เทคนิค การบริหารพนักงาน หลายเชื้อชาติ - Amarin Academy

เทคนิค การบริหารพนักงาน หลายเชื้อชาติ

เทคนิค การบริหารพนักงาน หลายเชื้อชาติ

“ต้นทุนค่าแรง” และ “ขาดแคลนแรงงานไทย” คงจะเป็นสองเหตุผลหลักที่ทำให้ร้านอาหารในบ้านเรา กลายเป็นร้านอาหารนานาชาติไปโดยปริยาย เมื่อมีความหลากหลาย แน่นอนว่าก็มีความแตกต่างตามมา ด้วยพื้นเพที่ต่างภาษา ต่างวัฒนธรรม ทำให้กลายเป็นความท้าทายของร้านอาหารไทยในยุคนี้เช่นกัน ว่าจะปรับตัวอย่างไรใน การบริหารพนักงาน หลายเชื้อชาติ

วันนี้เลยอยากชวนคิด เกี่ยวกับมุมมองที่เจ้าของร้านอาหารสามารถนำมาเริ่มปรับใช้ได้กัน

เข้าใจสิ่งที่เขาเป็น ไม่ใช่สิ่งที่เราอยากให้เขาเป็น

“การบริหารพนักงานที่มีหลายเชื้อชาติ คือความท้าทายอย่างมากครับ แต่ถ้าทำได้ ก็คุ้มค่ามากเช่นกัน”

เป็นประโยคทองที่พี่เค วรทัศน์ ตันติมงคลสุข เจ้าของ Logistic One ผู้นำธุรกิจขนส่งในกัมพูชา เล่าให้ฟังสัปดาห์ที่ผ่านมา

“บางชนชาติเขานอนพักตอนกลางวันกัน แล้วทำงานต่อตอนเย็น”

“ในขณะที่บางชนชาติจะขยันแบบสุดๆ ทำงานแบบไม่พักเลย”

สิ่งที่พี่เค อยากจะสื่อคือ ถ้าพวกเขาทำอะไรที่ในมุมมองของเราเป็นเรื่องที่ผิด เรื่องที่ไม่ดี อย่าเพิ่งด่วนสรุปโดยใช้ “สิ่งที่เราอยากให้เขาเป็น” มาเป็นตัวตัดสิน

พนักงานร้านอาหาร
พนักงานร้านอาหาร แต่ละคน แต่ละเชื้อชาติ มีวัฒนธรรมที่ต่างกัน หน้าที่ของเจ้าของร้านคือต้องบริหารงานทุกอย่างให้ราบรื่นที่สุด

เพราะธรรมชาติของเรา มักจะมองสิ่งต่างๆ จากมุมมองของตัวเอง “ทำไมเขาไม่ทำแบบนั้น ทำไมเขาถึงทำแบบนี้” ซึ่งการเปลี่ยนเขาเป็นเรื่องที่ยากมาก นักบริหารที่ดีต้องรู้ลักษณะนิสัยของพนักงาน และปรับเปลี่ยนการบริหารงานเราให้เหมาะกับลักษณะนิสัยของเขา และดึงศักยภาพของพนักงานออกมาให้ได้มากที่สุด

ดังนั้นสิ่งที่ควรทำ คือ ทำความเข้าใจลักษณะของคนแต่ละเชื้อชาติให้มากที่สุด ลองหาข้อมูลดู ถึงลักษณะนิสัย ความเป็นอยู่หรือถ้ารู้ประวัติศาสตร์ก็จะยิ่งช่วยทำให้เราเข้าใจความคิดของเขาได้มากขึ้นเช่นกัน

เข้าเมืองตาหลิ่ว ไม่ต้องหลิ่วตาตามเสมอไป

พวกเขาเข้ามาทำงานที่บ้านเราก็ควรจะต้องพูดภาษาของเรา แต่อย่าลืมว่า การทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนเป็นบ้านหลังที่สอง ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้อัตราการเปลี่ยนงานลดน้อยลง (เพราะพนักงานร้านอาหารถือเป็นกลุ่มคนทำงานที่มีอัตราการเปลี่ยนงานสูงมาก)

พี่เกษม GM ของ Copper Buffet เคยบอกว่า สิ่งสำคัญที่ทำให้พนักงานอยากอยู่กับเรามีแค่ 2 ข้อหลักๆ คือ เงิน และบรรยากาศที่ดีในการทำงาน

เรื่องเงินคงไม่ต้องพูดถึงครับ มันคือข้อตกลงในเบื้องต้นของการทำงานอยู่แล้ว ถ้ามีการขึ้นเงินเดือนตามที่ตกลงไว้ ก็จบ แต่บรรยากาศการทำงานนี่สิ คือสิ่งที่ต้องอาศัยพลังในการสร้างมากๆ

หนึ่งในสิ่งที่ทำให้พนักงานรู้สึกว่าบรรยากาศการทำงานดีก็คือ การสื่อสาร ถ้าเราเข้าใจภาษาของเขา (ไม่ต้องทั้งหมด แต่พอสื่อสารได้) ก็ช่วยให้บรรยากาศการทำงานราบรื่นขึ้น

“เคล็ดลับการเรียนรู้วัฒนธรรมให้เร็วที่สุด คือการเรียนรู้ภาษาเขา” เป็นคำแนะนำจาก คุณอรนุช ผการัตน์ นักธุรกิจไทยที่บุกเบิกทำธุรกิจในกัมพูชามานานหลายสิบปี

คุณอรนุช บอกว่าเรื่องเล็กน้อยที่คนพลาด คือเรื่องภาษา เพราะการที่เราเข้าใจภาษาเขาจะช่วยทำให้เราคุยกับเขาง่ายขึ้น สร้างความคุ้นเคย การทำงานก็ง่ายขึ้นมาก

“ภาษาไทย กับ สปป.ลาว แทบจะเหมือนกันเลย สำหรับภาษาไทย กับกัมพูชาเองก็ใกล้เคียงมาก ถ้าตั้งใจเรียน ก็ใช้เวลาไม่นาน”

อาจจะเป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ แต่สร้างความรู้สึกที่แตกต่างอย่างมากให้กับพนักงานต่างชาติของเรา

แม้จะต่าง ก็ต้องการความเท่าเทียม

จริงๆ แล้วไม่ว่าจะทำธุรกิจอะไร เรื่องความเท่าเทียมก็เป็นสิ่งพื้นฐานที่ผู้บริหารต้องให้ความสำคัญ

แต่ในกรณีนี้ ผมหมายถึงว่าต้องใส่ใจมากเป็นพิเศษ เพราะหลายๆ อย่างที่เป็นความต่างอาจทำให้เกิดความรู้สึกไม่เท่าเทียม

ยกตัวอย่างเช่น การสื่อสารภายในร้าน จากที่เคยติดประกาศต่างๆ เป็นภาษาไทยทุกคนก็เข้าใจดี แต่ถ้ามีพนักงานต่างชาติ อาจจะมีคนกลุ่มหนึ่งที่ไม่เข้าใจ แล้วเรามีวิธีการอื่นมาเสริมเพื่อให้พนักงานกลุ่มนี้ได้รับข้อมูลเท่าเทียมกับคนอื่นๆ หรือไม่ เช่น มีภาษาในชาตินั้นๆ กำกับ หรือมีภาพประกอบ เป็นต้น

อย่าลืมว่า จริงๆ แล้วหน้าที่ของเจ้าของร้านอาหาร ไม่ใช่สั่งงานลูกน้องให้ทำตามอย่างเดียว แต่ต้องอำนวยความสะดวกด้านการทำงานให้พวกเขาด้วย อย่าลืมว่าเขาก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ร้านอาหารของคุณประสบความสำเร็จ ฉะนั้น อย่าละเลยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้

พนักงานเสิร์ฟ
หนึ่งในสิ่งสำคัญของการบริหารงานพนักงานหลายเชื้อชาติ คือต้องทำความเข้าใจเขาให้มากที่สุด เพื่อจะได้รู้ว่าควรบริหารงานอย่างไรจึงจะเหมาะสม

เปิดใจเพื่อเข้าใจ ให้เยอะกว่าเดิม

ข้อนี้จำเป็นสำหรับการบริหารพนักงานในทุกที่ โดยเฉพาะสังคมที่ขี้เกรงใจแบบวัฒนธรรมเอเชีย

“การที่เขาพยักหน้า อาจจะไม่ได้แปลว่าเข้าใจ และหลายเชื้อชาติ เวลามีปัญหา…เขาอาจจะไม่กล้าพูด” พี่เค วรทัศน์ ยกตัวอย่างเพิ่มเติม

พนักงานบางคนจะรู้สึกต้องให้เกียรติผู้บังคับบัญชา เพราะฉะนั้นก็จะไม่กล้าแสดงความคิดเห็น

ความน่ากลัวของการไม่พูด มีหลายอย่าง ที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาตามมา เช่น ทำงานผิดพลาด เพราะไม่เข้าใจตั้งแต่ต้น เข้าใจผิด คิดไปเอง สารพัดปัญหา เป็นต้น หรืออีกด้านคือ ผู้บริหารจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด เพราะพนักงานไม่เคยบอกปัญหาให้ฟัง

วิธีแก้คือ ผู้บริหารอาจจะใช้วิธีชวนพนักงานไปกินข้าวด้วยกันอย่างน้อยเดือนละครั้ง ทำให้รู้สึกผ่อนคลายเกิดความคุ้นเคย เมื่อเขามีปัญหาก็จะกล้าเล่าปัญหาให้ฟัง

“อย่าลืมว่า ธรรมชาติของคนจะรู้สึกดีที่ผู้บริหารรับฟัง ในขณะที่การขาดการทำความเข้าใจ นานวันเข้าจะทำให้เกิดความแตกแยก”

ถ้าเราไม่เริ่มเปิดใจฟังทีมงาน กว่าจะรู้ตัวอีกที…. ร้านอาหารของเราก็อาจจะเสียหายไปแล้ว

ความเห็นของ ถามอีก กับอิก เรื่องลงทุน

มุมมองเหล่านี้ นอกจากมองเห็นแล้ว เราต้องลงมือฝึกฝนด้วยเช่นกัน

เหตุผลที่ผมใช้คำว่าฝึกฝน เพราะเรื่องของการจัดการคนไม่ใช่ทักษะที่เกิดขึ้นภายในไม่กี่วัน โดยเฉพาะ ทักษะการบริหารจัดการร้านที่มีพนักงานหลายเชื้อชาติแล้ว ไม่ง่ายเลยนะครับ

ทำวันละนิด ฝึกฝนวันละหน่อย จะทำให้เราเข้าใจคนในแต่ละชาติมากขึ้น ยิ่งเราเข้าใจเขามากเท่าไหร่ ก็จะช่วยทำให้สามารถดึงคนให้ทำงานกับเราได้นานขึ้น … สิ่งที่เจ้าของร้านทุกคนต้องการ จริงไหมครับ?

เรื่องแนะนำ

ถ้าตัดสินใจลุยต่อ! สิ่งที่ต้องทำคืออะไรบ้าง? ในวันที่ขายได้แค่ “ซื้อกลับบ้าน”

ถ้าตัดสินใจลุยต่อ! สิ่งที่ต้องทำคืออะไรบ้าง? ในวันที่ขายได้แค่ “ ซื้อกลับบ้าน ” วิกฤตโรคระบาดครั้งนี้ดูจะไม่หายไปง่าย ๆ ถ้านับจากตอนระบาดใหม่ ๆ ก็กินเวลามาเป็นปี ๆ ทั่วโลกได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างหนัก ทำให้ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้บริโภคหรือผู้ประกอบการก็ต่างอยู่ในจุดที่ต้องกอดเงินที่มีอยู่ไว้ให้แน่น  ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้ผู้ประกอบการควรมีการวางแผนการเงินในระยะยาวให้ธุรกิจของคุณยังคงไปต่อได้ เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจในช่วงวิกฤต ลองมาดูสิ่งที่ต้องทำในวันที่ขายได้แค่ “สั่งกลับบ้าน” 1.ประเมินความพร้อม: จากบทเรียนการระบาดครั้งก่อน ร้านที่ได้ลองทำเดลิเวอรีแล้วก็พอจะเห็นสถิติและพอประเมินได้ว่า ถ้าต้องเปลี่ยนมาขายแบบซื้อกลับเป็นหลัก ร้านจะมีรายได้เท่าไหร่ พอสำหรับจ่ายค่าใช้จ่ายทั้งหมดหรือไม่ ถ้าประเมินแล้วคิดว่ารายได้โอเค สู้ไหว เปิดแล้วทำให้ร้านพอมีรายได้เข้าบ้างก็ไปข้อต่อไป 2.ต่อรองประนอมหนี้: “รายได้ลดลง รายจ่ายเท่าเดิม” สิ่งต่อมาที่ผู้ประกอบการต้องทำ คือ ลดภาระค่าใช้จ่ายต่อเดือนให้ได้มากที่สุด ให้ตัวเบาที่สุด โดยทำการพูดคุยตกลงกับเจ้าของที่เพื่อขอลดค่าเช่า หรือขอแบ่งเบาภาระหนี้สินกับธนาคาร อย่างน้อย 1 – 2 เดือน เพื่อลดรายจ่ายเท่าที่เป็นไปได้ 3.เอายังไงกับพนักงาน: แม้ร้านจะไม่เปิดให้บริการนั่งทานในร้าน แต่การจ่ายค่าจ้างพนักงานยังคงอยู่ ดังนั้นสิ่งที่ผู้ประกอบการทำได้ คือ พยายามลดค่าใช้จ่ายด้านพนักงานให้ลดลง โดยการประเมินงานที่ต้องทำในแต่ละวันก่อนว่าร้านเราน่าจะใช้คนเท่าไหร่ ถ้าใช้คนน้อยให้ลองใช้วิธีแบ่งกะเวลาการทำงาน สลับเวลากันมาทำ แต่ต้องคุยกับพนักงานให้ชัดว่า ช่วงนี้อาจจะให้ค่าตอบแทนได้น้อยลง แต่อย่างน้อยก็มีงานทำอยู่ พร้อมทั้งวางแผนการทำงานให้ […]

ต่อเติมพื้นที่อาศัยเป็นคาเฟ่ ต้องรู้เรื่องกฎหมายอะไรบ้าง ?

ต่อเติมพื้นที่อาศัยเป็นคาเฟ่ ต้องรู้เรื่องกฎหมายอะไรบ้าง ? ปรับปรุงอาคาร ที่จอดรถ เพื่อพาณิชย์ กฎหมายเบื้องต้นสำหรับคนทำคาเฟ่ ธุรกิจคาเฟ่ยังคงเป็นรูปแบบธุรกิจที่ผู้ประกอบการหลายต่อหลายคนให้ความสนใจที่จะก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตลาด ด้วยความนิยมนี้จึงทำให้เราสามารถพบเห็นการเปิดร้านคาเฟ่ใหม่ได้เรื่อย ๆ ซึ่งก็มีทั้งร้านขนาดใหญ่ กลาง เล็กคละกันไป แม้ว่าธุรกิจรูปแบบนี้จะเปิดได้ไม่ยาก แต่ก็ต้องอย่าลืมว่าในการทำธุรกิจก็ยังต้องให้การคำนึงถึงข้อกฎหมายต่าง ๆ โดยเฉพาะในการเริ่มต้นเปิดร้าน ที่จะมีกฎหมายเกี่ยวกับการดัดแปลง ออกแบบอาคารเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ก็เพื่อให้พื้นที่นั้น ๆ มีความเหมาะสมต่อการใช้งาน มีความปลอดภัย รวมถึงมีเสถียรภาพในเชิงภาษีและการทำบัญชีในอนาคต แม้ว่าร้านกาแฟขนาดเล็กอาจไม่ถูกบังคับใช้กฎหมายบางข้อ แต่การรู้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจที่ทำ ก็จะช่วยเปิดมุมมอง หรือทำให้เราสามารถนำไปปรับใช้กับธุรกิจได้ในอนาคต เมื่อถึงคราวที่ต้องการขยับขยาย ว่าแต่เราควรรู้กฎหมายอะไรบ้าง ? มาดูกัน   กฎหมายควบคุมอาคารเบื้องต้น ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจนิยามทางกฎหมายอาคารของ “ร้านกาแฟหรือคาเฟ่” ว่าร้านรูปแบบนี้เข้าข่ายทั้งการเป็น “อาคารพาณิชย์” และ “ภัตตาคาร” จึงต้องทำการพิจารณากฎหมายของทั้งสองส่วนไปพร้อม ๆ กัน โดย ทางกฎหมายได้มีการนิยามว่า – อาคารพาณิชย์ คือ อาคารใด ๆ ที่ใช้เพื่อประโยชน์ในการพาณิชยกรรมได้ และเป็นอาคารที่ก่อสร้างห่างจากถนนไม่เกิน 20 เมตร – […]

รีวิวร้านอาหารแบบไหนให้เข้าถึงใจสายกิน !

รีวิวสายจิ้น…สร้างจินตนาการให้มากที่สุด เมื่อพูดถึงการรีวิวร้านอาหาร หลายคนคงนึกถึงการรีวิวด้วยภาพเป็นอันดับแรก แต่เชื่อไหมว่าคุณสามารถเรียกลูกค้าให้ต่อคิวหน้าร้านได้โดยที่ไม่ได้มีการโพสต์รูปอาหารใด ๆ ด้วยซ้ำ เพียงแค่ทำให้เขาจินตนาการถึงอาหารของคุณ  ยกตัวอย่าง เช่น ร้านของคุณกำลังจะทำเมนูใหม่ซึ่งเป็นเมนูที่ขายรสชาติที่เผ็ดร้อน อาจเลือกใช้ภาพสีหน้าของคนที่เกิดจากการกินอาหารจานนั้น และเลือกใช้ภาพสีหน้าที่บอกระดับความเผ็ดในระดับต่าง ๆ  คนที่ได้เห็นภาพจะเกิดความรู้สึกสนใจ คิดว่าเมนูนี้จะเผ็ดขนาดไหน และต้องการเปรียบเทียบระดับความเผ็ดเมื่อได้กินเมนูนี้ด้วยตัวเอง ยิ่งคุณสามารถสร้างจินตนาการขึ้นในหัวของคนได้มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งสร้างความรู้สึกคาดหวังที่จะสัมผัสของจริงได้มากขึ้นเท่านั้น อีกหนึ่งรูปแบบในการสร้างจินตนการที่นิยมในปัจจุบันก็คือ  Content ประเภทร้านลับ เมนูลับที่ไม่บอกว่าเป็นเมนูอะไร หรือการรีวิวการกินหน้ากล้องของยูทูเบอร์เกาหลี   รีวิวสายยั่ว…ยั่วเก่งด้วยภาพ กูรูด้านการทำตลาดร้านอาหารให้ทรรศนะว่า การทำร้านอาหารให้น่าสนใจไม่ต่างอะไรกับการยั่วให้คนมาจีบ ขั้นตอนแรกก็คือ การสร้างเสน่ห์ให้ร้านอาหารของตัวเองออกไปยั่วลูกค้าให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพอาหารที่น่ากินที่สุด เสียงของอาหารที่แสดงให้เห็นถึงความกรอบ ซึ่งสามารถทำได้ทั้งรูปแบบภาพนิ่งและวิดีโอ  ที่จะสามารถทำให้ลูกค้าเกิดความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นอยากกิน หรือถ้าร้านสวยมาก ๆ มีมุมถ่ายภาพเยอะ ก็ต้องนำเสนอภาพที่ทำให้ลูกค้าต้องการมาถ่ายรูปในจุดที่สวยที่สุดของร้านของคุณ   รีวิวสายเล่า…จีบให้ติดด้วยเรื่องเล่า             ถ้าภาพสวย ๆ คือยั่วให้อยากรู้จัก เรื่องที่เล่าคือการจีบลูกค้าให้ติด  เพราะคนไม่ได้มาร้านอาหารเพียงเพื่อ ‘กิน’ เพียงเท่านั้น แต่หมายถึงประสบการณ์รอบด้านที่จะทำให้ลูกค้าได้รับกลับไป ร้านอาหารที่เก่งในการเล่าเรื่อง นอกจากจะสร้างมูลค่าให้เกิดกับสินค้าที่ขายได้แล้ว ยังทำให้เกิดการติดตามในด้านเนื้อหาอีกด้วย นอกจากจะนำจุดขายของร้านมาสร้างเรื่องเล่าในการรีวิวแล้ว คุณต้องคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายหลักของร้าน เพื่อเลือกรูปแบบของการเล่าที่สอดคล้องกับความสนใจ […]

กรณีศึกษา แค่การสั่งเมนู อาจทำให้ลูกค้ารู้สึก “เสียหน้า” เพราะความเข้าใจไม่ตรงกันกับร้าน

กรณีศึกษา แค่การสั่งเมนู อาจทำให้ลูกค้ารู้สึก “เสียหน้า” เพราะความเข้าใจไม่ตรงกันกับร้าน แชร์ประสบการณ์โดยสมาชิกกลุ่ม “คนบ้ากาแฟ” พร้อมรวมคำแนะนำต่าง ๆ ที่น่าสนใจ แอดได้ไปเจอ Topic หนึ่งในกลุ่ม “คนบ้ากาแฟ” แล้วเห็นว่าน่าสนใจมาก ๆ นั่นก็คือเรื่อง ความเข้าใจของลูกค้า กับคนขายกาแฟ ที่บางครั้งอาจจะต่างกัน ทำให้เกิดความสับสนหรือเข้าใจผิด นำไปสู่การทำเครื่องดื่มที่ไม่ใช่แบบที่ลูกค้าสั่ง หรือไม่ตรงกับที่ลูกค้าอยากได้ แต่เจ้าของร้านจะสื่อสารอย่างไร ไม่ให้ลูกค้ารู้สึก “เสียหน้า” ล่ะ ? ซึ่งสำหรับปัญหาความเข้าใจของลูกค้ากับคนขายกาแฟที่บางครั้งอาจจะต่างกันนั้น ได้มีผู้ประกอบการร้านกาแฟท่านหนึ่งได้มาแสดงความคิดเห็นเชิงแนะนำได้อย่างน่าสนใจว่า “ความเข้าใจของลูกค้ากับคนขายกาแฟมักจะต่างกัน แต่หากลูกค้าเอื้อนเอ่ยออเดอร์ใด ที่เราคิดว่าชื่อไม่ถูก เราแค่ทวนออเดอร์และส่วนผสมก็พอ อย่าทำให้ลูกค้ารู้สึกเสียหน้า ลูกค้าบางท่านอาจจำชื่อมาแค่นั้น หรือไม่ได้เข้าร้านกาแฟบ่อยๆ และเขาไม่ต้องการให้เราสอนเขา 1.ถ้าลูกค้าสั่งเครื่องดื่มไม่หวาน เราแค่ทวนว่าไม่หวานเลยหรือใส่นิดหน่อย 2.ถ้าลูกค้าสั่งเอสเพรสโซ่ร้อนใส่น้ำเยอะ ๆ ถ้าเขาไม่ได้เรียกอเมริกาโน่ ก็ไม่เป็นไร ทำให้เขานะ มันเหมือนกัน 3.คาปูชิโน่ไม่ใส่ฟองนม ไม่ใส่ช็อคโกเลต ก็แค่ตอบว่า ค่ะ แล้วถามว่า “หวานปกติไหมคะ” ตอนวัยรุ่นเคยสั่งชาเขียวปั่นร้านหนึ่ง เขาบอกไม่มีค่ะ มีแต่ […]

Follow Me

Contact

เว็บไซต์ : amarinacademy.com
บริษัท อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน)
Tel : 02-422-9999 ต่อ 4662 หรือ 4669, 092-254-0742
Email : amarin.academy@gmail.com

ติดต่อแจ้งปัญหาหรือร้องเรียน
02-422-9999 ต่อ 4180
(จันทร์ – ศุกร์ เวลา 09.00 – 18.00 น)
bdcx@amarin.co.th

สนใจลงโฆษณากับเว็บไซต์ Amarin Academy
Tel. 081-664-0666, 091-729-8060
E-mail : sineenart_ya@amarin.co.th

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.