3 ขั้นตอน ทำให้ร้านอาหารโดดเด่น กว่าร้านอื่น
ปัจจุบันเทรนด์เรื่องการเป็น Start up หรือทำธุรกิจควบคู่กับงานประจำกำลังมาแรง และธุรกิจอาหารมักกลายเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ของทุกๆ คน ทำให้การแข่งขันสูงขึ้นมาก ไม่ว่าจะเดินไปทางไหน ก็เจอร้านอาหารใหม่ๆ เกิดขึ้นมาเสมอ จนบางครั้งผู้บริโภคก็เลือกไม่ถูกและแยกไม่ออกว่าแต่ละร้านแตกต่างกันอย่างไร วันนี้เราจึงขอนำเสนอ 3 ขั้นตอน ทำให้ร้านอาหารโดดเด่น กว่าร้านอื่น เพื่อช่วยให้ร้านของคุณอยู่รอดและทำกำไรได้ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงเช่นนี้
1.ทำความรู้จักกลุ่มเป้าหมาย และกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน
สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือตั้งคำถามว่า ลูกค้าของคุณคือ “ใคร” และมี “พฤติกรรม” การบริโภคอย่างไร เพื่อจะได้ตอบสนองความต้องการของพวกเขาได้อย่างตรงจุด
“ใคร” ในที่นี้คือ เพศ อายุ ระดับการศึกษา รายได้ ถิ่นที่อยู่ ฯลฯ ส่วนพฤติกรรมการบริโภคคือ เขาเข้าร้านอาหารเวลาไหน เลือกร้านอาหารระดับใด ชื่นชอบหรือสนใจเรื่องใดเป็นพิเศษ เช่น หากลูกค้าของคุณเป็นกลุ่มนิสิต นักศึกษา อายุพวกเขาต้องอยู่ในช่วง 20 ต้นๆ มักเข้าร้านอาหารช่วงบ่ายๆ ชื่นชอบร้านอาหารที่ดูมีสไตล์ มีโต๊ะขนาดใหญ่ สามารถนั่งกินด้วยกันเป็นกลุ่มได้ และให้ความสำคัญกับราคาอาหารเป็นหลัก เป็นต้น
แม้เราจะกำหนดกลุ่มเป้าหมายหลักเอาไว้ชัดเจน แต่ร้านอาหารส่วนใหญ่มักไม่ได้มีลูกค้าเพียงแค่กลุ่มเดียว ฉะนั้นลองมองกลุ่มเป้าหมายรองเผื่อไว้สัก 2 กลุ่มด้วย โดยลองเก็บข้อมูลว่าลูกค้า 3 กลุ่มหลักๆ ที่เข้ามาใช้บริการร้านคุณคือใคร อาจจะใช้การสังเกตหรือสอบถามจากพนักงานในร้านโดยตรงก็ได้ เพื่อจะได้มีข้อมูลละเอียดขึ้น จากนั้นลองเช็คออร์เดอร์ย้อนหลังว่า ลูกค้าแต่ละกลุ่ม สั่งเมนูใดมากเป็นพิเศษ และไม่สั่งเมนูใด
การศึกษากลุ่มเป้าหมายเช่นนี้ จะช่วยให้เราเข้าใจพฤติกรรมของพวกเขามากขึ้น เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นมาประกอบการวางแผน ปรับปรุงหรือพัฒนาร้านต่อไป
2.เช็คคู่แข่งของตัวเอง
เมื่อเราทราบข้อมูลของกลุ่มเป้าหมายแล้ว อย่าลืมเจาะข้อมูลเกี่ยวกับคู่แข่งด้วย โดยหนึ่งในหนทางการสำรวจคู่แข่งที่ดีที่สุดคือการดูใน Google maps ลองเช็คดูสิว่าพื้นที่ใกล้เคียง มีร้านอาหารใดที่ถือว่าเป็นคู่แข่งของคุณบ้าง และลิสต์รายชื่อเหล่านั้นเอาไว้
จากนั้นลองสุ่มสอบถามลูกค้าแต่ละโต๊ะว่า เขาเดินทางมาอย่างไร เพื่อจะได้ทราบว่าระหว่างที่เขาเดินทางมาต้องผ่านร้านใดบ้าง ก็จะทำให้คุณตีกรอบร้านคู่แข่งได้ชัดเจนขึ้น
ถัดมาลองคิดคำ keyword ที่คิดว่าลูกค้าจะเสิร์จเจอร้านอาหารของคุณ ไม่ว่าจะเป็นด้านสไตล์อาหาร เช่น อาหารไทยโบราณ อาหารอิตาเลียน ด้านเมนูแนะนำ เช่น กุ้งสะดุ้งไฟ หรือด้านสไตล์การตกแต่งร้าน เช่น ร้านอาหารฮิปสเตอร์ร้านอาหารที่มีรายชื่อขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆ ก็เป็นคู่แข่งของคุณเช่นกัน
จากนั้นลองศึกษาคู่แข่งแต่ละร้านว่าเขามีจุดเด่น จุดด้อยอย่างไรบ้าง โดยการศึกษาคู่แข่งในที่นี้ ไม่ใช่เพื่อให้ทำตาม แต่ศึกษาเพื่อเราได้ได้รู้ว่า ควรทำอะไรให้ “ต่าง” ไม่ว่าจะเป็นในแง่สไตล์อาหาร การตกแต่งร้าน concept การบริการ ฯลฯ แต่ “ต่าง” ในที่นี้ก็ควรต้อง “ตอบโจทย์” ความต้องการของลูกค้าด้วย
3.สร้างคุณค่าให้ร้านตัวเอง
เมื่อได้ข้อมูลทั้ง 2 ส่วนอย่างละเอียดแล้ว ลองหาจุดเชื่อมโยงระหว่างความต้องการของกลุ่มเป้าหมายกับสิ่งที่คู่แข่งของคุณไม่มี จากนั้นใส่ความคิดสร้างสรรค์ลงไป สร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ลูกค้ารู้สึกว่าร้านของคุณดีและโดดเด่น แตกต่างจากร้านอื่นๆ
หากนึกภาพไม่ออก ตัวอย่างที่ดีและชัดเจนที่สุดคือ ร้าน Laemgate Infinite ที่สร้างแบรนด์และกำหนดจุดยืนของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม ฉีกกฎทุกอย่างตั้งแต่คอนเส็ปท์การเสิร์ฟอาหารแบบ Seafood buffet a la carte คือจำหน่ายอาหารทะเล กินได้ไม่อั้น ในราคาจำกัด แต่บริการเต็มรูปแบบ ลูกค้าไม่ต้องเดินไปตักเองให้เมื่อย และยังเติมเต็มความสุขให้ลูกค้าด้วยการนำศิลปะเข้ามาตกแต่งร้าน นอกจากเจริญอาหารและยังเจริญตาอีกด้วย
เพียงแค่ความต่างนี้ ทำให้ Laemgate Infinite (จากเดิมที่เคยขาดทุนติดต่อกันนานเกือบ 2 ปี) กลายเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว และมีลูกค้าแวะเวียนมาใช้บริการไม่ได้ขาด จนล่าสุดมียอดขายปีละไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท
แต่สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าจะทำตัวเองให้ต่าง และโดดเด่นได้มากแค่ไหน เจ้าของร้านต้องไม่ลืมรักษามาตรฐานคุณภาพอาหารและรสชาติให้คงที่ เพราะถึงแม้ร้านคุณจะโดดเด่นแค่ไหน แต่ถ้ารสชาติอาหารไม่ดี เขาก็ไม่กลับมาใช้บริการร้านคุณอยู่ดี