เทคนิค การบริหารพนักงาน หลายเชื้อชาติ
“ต้นทุนค่าแรง” และ “ขาดแคลนแรงงานไทย” คงจะเป็นสองเหตุผลหลักที่ทำให้ร้านอาหารในบ้านเรา กลายเป็นร้านอาหารนานาชาติไปโดยปริยาย เมื่อมีความหลากหลาย แน่นอนว่าก็มีความแตกต่างตามมา ด้วยพื้นเพที่ต่างภาษา ต่างวัฒนธรรม ทำให้กลายเป็นความท้าทายของร้านอาหารไทยในยุคนี้เช่นกัน ว่าจะปรับตัวอย่างไรใน การบริหารพนักงาน หลายเชื้อชาติ
วันนี้เลยอยากชวนคิด เกี่ยวกับมุมมองที่เจ้าของร้านอาหารสามารถนำมาเริ่มปรับใช้ได้กัน
เข้าใจสิ่งที่เขาเป็น ไม่ใช่สิ่งที่เราอยากให้เขาเป็น
“การบริหารพนักงานที่มีหลายเชื้อชาติ คือความท้าทายอย่างมากครับ แต่ถ้าทำได้ ก็คุ้มค่ามากเช่นกัน”
เป็นประโยคทองที่พี่เค วรทัศน์ ตันติมงคลสุข เจ้าของ Logistic One ผู้นำธุรกิจขนส่งในกัมพูชา เล่าให้ฟังสัปดาห์ที่ผ่านมา
“บางชนชาติเขานอนพักตอนกลางวันกัน แล้วทำงานต่อตอนเย็น”
“ในขณะที่บางชนชาติจะขยันแบบสุดๆ ทำงานแบบไม่พักเลย”
สิ่งที่พี่เค อยากจะสื่อคือ ถ้าพวกเขาทำอะไรที่ในมุมมองของเราเป็นเรื่องที่ผิด เรื่องที่ไม่ดี อย่าเพิ่งด่วนสรุปโดยใช้ “สิ่งที่เราอยากให้เขาเป็น” มาเป็นตัวตัดสิน
![พนักงานร้านอาหาร](http://amarinacademy.com/app/uploads/2018/09/พนักงานร้านอาหาร.jpg)
เพราะธรรมชาติของเรา มักจะมองสิ่งต่างๆ จากมุมมองของตัวเอง “ทำไมเขาไม่ทำแบบนั้น ทำไมเขาถึงทำแบบนี้” ซึ่งการเปลี่ยนเขาเป็นเรื่องที่ยากมาก นักบริหารที่ดีต้องรู้ลักษณะนิสัยของพนักงาน และปรับเปลี่ยนการบริหารงานเราให้เหมาะกับลักษณะนิสัยของเขา และดึงศักยภาพของพนักงานออกมาให้ได้มากที่สุด
ดังนั้นสิ่งที่ควรทำ คือ ทำความเข้าใจลักษณะของคนแต่ละเชื้อชาติให้มากที่สุด ลองหาข้อมูลดู ถึงลักษณะนิสัย ความเป็นอยู่หรือถ้ารู้ประวัติศาสตร์ก็จะยิ่งช่วยทำให้เราเข้าใจความคิดของเขาได้มากขึ้นเช่นกัน
เข้าเมืองตาหลิ่ว ไม่ต้องหลิ่วตาตามเสมอไป
พวกเขาเข้ามาทำงานที่บ้านเราก็ควรจะต้องพูดภาษาของเรา แต่อย่าลืมว่า การทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนเป็นบ้านหลังที่สอง ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้อัตราการเปลี่ยนงานลดน้อยลง (เพราะพนักงานร้านอาหารถือเป็นกลุ่มคนทำงานที่มีอัตราการเปลี่ยนงานสูงมาก)
พี่เกษม GM ของ Copper Buffet เคยบอกว่า สิ่งสำคัญที่ทำให้พนักงานอยากอยู่กับเรามีแค่ 2 ข้อหลักๆ คือ เงิน และบรรยากาศที่ดีในการทำงาน
เรื่องเงินคงไม่ต้องพูดถึงครับ มันคือข้อตกลงในเบื้องต้นของการทำงานอยู่แล้ว ถ้ามีการขึ้นเงินเดือนตามที่ตกลงไว้ ก็จบ แต่บรรยากาศการทำงานนี่สิ คือสิ่งที่ต้องอาศัยพลังในการสร้างมากๆ
หนึ่งในสิ่งที่ทำให้พนักงานรู้สึกว่าบรรยากาศการทำงานดีก็คือ การสื่อสาร ถ้าเราเข้าใจภาษาของเขา (ไม่ต้องทั้งหมด แต่พอสื่อสารได้) ก็ช่วยให้บรรยากาศการทำงานราบรื่นขึ้น
“เคล็ดลับการเรียนรู้วัฒนธรรมให้เร็วที่สุด คือการเรียนรู้ภาษาเขา” เป็นคำแนะนำจาก คุณอรนุช ผการัตน์ นักธุรกิจไทยที่บุกเบิกทำธุรกิจในกัมพูชามานานหลายสิบปี
คุณอรนุช บอกว่าเรื่องเล็กน้อยที่คนพลาด คือเรื่องภาษา เพราะการที่เราเข้าใจภาษาเขาจะช่วยทำให้เราคุยกับเขาง่ายขึ้น สร้างความคุ้นเคย การทำงานก็ง่ายขึ้นมาก
“ภาษาไทย กับ สปป.ลาว แทบจะเหมือนกันเลย สำหรับภาษาไทย กับกัมพูชาเองก็ใกล้เคียงมาก ถ้าตั้งใจเรียน ก็ใช้เวลาไม่นาน”
อาจจะเป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ แต่สร้างความรู้สึกที่แตกต่างอย่างมากให้กับพนักงานต่างชาติของเรา
แม้จะต่าง ก็ต้องการความเท่าเทียม
จริงๆ แล้วไม่ว่าจะทำธุรกิจอะไร เรื่องความเท่าเทียมก็เป็นสิ่งพื้นฐานที่ผู้บริหารต้องให้ความสำคัญ
แต่ในกรณีนี้ ผมหมายถึงว่าต้องใส่ใจมากเป็นพิเศษ เพราะหลายๆ อย่างที่เป็นความต่างอาจทำให้เกิดความรู้สึกไม่เท่าเทียม
ยกตัวอย่างเช่น การสื่อสารภายในร้าน จากที่เคยติดประกาศต่างๆ เป็นภาษาไทยทุกคนก็เข้าใจดี แต่ถ้ามีพนักงานต่างชาติ อาจจะมีคนกลุ่มหนึ่งที่ไม่เข้าใจ แล้วเรามีวิธีการอื่นมาเสริมเพื่อให้พนักงานกลุ่มนี้ได้รับข้อมูลเท่าเทียมกับคนอื่นๆ หรือไม่ เช่น มีภาษาในชาตินั้นๆ กำกับ หรือมีภาพประกอบ เป็นต้น
อย่าลืมว่า จริงๆ แล้วหน้าที่ของเจ้าของร้านอาหาร ไม่ใช่สั่งงานลูกน้องให้ทำตามอย่างเดียว แต่ต้องอำนวยความสะดวกด้านการทำงานให้พวกเขาด้วย อย่าลืมว่าเขาก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ร้านอาหารของคุณประสบความสำเร็จ ฉะนั้น อย่าละเลยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้
![พนักงานเสิร์ฟ](http://amarinacademy.com/app/uploads/2018/09/พนักงานเสิร์ฟ-1.jpg)
เปิดใจเพื่อเข้าใจ ให้เยอะกว่าเดิม
ข้อนี้จำเป็นสำหรับการบริหารพนักงานในทุกที่ โดยเฉพาะสังคมที่ขี้เกรงใจแบบวัฒนธรรมเอเชีย
“การที่เขาพยักหน้า อาจจะไม่ได้แปลว่าเข้าใจ และหลายเชื้อชาติ เวลามีปัญหา…เขาอาจจะไม่กล้าพูด” พี่เค วรทัศน์ ยกตัวอย่างเพิ่มเติม
พนักงานบางคนจะรู้สึกต้องให้เกียรติผู้บังคับบัญชา เพราะฉะนั้นก็จะไม่กล้าแสดงความคิดเห็น
ความน่ากลัวของการไม่พูด มีหลายอย่าง ที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาตามมา เช่น ทำงานผิดพลาด เพราะไม่เข้าใจตั้งแต่ต้น เข้าใจผิด คิดไปเอง สารพัดปัญหา เป็นต้น หรืออีกด้านคือ ผู้บริหารจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด เพราะพนักงานไม่เคยบอกปัญหาให้ฟัง
วิธีแก้คือ ผู้บริหารอาจจะใช้วิธีชวนพนักงานไปกินข้าวด้วยกันอย่างน้อยเดือนละครั้ง ทำให้รู้สึกผ่อนคลายเกิดความคุ้นเคย เมื่อเขามีปัญหาก็จะกล้าเล่าปัญหาให้ฟัง
“อย่าลืมว่า ธรรมชาติของคนจะรู้สึกดีที่ผู้บริหารรับฟัง ในขณะที่การขาดการทำความเข้าใจ นานวันเข้าจะทำให้เกิดความแตกแยก”
ถ้าเราไม่เริ่มเปิดใจฟังทีมงาน กว่าจะรู้ตัวอีกที…. ร้านอาหารของเราก็อาจจะเสียหายไปแล้ว
ความเห็นของ ถามอีก กับอิก เรื่องลงทุน
มุมมองเหล่านี้ นอกจากมองเห็นแล้ว เราต้องลงมือฝึกฝนด้วยเช่นกัน
เหตุผลที่ผมใช้คำว่าฝึกฝน เพราะเรื่องของการจัดการคนไม่ใช่ทักษะที่เกิดขึ้นภายในไม่กี่วัน โดยเฉพาะ ทักษะการบริหารจัดการร้านที่มีพนักงานหลายเชื้อชาติแล้ว ไม่ง่ายเลยนะครับ
ทำวันละนิด ฝึกฝนวันละหน่อย จะทำให้เราเข้าใจคนในแต่ละชาติมากขึ้น ยิ่งเราเข้าใจเขามากเท่าไหร่ ก็จะช่วยทำให้สามารถดึงคนให้ทำงานกับเราได้นานขึ้น … สิ่งที่เจ้าของร้านทุกคนต้องการ จริงไหมครับ?