8 เทคนิค การตลาดร้านอาหาร เกาะกระแสฟุตบอลโลก - Amarin Academy

8 เทคนิค การตลาดร้านอาหาร เกาะกระแสฟุตบอลโลก

8 เทคนิค การตลาดร้านอาหาร เกาะกระแสฟุตบอลโลก

การตลาดร้านอาหาร ถือเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ ที่ช่วยให้ร้านอาหารประสบความสำเร็จ ยิ่งช่วงนี้กระแสฟุตบอลโลกมาแรง ร้านอาหารหลายๆ ร้านจึงเลือกเกาะกระแสนี้มาทำการตลาด แต่จะมีเทคนิคอย่างไรบ้างไปดูกันเลยครับ


 

“ผมให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันดับแรก” “พนักงานเป็นอันดับที่ 2” “แล้วผู้ถือหุ้นถึงจะเป็นอันดับที่ 3” เป็นการจัดลำดับความสำคัญของ Jack Ma ผู้ก่อตั้งอาณาจักร Alibaba เจ้าตลาด E-commerce ของจีน ที่คนไทยรู้จักเป็นอย่างดี เหตุผลคือ ลูกค้าคือคนที่จ่ายตัง ส่วนพนักงานคือคนที่ขับเคลื่อนองค์กร แต่เมื่อไรก็ตามที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ ผู้ถือหุ้นคือกลุ่มแรกที่จะขายหุ้นออกไป แต่ลูกค้าและพนักงานยังต้องอยู่กับบริษัท (เริ่มเข้าใจวิธีคิดของเขาละครับ)

Jack Ma จะคอยเฝ้าดูว่า ลูกค้าใช้ชีวิตอย่างไร มีพฤติกรรมการซื้อของอย่างไร แล้ว website แบบไหนที่ลูกค้าชอบ ใช้งานง่าย เทคโนโลยีแบบไหนที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าได้

ตัวเขาเองไม่ใช่คนที่เก่งเทคโนโลยี แต่เป็นคนที่มองเทคโนโลยีจากสายตาของลูกค้าครับ นี่คือเคล็ดลับที่ทำให้ Alibaba ก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทในดวงใจของคนทั้งโลก

“ลูกค้าไม่ได้อยากมาดูบอล แต่เขาต้องการความตื่นเต้น เขาต้องการความสุข” อาจารย์ วิว ผศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร มือหนึ่งด้านการตลาดจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยฟันธงให้ผมฟัง

อาจารย์วิว ขยายความว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือ เราต้องเข้าใจความต้องการของลูกค้าจริงๆ ต้องยอมรับก่อนว่า ช่วงที่เกิดกระแสระดับโลก อย่างฟุตบอลโลกนี้ พฤติกรรมของลูกค้าจะเปลี่ยนไป ลูกค้าจะไม่ทานอาหารแบบเดิมๆ

ผมขอให้อาจารย์วางกรอบ 3 ช่วงเวลา ที่ร้านอาหารจะสามารถเกาะกระแสฟุตบอลโลกได้ ซึ่งก็คือ ช่วงก่อนการแข่งฟุตบอลโลก ระหว่างแข่งขัน และหลังการแข่งขันจบลง มาดูเทคนิคในแต่ละช่วงเวลากันครับ

ก่อนฟุตบอลโลกจะเริ่มแข่ง ตั้งรับกันอย่างไรดี?

  1. “ตอบสนองความต้องการของลูกค้า ให้ตรงจุดและแตกต่าง”อาจารย์วิวแนะนำให้เจ้าของร้านอาหารวางแผนชัดๆเลยว่าอยากจะทำการตลาดอะไร

หลักๆ เราต้องรู้ว่ากลุ่มลูกค้าของเราในช่วงการแข่งขันรอบแรกๆ จะดูบอลที่ไหน ดูที่บ้านไหม แล้วนัดหลังๆ ลูกค้าจะเปลี่ยนที่ดูไหม จะนั่งดูดึกไหม

ต้องฝึกตั้งคำถามเรื่อยๆ เพื่อให้รู้ว่า กลุ่มลูกค้าเป้าหมายเขาจะใช้ชีวิตอย่างไร จะได้ตอบสนองความต้องการได้ตรงจุด เช่น ควรปรับโปรโมชั่นอย่างไร ควรปรับเมนูไหม สิ่งสำคัญคือ การฝึกตั้งคำถามและเตรียมตัวให้พร้อมครับ

“การทำการตลาดมันมีอะไรมากกว่า ให้ทายผลฟุตบอล หรือถ้าจะให้ทายผล มันก็มีวิธีสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้มากกว่าคู่แข่ง” กูรูด้านการตลาดแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยชวนให้คิดอย่างน่าสนใจครับ

ช่วงระหว่างแข่ง ก็ต้องควักออกมาทุกกลเม็ด !

  1. “แข่งนัดหลังๆ เริ่มอยู่ไม่ติดบ้านกันแล้วละ”

ช่วงแรกของการแข่งขัน ร้านอาหารต้องหันมาเน้นสั่งทางออนไลน์ หรือทางโทรศัพท์มากขึ้น อาจารย์วิวเล่าให้ฟังถึงธรรมชาติของลูกค้า

“อย่าไปคิดว่าลูกค้าจะออกมาทานอาหารหน้าปากซอย เราต้องคิดว่าอาหารต้องไปหาลูกค้าก็ได้ ไม่ใช่รอให้ลูกค้ามาหาเรา อย่างเดียว”

(ดูบอลดึกๆ คนมักจะหิว เพราะฉะนั้นนี่คือโอกาสทองของคนที่ยอมเปิดร้านดึกขึ้น และขยายบริการส่งถึงบ้าน พูดง่ายๆคือลูกค้าทำอะไร เปลี่ยนพฤติกรรมอย่างไร เราก็ต้องเปลี่ยนตาม)

  1. “อาศัยช่วงกระแสนี้แหละ โปรโมทร้านซะเลย”

อาจารย์วิว เริ่มให้เทคนิคละครับ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าลูกค้าใส่เสื้อทีมฟุตบอล ตอนที่คนของเราไปส่งอาหารที่บ้าน แล้วถ่ายรูปเซลฟี่ โพสต์ลง social media ก็จะได้ส่วนเครื่องดื่มฟรี หรือไม่คิดค่าส่ง เป็นต้น

(ยุคนี้เป็นยุคที่คนเชื่อเพื่อนพูดมากกว่าให้แบรนด์พูดเอง และยิ่งถ้าโพสต์ดึกๆนะครับ น่าจะช่วยกระตุกต่อมความหิวได้ดีเลย)

  1. “ยกทีม มาไว้ที่นี่”

เช่น เพิ่มเมนูขาหมูเยอรมัน หรือ Fish and chip จากอังกฤษ เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ เป็นอีกตัวอย่างที่เราสามารถเกาะกระแสฟุตบอลโลก ทำให้ร้านของเราเป็นที่สนใจได้เช่นกัน (และเผลอๆ ถ้าเมนูนั้นขายดีมาก เราอาจจะได้เมนูใหม่ประจำร้านเลยก็ได้นะครับ)

  1. “ทำให้ร้านของเรา เป็นบ้านหลังที่ 2 ในใจลูกค้า”

พฤติกรรมของคนส่วนใหญ่ในช่วงการแข่งขันรอบลึกๆ คือการออกมานั่งทานอาหารกับเพื่อนๆ ที่ร้าน มาสนุกกัน มาลุ้นกัน มาตื่นเต้นไปพร้อมๆ กัน

เจ้าของร้านเองอาจจะลองสร้างกิมมิค เล็กๆ น้อยๆ เช่น ถ้าคนมาดู 3 นัด จะได้อะไร ถ้าพาเพื่อนๆ มา 10 คนจะได้อะไร เป็นต้นครับ (อย่าลืมว่า การเชียร์กีฬากับเพื่อนๆ จะรู้สึกสนุก และยิ่งถ้าชวนเพื่อนๆ แล้วได้สิทธิประโยชน์เพิ่ม ลูกค้าก็เต็มใจชวนเพื่อนมากขึ้น นั่นหมายความว่าเจ้าของร้านก็ได้ประโยชน์ไปเต็มๆ ครับ)

  1. “บางครั้ง ก็ไม่จำเป็นต้องโพสต์รูปอาหารเสมอไป”

“คุณลองสร้างกิมมิคแบบนี้ก็ได้นะ เช่น ให้ลูกค้าลองนึกดูว่า ฟุตบอลโลกครั้งที่แล้วคุณดูกับใคร หรือตอนม.6 จำได้ไหมว่าดูที่ไหน”

อาจารย์วิวให้เทคนิคเพิ่มเติม หลังจากนั้นให้ลูกค้าแชร์ภาพในอดีต มาประกวดกัน ภาพไหนเจ๋งก็จะได้สิทธิประโยชน์อะไรบางอย่างจากทางร้าน วิธีนี้จะเป็นวิธีที่สนุกและลูกค้าก็จะช่วยกันแชร์ ช่วยโปรโมทแบรนด์ของเราได้อีกทางครับ

  1. “Offline to Online เชื่อมโลกออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน”

อย่าลืมว่า ช่วงระหว่างดูบอลจะมีพักครึ่งเวลา สิ่งที่เจ้าของร้านอาหารสามารถทำได้คือ อัพเดทผลคะแนน หรือส่งข้อความให้กำลังใจสำหรับทีมที่กำลังโดนนำอยู่ (ถ้าถ่ายภาพการเชียร์สนุกๆ ที่ร้านแล้วโพสต์ไป ก็จะเป็นการชวนให้คนที่ดูอยู่บ้าน อยากออกมาเชียร์และทานอาหารที่ร้านในนัดถัดไป)

ส่วนถ้าจะสร้างสีสันที่ร้านอาหารก็ต้องมีเทคนิคครับ “คุณจะตั้งเป็นชื่อ Happy Hour หรือ Golden Time อะไรก็ได้” อาจารย์วิวให้แง่คิดที่เอาไปใช้ได้ที่ร้านอาหารในช่วงพักครึ่งเวลาครับ เช่น ถ้าลูกค้าสมัครสมาชิกตอนนี้ก็จะได้แต้ม และถ้าลูกค้าทายผลถูกก็อาจจะได้แต้มมากขึ้น เพื่อสะสมไว้ใช้ครั้งต่อไป หรือถ้าอยู่ดูหลายๆ คู่ ก็จะได้แต้มเพิ่มขึ้น เป็นต้นครับ

แต่ถ้าจบการแข่งขัน แล้วรอคู่ต่อไปอาจจะต้องรอนานหลายชั่วโมง เราก็ต้องคิดแล้วว่า จะทำอย่างไร เช่น มีการเล่นดนตรีสด สร้างสีสันให้ลูกค้า ให้รู้สึกเพลิดเพลิน อยากชวนเพื่อนๆ มานัดสังสรรค์กัน

  1. เกมจบ เราอย่าจบ

“นี่ไม่ใช่ event ชั่วคราว แต่เป็นโอกาสได้ลูกค้าระยะยาว” คือกรอบความคิดที่อาจารย์วิว แนะนำ

ตอนช่วงที่มีการแข่งขันฟุตบอลโลก ถ้าเรามีวิธีดึงดูดลูกค้าที่ดี ลูกค้าก็จะมาทานอาหารที่ร้านอย่างแน่นขนัด แต่ตามธรรมชาติที่พอกระแสจบ ลูกค้าก็อาจจะลดลงบ้าง แต่ฐานข้อมูลลูกค้า คือสิ่งที่จะช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้

อย่าลืมว่าการแข่งขันใหญ่ๆ แบบนี้ไม่ได้มีแค่ครั้งเดียว มีสารพัดการแข่งขันทั้งฟุตบอลยูโร ฟุตบอลระดับสโมสร นั่นแปลว่าถ้าเราเก็บรวบรวมข้อมูลลูกค้าได้ เราก็จะเจอกลุ่มลูกค้าที่เขาชอบเกมกีฬาแบบนี้ แค่นี้เราก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้วครับ (เช่น facebook, line, email, เบอร์โทร)

ฐานข้อมูลลูกค้าจะเป็นช่องทางช่วยให้เราติดต่อสื่อสาร และชวนให้มาเป็นลูกค้าประจำ เป็นแฟนคลับประจำร้านของเราตลอดไปครับ

ความเห็นของถามอีก กับอิก เรื่องลงทุน

การที่เรามองหากลุ่มลูกค้าของเราให้เจอเป็นสิ่งที่สำคัญครับ แต่การที่เราเข้าใจ “Journey”  หรือการใช้ชีวิตของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเราเป็นสิ่งที่สำคัญกว่า พูดง่ายๆ ว่า ถ้าลูกค้าจะไปทำอะไร ที่ไหน เราเองต้องพร้อมที่จะตอบสนองความต้องการของพวกเขาอย่างไม่มีเงื่อนไข

และการที่เราเข้าใจลูกค้ามากๆ ก็จะช่วยให้เรารู้ว่าเทคโนโลยีไหนที่เหมาะกับการดึงดูดให้ลูกค้ามาที่ร้านอาหารของเรา และฐานข้อมูลที่เรามี ก็จะช่วยให้เราเข้าใจกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น และมีโอกาสสร้างฐานแฟนคลับได้มากขึ้นเรื่อยๆ

อย่างที่ Jack Ma บอกแหละครับว่า ตัวเขาเองไม่ใช่คนที่เก่งเทคโนโลยี แต่เป็นคนที่มองเทคโนโลยีจากสายตาของลูกค้าครับ

ขอให้โชคดีในการทำธุรกิจ และเชียร์บอลโลกอย่างมีความสุขครับ

เรื่องแนะนำ

กลุ่มลูกค้าองค์กร

กลุ่มลูกค้าองค์กร 5 ประเภท ที่ธุรกิจเดลิเวอรี่ ควรเจาะตลาด

ในยุคปัจจุบันนี้ หลายคนคงพอทราบดีแล้วว่า ธุรกิจเดลิเวอรี่ กำลังเป็นที่นิยมและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนไป ต้องการความรวดเร็ว และความสะดวกสบายมากขึ้น ทำให้ธุรกิจนี้ยังไปต่อได้ดี โดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ที่ประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหาทั้งเรื่องฝุ่น และ ไวรัส Covid 19 ทำให้ผู้คนออกนอกบ้านน้อยลง และหันมาใช้บริการเดลิเวอรี่เพิ่มขึ้น ซึ่งนอกจากให้บริการลูกค้าทั่วไปแล้ว อีกหนึ่งช่องทางน่าสนใจที่ธุรกิจเดลิเวอรี่ควรเจาะตลาด ก็คือ การจับกลุ่มลูกค้าที่เป็นองค์กร เพราะจะช่วยให้ร้านได้ยอดขายต่อ ออเดอร์ในจำนวนที่มากกว่า ดังนั้นจึงไม่ควรพลาดที่จะเจาะกลุ่มนี้ไว้ด้วย ซึ่ง กลุ่มลูกค้าองค์กร ที่น่าสนใจ 5 ประเภท มีดังนี้   กลุ่มลูกค้าองค์กร 5 ประเภท ที่ธุรกิจเดลิเวอรี่ ควรเจาะตลาด 1. กลุ่มบริษัทเอกชน ลูกค้ากลุ่มบริษัทเอกชนเหล่านี้ น่าสนใจมากๆ เพราะบริษัทเอกชนส่วนใหญ่ มักจะมีการจัดอบรมให้กับพนักงานภายในบริษัทเป็นประจำทุกปี ในหนึ่งปีก็อาจจะมีการอบรมหลายครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งก็ต้องมีอาหาร หรือของว่างรับรองเป็นจำนวนมากแน่นอน ดังนั้น ร้านอาหารอาจมีการเสนอเมนูอาหาร เซ็ตอาหาร หรือเซ็ตของว่างให้กับบริษัท ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการติดต่อผ่านทางฝ่ายบุคคล ถ้าอยากได้ระยะยาว อาจจะลองติดต่อรับงานกันแบบทั้งปีเลยก็ได้   2. กลุ่มหน่วยงานราชการ ในกลุ่มหน่วยงานราชการนี้ ไม่ว่าจะเป็น […]

แอปพลิเคชัน Food Delivery

รวม แอปพลิเคชัน Food Delivery ช่องทางช่วยร้านส่งอาหารช่วงวิกฤต COVID-19

ณ ตอนนี้ ที่หลายคนกำลังอยู่ในช่วง Work From Home และมีการออกจากบ้านกันน้อยลง ทำให้บริการ Food Delivery เป็นที่ต้องการและได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงนี้ จนเรียกได้ว่า แอปพลิเคชัน Food Delivery เป็นเหมือนพนักงานร้านอาหารประจำตัวของผู้บริโภคหลายๆ คนไปแล้ว ด้วยการอำนวยความสะดวก การนำเสนอเมนูอาหารจากร้านที่หลากหลาย โปรโมชั่นต่างๆ เหล่านี้ทำให้เป็นตัวช่วยที่ดี ที่ช่วยให้ผู้บริโภคหลีกเลี่ยงการออกจากบ้านได้  ในปัจจุบันมีแอปพลิเคชัน Food Delivery มากมายเป็นตัวเลือกให้กับผู้บริโภค โดยแต่ละแอปพลิเคชัน จะมีการใช้งานที่คล้ายกัน แต่ความแตกต่างจะอยู่ที่ค่าบริการ ร้านอาหารที่เข้าร่วม และพื้นที่ให้บริการ วันนี้เราจึงนำเสนอแอปพลิเคชันFood Delivery ยอดนิยม ที่ผู้ประกอบการควรรู้จัก และนำมาปรับใช้กับธุรกิจของคุณในช่วงวิกฤตแบบนี้มาให้ดูกันค่ะ   รวม แอปพลิเคชัน Food Delivery ช่วยร้านส่งอาหารช่วงวิกฤต COVID-19 Line Man Line Man เป็นแอปพลิเคชันที่ให้บริการหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการสั่งอาหาร เรียกแท็กซี่ ส่งพัสดุ เมสเซนเจอร์ และซื้อสินค้า ในส่วนของบริการส่งอาหารนั้น LINE […]

โฆษณาร้านอาหารผ่าน facebook

โปรโมทร้านให้เข้าถึงลูกค้า! วิธี โฆษณาร้านอาหารผ่าน Facebook

        โฆษณาร้านอาหารผ่าน Facebook เป็นช่องทางสำคัญที่จะช่วยให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเราได้ทำความรู้จัก สั่งซื้ออาหาร หรือจดจำร้านของเราได้ และมีข้อดีต่างๆ มากมาย เช่น สามารถเริ่มต้นด้วยงบประมาณน้อยๆ ได้เลย  เฟสบุ๊คเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงได้ง่าย  เพิ่มยอดขายได้ในระยะเวลาที่จำกัด  ทำได้สะดวกโดยใช้แค่โทรศัพท์มือถือ หรือคอมพิวเตอร์  เป็นโซเชียลมีเดียที่คนไทยนิยมใช้กันมากที่สุด  เจาะกลุ่มลูกค้าที่ควร  โฆษณาร้านอาหารผ่าน Facebook         สิ่งที่ทำให้ facebook โดดเด่นมาก คือข้อมูลของผู้ใช้บริการที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นอายุ ที่อยู่อาศัย การศึกษา เพจที่กดถูกใจ การเช็คอินในสถานที่ต่างๆ หรือเหตุการณ์สำคัญในชีวิต เช่น วันครบรอบวันเกิด การแต่งงาน เรียกได้ว่ารู้จักผู้ใช้บริการอย่างละเอียด          ทำให้การทำการตลาดผ่าน Facebook สามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้อย่างเจาะจงมาก และเพิ่มโอกาสที่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของร้านจะเลือกซื้ออาหารกับร้านของเรามากยิ่งขึ้น แต่การกำหนดกลุ่มเป้าหมายบน facebook ควรจะกำหนดอย่างไร ลองมาดูในแต่ละหัวข้อกันครับ  ตำแหน่งที่ตั้ง (Location)    […]

“อาหารเพื่อสุขภาพ” เทรนด์มาแรงสายคลีน โอกาสทองของคนอยากมีธุรกิจ

หนึ่งในปัจจัยภายในที่จะทำให้มีสุขภาพที่ดีได้นั้น คงหนีไม่พ้น “อาหาร” นาทีนี้เรื่องของ “อาหารเพื่อสุขภาพ” หรือ อาหารคลีนฟู้ด กำลังได้รับความนิยม อาจเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเทรนด์มาแรงของคนยุคใหม่ ที่หันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพมากยิ่งขึ้น ส่งเสริมให้ตลาดธุรกิจร้านอาหารเพื่อสุขภาพขยายตามไปด้วยเช่นกัน สำหรับคนที่สนใจอยากเปิดร้านอาหาร การลงทุนกับอาหารเพื่อสุขภาพเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจและเริ่มต้นได้ไม่ยาก วันนี้เราจึงขอนำเสนอแนวทางที่จะช่วยให้ทุกคนตีโจทย์ลักษณะของธุรกิจร้านอาหารเพื่อสุขภาพมาเป็นแนวทางในการนำไปเริ่มธุรกิจกัน 1.จุดยืนของอาหารเพื่อสุขภาพ ธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพเป็นธุรกิจที่ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคว่า อาหารของเราทำมาจากวัตถุดิบที่สดใหม่และได้คุณภาพ ปรุงรสและผ่านกรรมวิธีที่ไม่ได้ลดคุณค่าทางอาหารจนเกินไป หากสนใจลงทุนกับธุรกิจด้านนี้แล้ว เจ้าของธุรกิจอย่างเราก็ควรศึกษาหาความรู้เรื่องโภชนาการและคุณค่าทางอาหารต่างๆ ด้วยเช่นกัน เพราะเมื่อเอ่ยถึงอาหารเพื่อสุขภาพแล้ว ผู้บริโภคล้วนมองหาสิ่งดีๆ ที่จะช่วยให้พวกเขามีสุขภาพที่ดีมาจากภายใน  เรื่องของคุณภาพวัตถุดิบที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี กรรมวิธีการปรุงอาหารที่ไม่มากเกินไปจนทำให้เสียคุณค่าทางอาหาร สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งสำคัญที่กลุ่มคนรักสุขภาพมองเป็นหลัก ส่วนใหญ่มักจะมองหาอาหารที่ช่วยควบคุมแคลอรี่และน้ำหนัก แต่ขณะเดียวกันก็ต้องมีรสชาติที่ดี  มีเมนูให้เลือกอย่างหลากหลาย ไม่จำเจหรือน่าเบื่อจนเกินไป จะเป็นเมนูอาหารเช้า ขนมทานเล่น ของหวาน หรือเมนูหลักก็สามารถสร้างสรรค์ให้หลากหลายได้ หลักในการปรุงส่วนใหญ่นั้น  ร้านควรเน้นวัตถุดิบเพื่อสุขภาพ ไม่มีวัตถุดิบพวกหมักดอง หรือ ขัดขาว เช่นน้ำตาลทรายขาว ข้าวขาว อาหารควรไร้ไขมัน มีน้ำมันประกอบอาหารได้ในจำนวนน้อยและใช้น้ำมันพืชที่ดี เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันดอกทานตะวัน และปรุงรสให้กลมกล่อมแบบกลางๆมากกว่าการเน้นรสจัด ที่สำคัญควรต้องครบห้าหมู่ 2.กลุ่มผู้บริโภคอาหารเพื่อสุขภาพ แม้จะดูเหมือนว่าอาหารเพื่อสุขภาพเป็นธุรกิจที่เจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม แต่แท้จริงแล้วกลุ่มผู้บริโภคอาหารเพื่อสุขภาพกระจายอยู่ในหลายอาชีพและช่วงอายุ ทั้งกลุ่มนักศึกษาที่อยู่หอพักหรือคอนโด ซึ่งไม่ได้มีพื้นที่ในการทำอาหารมากนัก, กลุ่มพนักงานออฟฟิศที่ไม่ได้มีเวลาดูแลตัวเองเท่าที่ควร หรือกลุ่มผู้สูงอายุซึ่งต้องเริ่มใส่ใจกับอาหารการกินมากขึ้น จะเห็นได้ว่ากลุ่มผู้บริโภคไม่ได้เฉพาะเจาะจงแค่กลุ่มคนรักสุขภาพที่เข้าฟิตเนส […]

Follow Me

Contact

เว็บไซต์ : amarinacademy.com
บริษัท เอเอ็มอี อิมเมจิเนทีฟ จำกัด
ในเครือ บริษัท อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน)
Tel : 02-422-9999 ต่อ 4662 หรือ 4669, 092-254-0742
Email : amarin.academy@gmail.com

ติดต่อแจ้งปัญหาหรือร้องเรียน
02-422-9999 ต่อ 4180
(จันทร์ – ศุกร์ เวลา 09.00 – 18.00 น)
bdcx@amarin.co.th

สนใจลงโฆษณากับเว็บไซต์ Amarin Academy
Tel. 081-664-0666, 091-729-8060
E-mail : sineenart_ya@amarin.co.th

© COPYRIGHT 2025 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.