใหญ่โต สำหรับลงทุนเปิดร้านแบบหรูหรา ดูดีมีสไตล์ แต่รู้หรือไม่ว่า การลงทุนเช่นนี้อาจเสียเปล่าได้ เพราะลูกค้าคงไม่สามารถไปกินอาหารในร้านเช่นนี้ได้บ่อยๆ ส่วนใหญ่จะเลือกไปในโอกาสพิเศษเท่านั้น ดังนั้น ลองถามตัวเองดีๆ ว่า ลงทุนขนาดนี้ คุ้มหรือไม่
7.ระวังค่าเช่าที่งอกได้
หลายคนถึงกับถอดใจเมื่อมารู้ทีหลังว่า นอกจากค่าเช่าร้านที่ต้องจ่ายทุกเดือนแล้ว ยังมีรายจ่ายจิปาถะงอกขึ้นมาพร้อมค่าเช่าอีก โดยเฉพาะค่าส่วนกลาง ในกรณีที่เช่าร้านใต้อพาร์ทเมนต์หรือคอนโด ดังนั้น ก่อนที่จะตัดสินใจเช่าที่ใดๆ คุณควรสอบถามให้ดีเสียก่อนว่า มีค่าใช้จ่ายอะไรเพิ่มอีกไหม หากต่อรองได้ ก็ทำรีบซะ
- อย่าหุนหันพลันแล่น
หลายคนรีบตัดสินใจทันที หลังจากเห็นทำเลถูกใจเพียงแค่ที่เดียว การตัดสินใจด่วนจี๋เช่นนี้ อาจไม่ส่งผลดีต่อธุรกิจของคุณนัก คุณควรต้องพิจารณาทำเลนั้นๆ ในแต่ละช่วงเวลาของวันให้ดีเสียก่อน ค่อยๆ สังเกตว่า ช่วงไหนคนมักจะเดินผ่าน บางสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านในช่วงวันทำงาน อาจจะหงอยเหงามากในช่วงวันเสาร์อาทิตย์ก็เป็นไปได้ ดังนั้น ใจเย็นๆ ค่อยๆ ตัดสินใจจะดีกว่า
- วางแผนก่อนเซ็นสัญญา
ก่อนที่คุณจะเซ็นสัญญาเช่าพื้นที่ คุณต้องวางแผนให้ดีเสียก่อนว่า หากร้านอาหารของคุณไม่ได้ทำกำไรอย่างที่คิด คุณจะมีแผนสำรองในการจ่ายค่าเช่าให้ได้ครบตามสัญญาอย่างไร แม้จะฟังดูไม่เป็นมงคลเท่าไหร่ แต่ก็เป็นเรื่องประมาทไม่ได้เลย ทางที่ดีควรเริ่มต้นจากการเซ็นสัญญาแค่ปีหรือสองปีก่อน หากธุรกิจไปได้สวย ก็ค่อยเปลี่ยนมาเซ็นกันแบบยาวๆ
9 ข้อที่ยกมานี้ น่าจะเพียงพอสำหรับการตัดสินใจเลือกทำเลร้าน…เชื่อเถอะว่า แค่เริ่มต้นดี ก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว