ถ้าพูดถึงเมนูอาหารญี่ปุ่นยอดฮิต คงจะมีหลายเมนูในใจ ซึ่งหนึ่งในนั้นต้องมีเมนู ข้าวแกงกะหรี่แน่นอน ซึ่งข้าวแกงหรี่น้องใหม่จากประเทศญี่ปุ่น MAJI Curry ที่รู้จักกันดีในประเทศญี่ปุ่น เลือกประเทศไทย เป็นสาขาแรกในต่างประเทศ
MAJI Curry ข้าวแกงกะหรี่ดีกรีแชมป์
แม้จะเป็นแบรนด์ข้าวแกงกะหรี่น้องใหม่ในประเทศไทย ที่คนไทยอาจจะยังไม่คุ้นหูมากนัก แต่MAJI Curry มีดีกรีถึงแชมป์ข้าวแกงกะหรี่อันดับหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น ในปี 2018 และเป็นที่รู้จักของคนญี่ปุ่น ที่ลูกค้าต้องมาต่อคิวรอเป็นจำนวนมาก และยอดขายเพิ่มขึ้นจากปี 2018 ถึง 200% และMAJI Curry เลือกที่จะขยายสาขาในต่างประเทศ และประเทศไทยก็เป็นที่แรก
เลือกประเทศไทยเป็นสาขาแรก ในต่างประเทศ?
คุณซาโตชิ ยามาโมโต ผู้บริหารบริษัท ซันปาร์ค กรุงเทพ จำกัด ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของMAJI Curry เผยว่า เคยทำธุรกิจราเมงในประเทศไทยอยู่แล้ว และเห็นว่าตลาดในประเทศไทยใหญ่มาก เมื่อเทียบกับประเทศอื่น บางประเทศ เลยทำให้สนใจที่จะมาเปิดธุรกิจร้านแกงกะหรี่ในประเทศไทย ก่อนหน้านี้ก็มีการสำรวจด้วยว่าคนไทยชอบทานแกงกะหรี่ จากร้านแกงกะหรี่ชื่อดังที่เปิดอยู่ในไทยอย่าง CoCoICHIBANYA และเห็นกว่าคนไทยชอบกินแกงกะหรี่ อยากประสบความสำเร็จเช่นเดียวกัน และข้าวแกงกะหรี่ก็เป็นที่รู้จักของคนไทยอยู่แล้ว คิดว่าน่าจะทำตลาดได้ง่าย
จุดเด่น ข้าวแกงกะหรี่MAJI Curry
รสชาติแกงกะหรี่แบบญี่ปุ่นจะอร่อยกลมกล่อม ต่างจากร้านอื่นตรงนี้จะไม่ใช่แค่รสชาติเผ็ดอย่างเดียว จะมีทั้งความเผ็ดความหวานทุกอย่างผสมมากลมกล่อม และการเปิดสาขาในประเทศไทย ก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงสูตร ยังคงรสชาติมาตรฐานสูตรแบบดั้งเดิมที่ขายในประเทศญี่ปุ่น แต่ลูกค้าสามารถรีเควสเพิ่มระดับความเผ็ดแบบที่คนไทยชอบได้
เลือกใช้วัตถุดิบนำเข้า ผสมกับวัตถุดิบของไทย เพื่อราคาที่คนไทยรับได้
มีทั้งวัตถุดิบที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น และใช้วัตถุดิบของไทยด้วย เพื่อเป็นการลดต้นทุนในการผลิต คนไทยจะได้รับประทานของอร่อย รสชาติญี่ปุ่นดั้งเดิม แต่ราคาไม่สูงมาก ซึ่งราคาจะปรับเปลี่ยนไปในแต่ละประเทศ ว่าต้นทุนวัตถุดิบราคาเท่าไหร่ ถ้าวัตถุดิบนำเข้ามาทั้งหมด ราคาต่อจานก็ย่อมสูงไปด้วย เช่น ถ้าขายจานละ 500 บาท ขายในประเทศไทยก็อาจจะค่อนข้างยาก ของไทยก็จะอยู่ที่ประมาณ 200 กว่าบาท
กลยุทธิ์การเปิดร้านแกงกะหรี่ในประเทศไทย
กลยุทธ์ที่ใช้ในการทำร้านแกงกะหรี่ให้เป็นที่รู้จักก็คือ การเข้าร่วมการแข่งขัน Kanda Curry Grand Prix 2018 ซึ่งเป็นการแข่งขันข้าวแกงกะหรี่ที่ได้รับความนิยมมากที่ญี่ปุ่น โดยตัดสินจากการโหวต และMAJI Curry ก็ได้เป็นผู้ชนะ ถูกเลือกให้เป็นข้าวแกงกะหรี่อันดับ 1 ของประเทศญี่ปุ่นในปีที่แล้ว (2018) ทำให้ร้านเป็นที่รู้จัก และเป็นที่นิยมได้อย่างรวดเร็วในประเทศญี่ปุ่น ทำให้ง่ายต่อการขยายสาขามาในต่างประเทศด้วย จึงคิดมาเปิดร้านที่ประเทศไทย เพราะเห็นว่าคนไทยรู้จักแกงกะหรี่เป็นอย่างที่ และยังชื่นชอบอาหารญี่ปุ่น จึงคิดว่าเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่จะสามารถเปิดตลาดร้านแกงหรี่ในประเทศไทยได้ไม่ยาก
ขยายสาขา แต่คุณภาพต้องไม่ตก
ถึง MAJI Curry จะขยายสาขามาในประเทศไทย แต่ในเรื่องของคุณภาพเป็นสิ่งที่ร้านเราไม่มองข้าม ในทุกสาขาทั้งในประเทศญี่ปุ่นและต่างประเทศ จะมีเชฟมืออาชีพชาวญี่ปุ่นส่งไปที่ประเทศต่างๆ เพื่อสอนวิธีการปรุงที่ถูกต้อง และควบคุมรสชาติให้ได้มาตรฐานตามต้นฉบับ ในประเทศไทยแพลนขยายอีก 30 สาขา ภายในปี 2020 และในประเทศอื่นๆ รวม 1,000 สาขา ภายในปี 2030
เบื้องหลังความสำเร็จ Maji Curry
วิธีทำแกงกะหรี่ต้องใช้ความอดทน ความพยายาม เพราะต้องใช้เวลาเคี่ยวนานกว่า 10 ชั่วโมง รวมถึงเครื่องปรุง วัตถุดิบต่างๆที่สรรหามาอย่างดีมีคุณภาพ ต้องพิถีพิถันในการเลือกทุกวัตถุดิบที่ดี ดังนั้นเราควรซื่อสัตย์ และใส่ใจผู้บริโภคมากๆ เชื่อว่าสิ่งนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ร้านเราประสบความสำเร็จได้
“ความสำเร็จของผมก็ไม่ได้เกิดขึ้นมาง่ายๆ ผมทำธุรกิจหลายอย่าง ทุกสิ่งต้องเกิดขึ้นจากความพยายาม และลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ และต้องสร้างจุดเด่น ข้อดีให้กับแบรนด์ให้เด่นกว่าคนอื่น”
ซาโตชิ ยามาโมโต ผู้บริหารบริษัท ซันปาร์ค กรุงเทพ จำกัด
ในยุคนี้ จะเห็นได้ว่าการทำธุรกิจอาหารนั้นมีหลากหลายมาก และปัจจุบันร้านอาหารไม่จำเป็นต้องนำเสนอเมนูมากมายเป็น 10 อย่าง แต่หากมีเพียงไม่กี่เมนูที่ดีที่สุด แล้วเลือกเป็นจุดขายของร้านคุณ ก็สามารถที่จะประสบความสำเร็จได้ ในยุคที่คนส่วนใหญ่มีความต้องการสินค้าที่มีความเฉพาะสำหรับแต่ละคนมากขึ้น และที่สำคัญคือต้องรักษาคุณภาพให้ดีอย่างต่อเนื่อง และรู้จักเลือกใช้กลยุทธ์ทางธุรกิจให้เหมาะสมค่ะ