มือใหม่ต้องรู้! จัดสต๊อกวัตถุดิบ ฉบับเข้าใจง่าย - Amarin Academy

มือใหม่ต้องรู้! จัดสต๊อกวัตถุดิบ ฉบับเข้าใจง่าย

มือใหม่ต้องรู้! จัดสต๊อกวัตถุดิบ ฉบับเข้าใจง่าย

มีเพื่อนๆ ผู้ประกอบการหลายคนทักมาถามเยอะมากว่า จะเริ่มต้น จัดสต๊อกวัตถุดิบ ยังไงให้ง่ายที่สุด มีของเหลือทิ้งน้อยที่สุด และที่สำคัญป้องกันขโมยได้ดีที่สุด

แต่ก่อนจะไปดูว่าทำยังไง เรามาทำความเข้าใจกับความสำคัญของการ จัดสต๊อกวัตถุดิบ กันก่อน

วัตถุดิบถือเป็นต้นทุนที่สูงเป็นอันดับต้นๆ ของร้านอาหาร โดยส่วนใหญ่จะคิดเป็นประมาณ 30 – 35 % ขึ้นอยู่กับประเภทร้านอาหาร (ถ้าประเภท Fast food อาจจะถูกหน่อย แต่ Buffet อาจจะสูงกว่านี้)

ในเมื่อวัตถุดิบถือเป็นต้นทุนที่สูงขนาดนี้ เจ้าของร้านจะละเลยไม่ได้ เพราะทุกวัตถุดิบที่สูญเสียไป ถือเป็นต้นทุนที่คุณต้องจ่าย (บางร้านยังไม่ทันปรุง ก็ต้องทิ้งวัตถุดิบไปเกือบ 10 % แล้ว เพราะคุณภาพไม่ดี ไม่ได้มาตรฐาน เน่าเสีย ต้องตัดทิ้ง อย่าลืมว่าสิ่งที่คุณกำลังทิ้งลงถังขยะ คือเงินของคุณทั้งนั้น!)

ทั้งนี้ 3 สิ่งที่คุณควรรู้ก่อนการจัดการสต๊อกคือ

1.จำนวนวัตถุดิบที่ “เข้ามา” ในร้าน (ทั้งที่ซื้อมาเอง และจากการที่ Supplier มาส่ง)
2.จำนวนวัตถุดิบที่ขายออก
3.จำนวนวัตถุดิบคงเหลือ

ถ้าคุณไม่รู้ตัวเลขทั้ง 3 ข้อนี้อย่างแน่ชัด คุณจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่า การจัดการวัตถุดิบของคุณมีประสิทธิภาพหรือเปล่า การใช้งานวัตถุดิบมีประสิทธิภาพไหม เกิดการขโมยหรือไม่

หลายคนอาจยังไม่เห็นภาพ เราจะยกตัวอย่างง่ายๆ ให้ฟัง

สมมติว่าคุณเปิดร้านก๋วยเตี๋ยว ทุกวันจะต้องซื้อเนื้อหมูมาจากตลาด 5 กิโลกรัม (5000 กรัม)

โดยคุณกำหนดไว้ว่าก๋วยเตี๋ยว 1 ชาม ต้องใช้เนื้อหมู 50 กรัม เท่ากับว่าวันหนึ่งๆ คุณสามารถขายก๋วยเตี๋ยวได้ 5000 ÷ 50 = 100 ชาม

แต่ปรากฏว่าเมื่อไปเช็คจากยอดขาย พบว่าคุณขายก๋วยเตี๋ยวได้แค่ 80 ชามเท่านั้น แต่เนื้อหมูกลับหมดเกลี้ยง

แล้วเนื้อหมูอีก 1 กิโลกรัมที่เหลือหายไปไหน?

ถ้าคุณไม่เคยเช็คสต๊อกและยอดขาย จะไม่มีทางรู้เลยว่าวัตถุดิบของคุณหายหรือเปล่า

และนี่แค่วัตถุดิบชนิดเดียว ยังสูญหายไปมากขนาดนี้ แล้วร้านอาหารของคุณไม่ได้มีวัตถุดิบแค่เนื้อหมูอย่างแน่นอน ถ้าไม่ตรวจสอบให้ดี ลองคิดดูว่า ในเดือนๆ นึงเงินคุณจะหายไปมากแค่ไหน ?

ทั้งนี้ช่องทางการรั่วไหลของวัตถุดิบนั้นมีหลายช่องทาง ได้แก่

1.วัตถุดิบเน่าเสีย > วัตถุดิบไม่ได้มาตรฐาน จัดเก็บไม่ดี หมดอายุก่อนนำมาใช้
2.พนักงานปรุงผิดพลาด > หั่นผิด รับออร์เดอร์ผิด ไม่ชั่ง ตวง วัด วัตถุดิบ ใช้มากเกินไปและใช้น้อยเกินไป
3.ลูกค้าขอคืนอาหาร > รสชาติเพี้ยน ไม่ได้มาตรฐาน ปรุงไม่สุก เสิร์ฟผิดโต๊ะ (แต่ลูกค้ากินไปแล้ว ก็ต้องรับคืน)
4.อาหารพนักงาน > สวัสดิการให้พนักงานกินฟรี (ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ควรทำ เพราะควบคุมยากมาก)
5.ขโมย > พนักงานขโมยวัตถุดิบกลับบ้าน

พอจะรู้ถึงความสำคัญของการจัดสต๊อกวัตถุดิบ รวมทั้งช่องทางที่ทำให้วัตถุดิบรั่วไหลแล้ว ต่อไปมาดูเทคนิคง่ายๆ ในการ จัดสต๊อกวัตถุดิบ ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันปัญหา และอุดรอยรั่วเหล่านั้นกัน!

1.สร้างระบบการสั่งซื้อ – ใช้วัตถุดิบ

การซื้อวัตถุดิบของร้านอาหารมี 2 รูปแบบใหญ่ๆ คือ ซื้อเองและสั่งจาก Supplier แต่ไม่ว่าจะซื้อรูปแบบใดสิ่งที่ควรทำคือ

1.1 ตรวจเช็คจำนวนวัตถุดิบทุกครั้ง โดยระบุหน่วยที่เหมือนกันทั้งหมด เช่น กิโลกรัม กรัม เป็นต้น เพื่อให้ง่ายต่อการคิดคำนวณ (เดี๋ยวจะบอกในขั้นต่อไปว่าต้องนำไปใช้อย่างไร)

1.2 เมื่อทราบจำนวนแล้ว ต้องระบุวันที่วัตถุดิบเข้ามาในร้าน รวมทั้งวันหมดอายุให้ชัดเจนด้วย เพื่อจะได้ทราบว่าควรหยิบใช้วัตถุดิบใดก่อน โดยควรใช้หลัก FIFO หรือ First in First Out หรือ มาก่อนใช้ก่อน ป้องกันการเน่าเสีย

1.3 จัดเรียงวัตถุดิบให้ง่ายและสะดวกในการใช้ บางร้านใช้การติดแถบสี เพื่อให้รู้ว่าควรใช้วัตถุดิบชิ้นใดก่อน ชิ้นใดหลัง หรือบางร้านจัดเรียงให้วัตถุดิบที่มาใหม่อยู่ด้านซ้ายสุดของตู้เย็นเสมอ และกำหนดว่าพนักงานต้องหยิบใช้จากด้านขวาไล่ไปซ้าย (อ่านเพิ่มเติม FIFO วิธีจัดเก็บวัตถุดิบร้านอาหาร ช่วยลดต้นทุนได้จริง!)

ข้อควรรู้ : การสั่งวัตถุดิบจาก Supplier ก็สามารถช่วยลดการสูญเสียได้เช่นกัน เนื่องจากเราสามารถกำหนดมาตรฐานของวัตถุดิบที่เราต้องการได้

เช่น เนื้อหมูปั้นก้อนที่นำมาสไลด์ ต้องมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง…เซนติเมตร เวลาเสิร์ฟจะได้มีขนาดเท่าๆ กัน

ผักต้องตัดแต่งเอาใบแก่ ใบเหี่ยวออก จะได้ไม่ต้องเสียเวลาตัดแต่งและตัวเลขการใช้งานวัตถุดิบจะได้ไม่คลาดเคลื่อน เพราะถ้าเราไม่กำหนดสเป็กของผัก เวลาคนตรวจรับของระบุในสต๊อกว่ารับผักมา 10 กิโลกรัม แต่เมื่อนำมาปรุงกลับต้องเอาใบเหี่ยว ใบแก่ออก จนเหลือที่ใช้ได้จริงเพียง 7 กิโลกรัม ซึ่งในชีวิตจริงเวลานำมาปรุง เชฟอาจจะไม่ได้ชั่งน้ำหนักให้เราว่าเด็ดใบแก่ทิ้งไปเท่าไร เอาใบเหี่ยวออกไปแค่ไหน ตัวเลขการใช้งานวัตถุดิบอาจจะคลาดเคลื่อนได้

2.กำหนดสูตรมาตรฐาน

ร้านอาหารส่วนใหญ่มักใช้วิธีกะปริมาณในการปรุง ซึ่งข้อนี้จะทำให้เราบริหารจัดการสต๊อกได้ยากมาก ทั้งยังทำให้รสชาติอาหารไม่คงที่อีกด้วย (ขึ้นกับรสมือเชฟ ถ้าเชฟลาออก ก็จบ!) ดังนั้นร้านอาหารต้องกำหนดสูตรมาตรฐานให้พนักงานชั่ง ตวง วัด วัตถุดิบทุกครั้งก่อนการใช้งาน (ที่บอกว่าต้องระบุหน่วยให้เหมือนกันตอนตรวจรับวัตถุดิบจะนำมาใช้ในขั้นนี้)

โดยสูตรมาตรฐานนี้ควรระบุหน่วยให้เหมือนกับตอนที่ตรวจรับวัตถุดิบ เพื่อง่ายต่อการคำนวณวัตถุดิบในสต๊อก (เครื่องปรุงบางชนิดไม่สามารถระบุเป็นกรัมได้ ให้แปลงจากช้อนโต๊ะหรือช้อนชา เป็นกรัมตอนคำนวณ)

เช่น เมนูสเต๊กหมู 1 จาน วัตถุดิบ ได้แก่ เนื้อหมูสันใน 200 กรัม พริกไทยดำ 1 ช้อนโต๊ะ ซอสปรุงรส 2 ช้อนโต๊ะ มันฝรั่งทอด 50 กรัม ผักสลัด 20 กรัม

สมมติว่าวันนี้คุณขายสเต็กหมูทั้งหมด 20 จาน เท่ากับว่าวัตถุดิบที่ใช้ในวันนี้ต้องคูณ 20

เมื่อรู้ตัวเลขการใช้งานแล้ว นำไปหักลบกับวัตถุดิบตั้งต้น จะได้เป็นจำนวนวัตถุดิบที่ควรจะเหลือเมื่อสิ้นวัน

เช่น คุณซื้อเนื้อหมูสันในจากตลาดมา 5000 กรัม วันนี้ใช้ไป 4000 กรัม ฉะนั้นต้องเหลือเนื้อหมูในสต๊อกทั้งสิ้น 1000 กรัม ถ้าตัวเลขไม่ตรง ก็ต้องตรวจสอบว่ามาจากสาเหตุใด

ก็ย้อนกลับไปดูช่องทางรั่วไหลของวัตถุดิบในข้างต้น เช่น ถ้าเกิดจากการปรุงอาหารผิดพลาดซ้ำๆ ก็ต้องแก้ไขที่เชฟ ถ้าเกิดจากวัตถุดิบเน่าเสีย ก็ต้องแก้ที่การตรวจรับและใช้วัตถุดิบให้เป็นระบบ เป็นต้น

3.อย่ามัวเสียเวลาคำนวณตัวเลขทุกวัน เอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเถอะ

อ่านมารู้สึกเหนื่อยกับตัวเลขเลยใช่ไหม ลองคิดดูว่านี่แค่เมนูเดียว และเราก็ยกตัวอย่างแค่วัตถุดิบชนิดเดียวด้วย ถ้าคุณต้องมานั่งคำนวณอย่างงี้ทุกวัน มีหวังไม่ได้ทำอะไรแล้ว ฉะนั้นต้องหาเครื่องทุ่นแรง

โดยสิ่งที่ตอบโจทย์คนทำร้านอาหารมากที่สุดคือระบบ POS

พูดไปหลายคนอาจจะเบื่อ เพราะเราแนะนำให้ใช้ระบบนี้มาหลายบทความแล้ว แต่เชื่อเถอะว่ามันมีประโยชน์จริงๆ เพราะมันจะเก็บข้อมูลทุกอย่างโดยละเอียด โดยที่คุณไม่ต้องมานั่งคำนวณยอดขายเอง หักลบนั่นนี่ให้ยุ่งยาก แถมยังช่วยเก็บสถิติได้ด้วยว่าร้านของคุณ เมนูไหนขายดี เมนูไหนขายได้น้อย วัตถุดิบชนิดไหนกำลังจะหมด ควรสั่งเพิ่มเท่าไร

(ระบบ POS ทำงานอย่างไร อ่านต่อได้ที่ POS คืออะไร สำคัญอย่างไรกับร้านอาหาร)

4.เช็คสต๊อกสม่ำเสมอ

หลายคนพอเห็นว่ามีระบบคอยช่วยทุ่นแรง ก็เลยชะล่าใจไม่ลงไปตรวจสต๊อกวัตถุดิบเอง ซึ่งเป็นวิธีที่ผิด เพราะระบบ บอกได้เพียงตัวเลขในอุดมคติเท่านั้น ซึ่งไม่รู้ว่าจะตรงกับจำนวนวัตถุดิบในสต๊อกจริงๆ หรือเปล่า รวมทั้งไม่สามารถบอกได้ว่าวัตถุดิบใดกำลังจะหมดอายุ ฉะนั้นคุณก็ต้องหมั่นตรวจสอบสต๊อกอย่างสม่ำเสมอด้วย

แค่อ่านก็อาจจะเหนื่อยกันแล้วใช่ไหม? การจัดการงานหน้าบ้านว่ายุ่งแล้ว งานหลังบ้านยิ่งวุ่นกว่า แต่เชื่อเถอะว่า ถ้าคุณทำตามขั้นตอนที่เราแนะนำ วางระบบให้ดีตั้งแต่ต้น เรื่องน่าปวดหัวและปัญหาต่างๆ ที่ต้องเจอจะน้อยลงไปเยอะเลย!

เรื่องแนะนำ

ธุรกิจอาหารขายดี

รวม ธุรกิจอาหารขายดี ในศูนย์การค้า ที่น่าจับตามอง

แม้ว่าในปัจจุบันการเปิดร้านอาหารที่ขายแบบออนไลน์จะกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในหมู่ผู้ประกอบการ และผู้บริโภค แต่ก็ยังมีกลุ่มผู้บริโภคอีกไม่น้อย ที่ยังคงชอบการไปรับประทานอาหารที่ร้านโดยตรง เพราะได้อิ่มเอมกับบรรยากาศภายในร้านด้วย ซึ่งร้านอาหารในศูนย์การค้า ก็นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ผู้บริโภคมักมาใช้บริการกันเป็นจำนวนมาก ทั้งกลุ่มครอบครัว คู่รัก วัยรุ่น เพราะภายในศูนย์การค้านั้น มีตัวเลือกร้านอาหารจำนวนมาก เรียกว่าเป็นแหล่งรวมร้านอาหารไว้ในที่เดียวก็ว่าได้ จนนึกสงสัยขึ้นมาว่า ร้านอาหารมากขนาดนี้แล้ว ธุรกิจอาหารขายดี ในศูนย์การค้าจะเป็นธุรกิจอาหารประเภทใดบ้าง  คุณประภา จิตวิวัฒน์พร Leasing Manager Business Development Group ศูนย์การค้า Seacon Square ได้ให้ข้อมูลกับเรามาดังนี้   รวม ธุรกิจอาหารขายดี ในศูนย์การค้า ที่น่าจับตามอง อย่างที่ทราบกันว่า ภายในศูนย์การค้านั้น เป็นแหล่งรวมร้านอาหารไว้อย่างมากมาย ซึ่งมีตั้งแต่ร้านที่เป็นเชนใหญ่ ที่หลายคนรู้จัก รวมถึงร้านทั่วไป ที่กำลังเป็นที่นิยมเป็นกระแสบ้าง หรือแม้แต่ร้านที่คุณอาจไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่ก็สามารถเข้ามาสู่ศูนย์การค้าได้ จะเห็นได้ว่ามีความหลากหลายมาก ซึ่ง ธุรกิจอาหารขายดี และเป็นที่นิยมในศูนย์การค้า มีดังนี้   ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด ส่วนใหญ่ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดที่เป็นที่นิยมนั้น มักจะเป็นร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดเชนใหญ่ ที่เราคุ้นตากันดี การที่ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดเป็นร้านอาหารที่ขายดี และเป็นที่นิยมของผู้บริโภค อาจเป็นเพราะเป็นอาหารที่ทานง่าย […]

วิธีคำนวณต้นทุนร้านอาหาร

วิธี คำนวณต้นทุนร้านอาหาร ที่เจ้าของร้านต้องรู้! by คุณ ธามม์ ประวัติตรี

การคำนวณต้นทุนร้านอาหาร ถ้ามองให้เป็นเรื่องใกล้ตัว พูดง่ายๆ ก็เหมือนเรามีเงินเดือน แล้วเราต้องรู้ว่าในแต่ละเดือนนั้น ต้องมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ และมีเงินเหลือเก็บหรือไม่ เช่นเดียวกับการ คำนวณต้นทุนร้านอาหาร ที่ต้องทำอย่างเป็นระบบ มาดูคำแนะนำจาก คุณ ธามม์ ประวัติตรี Managing Director, Wow Thai Food Holding ประเทศเนเธอร์แลนด์   “ คำนวณต้นทุนร้านอาหาร ไม่ใช่การเดา แต่ต้องทำให้เป็นระบบ แล้วผลประกอบการก็จะดีขึ้น ” เจ้าของธุรกิจบางรายมักใช้ความรู้สึก ในการวัดผลการดำเนินงาน เช่น วันที่ลูกค้าเต็มร้าน คาดว่าน่าจะมีรายได้มาก และน่าจะมีเงินหมุนเวียนในธุรกิจมากตามไปด้วย แต่คำว่ามากนั้น คงไม่เพียงพอที่จะบอกได้ว่าธุรกิจของคุณเป็นไปด้วยดีจริงหรือไม่ ทั้งนี้เจ้าของร้านจะต้องสามารถระบุได้ว่ามาตรฐานของร้าน หรือระดับรายได้ที่ควรจะได้คือเท่าไหร่ หรือมากกว่าคู่แข่งเท่าไหร่ หรือบางร้านอาจจะมีการจดบันทึกที่ละเอียดขึ้น คือมีการบันทึกรายรับ-รายจ่ายเป็นเงินสด ว่าวันนี้ขายได้กี่จาน จานละกี่บาท ก็จะบันทึกเป็นยอดขาย เพื่อนำมาคำนวณ ต่อวันจะขายได้เท่าไหร่ ต่อเดือนจะขายได้เท่าไหร่ แต่ความจริงแล้ว การคาดการณ์ที่กล่าวมาอาจไม่เพียงพอเท่าที่ควร และอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจในระยะยาวได้ เพราะเจ้าของร้านต้องไม่ลืมว่ารายรับนั้น ยังไม่ได้หักต้นทุนใด ๆ เลย ไม่ว่าจะเป็นค่าจ้างพนักงาน ค่าล่วงเวลาของพนักงาน […]

Omni media ช่วยร้านอาหารของคุณ ทำการตลาดได้ตรงจุด

ใช้เพื่อเข้าถึงลูกค้าได้ครอบคลุมมากกว่าเดิม การใช้ Omni Media ก็เหมือนกับการที่คุณมีประตูเปิดรับลูกค้าได้หลาย ๆ ช่องทาง ที่สุดแล้วลูกค้าจะเลือกรับบริการจากช่องทางที่สะดวกที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการกินหน้าร้านหรือการสั่งแบบเดลิเวอรี่  ความนิยมในสื่อออนไลน์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ค่าโฆษณาออนไลน์สูงขึ้น แต่อาจไม่ได้ตอบโจทย์แคมเปญการตลาดทั้งหมด สื่อออฟไลน์จึงถูกนำมาพูดถึงเพื่อหาจุด Touch Point ที่มีประสิทธิภาพที่สุด  ข้อดีของ Omni Media ทำให้ลูกค้าสามารถสื่อสารผ่านสื่อการตลาดออฟไลน์ที่เชื่อมโยงออนไลน์ได้โดยทันที  ยกตัวอย่าง ร้านค้าใหม่ ๆ ที่ตั้งอยู่ในห้าง ติดตั้งสื่อ POP ที่ทำการสแกน QR Code เพื่อเข้าถึงข้อมูลร้านและโปรโมชั่นได้ทันที  หรือเทคโนโลยี Location Base Service สามารถส่งข้อความเข้ามือถือลูกค้าที่อยู่ในรัศมีร้านเพื่อแนะนำสินค้าและบริการ  ลูกค้าสามารถคลิกเพื่อรับสิทธิพิเศษผ่านข้อความได้เลยทันที นอกจากนั้นการใช้เครื่องมือที่ช่วยเชื่อมโยงกัน ยังช่วยในเรื่องการสื่อสาร ลดความเข้าใจผิด เพราะเข้าถึงข้อมูลเดียวกัน ทำให้จัดการแคมเปญต่าง ๆ ทำได้ง่ายขึ้น   ใช้เพื่อรู้จักลูกค้ามากกว่าที่เคย การสื่อสารออฟไลน์ที่เคยเป็นการสื่อสารทางเดียว สามารถเชื่อมโยงออนไลน์ได้ และมีเครื่องมือที่หลากหลายในการเก็บข้อมูลลูกค้า การเก็บข้อมูลลูกค้า สามารถทำได้ง่ายมากขึ้น และข้อมูลของลูกค้าจะเป็นประโยชน์อย่างสูงสุดในการทำกิจกรรมทางการตลาด ร้านอาหารดัง ๆ หลายแห่ง เริ่มเก็บข้อมูลความต้องการพิเศษ […]

ธุรกิจมีปัญหา

3 สิ่งที่ต้องทำ เมื่อ ธุรกิจมีปัญหา

ทำธุริจคงหลีกเลี่ยงปัญหาไปไม่ได้ และบางครั้งอาจเจอปัญหาหนักจนไม่รู้จะแก้อย่างไร เราจึงมีเทคนิคดีๆ ที่จะช่วยดึงสติยาม ธุรกิจมีปัญหา มาฝาก

Follow Me

Contact

เว็บไซต์ : amarinacademy.com
บริษัท เอเอ็มอี อิมเมจิเนทีฟ จำกัด
ในเครือ บริษัท อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน)
Tel : 02-422-9999 ต่อ 4662 หรือ 4669, 092-254-0742
Email : amarin.academy@gmail.com

ติดต่อแจ้งปัญหาหรือร้องเรียน
02-422-9999 ต่อ 4180
(จันทร์ – ศุกร์ เวลา 09.00 – 18.00 น)
bdcx@amarin.co.th

สนใจลงโฆษณากับเว็บไซต์ Amarin Academy
Tel. 081-664-0666, 091-729-8060
E-mail : sineenart_ya@amarin.co.th

© COPYRIGHT 2025 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.