5 ข้อควรรู้ สื่อสาร บนโลกออนไลน์ไม่ให้เกิดดราม่า - Amarin Academy

5 ข้อควรรู้ สื่อสาร บนโลกออนไลน์ไม่ให้เกิดดราม่า

สื่อออนไลน์นับเป็นช่องทางการทำการตลาดยอดฮิตในยุคนี้ เพราะด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์สุดๆ ทั้งราคาถูก อัปเดตข้อมูลได้รวดเร็ว และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ในวงกว้าง แต่แน่นอนว่าเมื่อมีข้อดี ย่อมมีข้อเสีย เพราะหากพนักงานของคุณทำงานผิดพลาด หรือมีวิธีการสื่อสารบนโลกออนไลน์ไม่ถูกใจกลุ่มลูกค้ามากนัก อาจกลายเป็น “ดราม่าใหญ่” จนทำให้ยอดขายตกฮวบได้ วันนี้เราจึงมี 5 ข้อควรรู้ ซึ่งเป็นเทคนิคการ สื่อสาร บนโลกออนไลน์ในเบื้องต้น มาแนะนำให้ทราบกัน

อย่าปล่อยให้โลกออนไลน์ทำ ร้านเจ๊ง! 

5 ข้อควรรู้ สื่อสาร บนโลกออนไลน์ไม่ให้เกิดดราม่า

1.สุภาพเสมอ

คำหยาบคาย สอดเสียด ดูถูกหรือถากถาง ถือเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับการสื่อสารบนโลกออนไลน์ แม้ว่าหลายแบรนด์อาจวางคาแรกเตอร์ว่าเป็นเพจที่สนุกสนาน เป็นกันเอง เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงง่าย แต่ก็ต้องระมัดระวังในการใช้คำพูดเพื่อไม่ให้ “ล้ำเส้น” จนเกินไป เพราะลูกค้าแต่ละคนมีลักษณะนิสัยที่ต่างกัน หากสื่อสาร “ผิดจังหวะ” อาจส่งผลกระทบร้ายแรงกลับมาได้ ดังนั้นเพื่อความเหมาะสม (และปลอดภัย) ใช้คำสุภาพจะดีที่สุด

ตัวอย่างเพจที่สามารถสื่อสารและตอบโต้กับลูกค้าได้ดี คือ KFC ที่เคยเป็นกระแสโด่งดังในโลกออนไลน์ว่าแอดมินนั้นมีไหวพริบในการตอบคำถาม จนเรียกยอดไลก์และยอดแชร์บนโลกโซเชียลได้ถล่มทลาย ซึ่งเมื่อลองสังเกตดูดีๆ จะพบว่า ภายใต้ความสนุกสนานนั้น แอดมินก็ใช้ประโยคที่สุภาพและเหมาะสม

2.คุมอารมณ์ให้อยู่

เชื่อว่าเจ้าของธุรกิจหลายๆ คนคงเคยประสบปัญหา “ลูกเพจไม่น่ารัก” กันมาบ้าง เช่น ก่อกวนหน้าเพจ ใช้คำไม่สุภาพหรือตำหนิด้วยถ้อยคำรุนแรงเกินควร จนทำให้เจ้าของธุรกิจหรือแอดมินเพจรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาบ้าง แม้ว่าคุณจะไม่พอใจมากเพียงใด ก็ต้องควบคุมอารมณ์ให้อยู่ และไม่ควรตอบโต้กับกลุ่มคนเหล่านั้น เพราะอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ ทั้งนี้หากเป็นข้อความตำหนิเรื่องสินค้าหรือบริการ ก็ควรตอบกลับด้วยคำสุภาพ พร้อมแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่หากเป็นข้อความก่อกวน ก็ควรใช้วิธีลบหรือซ่อนข้อความนั้นๆ จากหน้าเพจแทน จะเป็นทางออกที่เหมาะสมกว่า

3.ถอดตัวตนออก แล้วพูดในฐานะแบรนด์

แอดมินหรือผู้ที่ดูแลเพจ ต้องคำนึงเสมอว่า ทุกประโยคที่พิมพ์ลงบนหน้าเพจ ล้วนสะท้อนตัวตนของแบรนด์ทั้งหมด ซึ่งลูกค้ามักจะเชื่อมโยงข้อความเหล่านั้นเข้ากับภาพลักษณ์ของแบรนด์ ดังนั้นหากคุณอยากให้ลูกค้ารับรู้ภาพลักษณ์ร้านคุณอย่างไร ก็ต้องสื่อสารด้วยข้อความเช่นนั้น โดยทุกครั้งที่พิมพ์ข้อความหรือตอบคำถามลูกค้า แม้ว่าช่วงเวลานั้นคุณจะอารมณ์ไม่ดีแค่ไหน ก็ต้องถอดอารมณ์นั้นออกไปให้หมด แล้วคิดเสมอว่า คุณกำลังพูดในฐานะแบรนด์ ไม่ได้พูดในฐานะตัวคุณเอง

4.คิดเสมอว่า ทุกคำตอบ คงอยู่ตลอดไป

ก่อนที่กดโพสต์ข้อความใดๆ ลงบนเพจ ต้องคำนึงเสมอว่า ข้อความนั้นจะคงอยู่ตลอดไป แม้ว่าเทคโนโลยีปัจจุบันจะสามารถกดแก้ไข หรือลบข้อความได้ แต่ก็อาจมีผู้ที่กดเซฟข้อความนั้นไว้ และหากข้อความนั้นเป็นข้อความที่ไม่เหมาะสม ย่อมส่งผลกระทบต่อธุรกิจของคุณในภายหลังอย่างแน่นอน โดยกรณีตัวอย่างการโพสข้อความผิดพลาดนั้นมีมากมาย เช่น ประกาศโปรโมชั่นผิด ตอบลูกค้าด้วยถ้อยคำที่ไม่เหมาะสม หรือบางครั้งอาจลืมสลับบัญชี โดยเข้าใจว่ากำลังจะโพสต์ข้อความตำหนิลูกค้าลงบัญชีส่วนตัว แต่จริงๆ กลับเป็นหน้าเพจของร้าน ฯลฯ และยิ่งถ้าข้อความนั้น ถูกแชร์ต่อกันเรื่อยๆ หายนะมาเยือนร้านของคุณแน่นอน

5.ใจเขา ใจเรา

สุดท้ายนี้ถือว่าผู้ดูแลเพจต้องคำนึงถึงตลอดเวลาคือ ก่อนจะสื่อสารหรือตอบคำถามใดๆ นั้น ต้องคิดเสมอว่า หากคุณเป็นลูกค้า จะคาดหวังคำตอบในรูปแบบใด เช่น หากลูกค้าเข้ามาสอบถามโปรโมชั่น (ทั้งๆ ที่คุณระบุรายละเอียดทั้งหมดไว้ในโพสต์ด้านบนแล้ว) คุณย่อมไม่อยากได้รับคำตอบว่า “ข้างบนก็มี อ่านสิ” จริงไหม แต่คงอยากได้รับคำอธิบายเพิ่มเติมเพื่อให้กระจ่างขึ้น หรือหากลูกค้าร้องเรียนเรื่องการบริการที่ขาดตกบกพร่อง เขาย่อมต้องการคำขอโทษและการแสดงความรับผิดชอบอย่างจริงใจ ไม่ใช่คำพูดห้วนๆ หรือไม่แสดงความรับผิดชอบใดๆ เลย ดังนั้นก่อนพิมพ์ ต้องคิดถึงใจเขา ใจเราด้วย

 

5 ข้อควรรู้ที่เรานำเสนอมานี้ เป็นเพียงคำแนะนำเบื้องต้นในการสื่อสารบนโลกออนไลน์เท่านั้น แต่เมื่อลงมือปฏิบัติจริงผู้ดูแลเพจจะต้องอาศัยการคิด วิเคราะห์ว่า ควรตอบคำถามหรือสื่อสารอย่างไร เพื่อให้ลูกค้าพึงพอใจมากที่สุด

 


                กลับมาอีกครั้งกับหลักสูตร HR for Food Business บริหารคน สำหรับธุรกิจอาหาร รุ่นที่ 3 หลักสูตรที่จะทำให้ผู้ประกอบการเรียนรู้การบริหารบุคลากรอย่างมีประสิทธิภาพ ไขข้อข้องใจปัญหาเรื่องพนักงานลาออกบ่อย ขาด ลา มาสาย ทะเลาะกัน การหาพนักงานที่ดี โครงสร้างเงินเดือน สัญญาจ้างงาน รวมถึงกฎหมายเกี่ยวกับแรงงานต่างๆ ที่ต้องรู้ โดยวิทยากร คือ อาจารย์ พีรพัฒน์ กองทอง ผู้มีประสบการณ์จากธุรกิจอาหารเชนใหญ่อย่าง แมคโดนัลด์ ประเทศไทย ที่จะมาพร้อมแขก สุดพิเศษ ร่วมแชร์ประสบการณ์การบริหารจัดการพนักงานในร้าน งานนี้จะจัดขั้นในวันอังคารที่ 31 มีนาคม – วันพุธที่ 1 เมษายน 2563  เวลา 9.00-17.00 น. 

 

คลิกสมัครด่วน! หลักสูตร HR for Food Business บริหารคน สำหรับธุรกิจอาหาร รุ่นที่ 3

HR for Food Business บริหารคน สำหรับธุรกิจอาหาร รุ่นที่ 3

เรื่องแนะนำ

เครื่องดื่ม

ใครก็ทำได้! รายได้เสริมลงทุนหลักร้อย ขาย ‘เครื่องดื่ม’ ทำง่าย ได้กำไรเน้นๆ

              สมัยนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการหรือมนุษย์เงินเดือน ก็คงอยากมีช่องทางเพิ่มรายได้ ซึ่งหนึ่งในธุรกิจยอดนิยมก็คือการขายอาหาร เนื่องจากเริ่มต้นง่าย ไม่จำเป็นต้องลงทุนเยอะ สามารถทำควบคู่ไปพร้อมกับงานประจำได้ สำหรับใครที่ไม่ถนัดการทำอาหาร การขาย เครื่องดื่ม แบบบรรจุขวดก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะใช้อุปกรณ์น้อย ต้นทุนไม่สูง คุมมาตรฐานความสะอาดได้ และที่สำคัญคือสะดวกต่อการขนส่งผ่านช่องทางการขายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการขายออนไลน์ การวางขายเพิ่มยอดในร้านอาหาร หรือการส่งขายตามหมู่บ้านหรือสำนักงาน        การจับเทรนด์เดลิเวอรีนั้นเป็นกลยุทธ์การสร้างยอดขายที่สำคัญในยุคสังคม New normal ที่เหมาะสำหรับทั้งผู้เริ่มต้นธุรกิจใหม่ และเจ้าของกิจการร้านอาหารที่เปิดให้บริการหน้าร้านอยู่แล้ว เพราะธุรกิจต้องมีการปรับตัวตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป การมีช่องทางการขายที่หลากหลายตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภค จะช่วยเพิ่มช่องทางสร้างรายได้ให้กับร้าน ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการเดลิเวอรี่ด้วยตัวเอง การเข้าร่วมกับแพลตฟอร์มเดลิเวอรี หรือเพิ่มเมนูเครื่องดื่มบรรจุขวดพร้อมส่ง ก็เป็นวิธีง่ายๆที่จะช่วยการเพิ่มยอดขายร้านอาหาร  และยังเป็นตัวช่วยในการขยายฐานลูกค้าได้อีกด้วย ใครก็ทำได้! รายได้เสริมลงทุนหลักร้อย ขาย ‘เครื่องดื่ม’ ทำง่าย ได้กำไรเน้นๆ  มือใหม่ก็ขายได้ หรือมีร้านแล้วก็ขายดี        สำหรับมือใหม่ที่อยากมีธุรกิจส่วนตัว ควรเริ่มต้นจากการประเมินงบที่พร้อมใช้ในการลงทุน มองหาธุรกิจที่ง่ายต่อการบริหารจัดการ เพื่อลดความเสี่ยงของการทำธุรกิจ อาจลองเริ่มก้าวแรกด้วยการขายเครื่องดื่ม แนะนำให้เริ่มจากเครื่องดื่มประเภทพร้อมชง ที่หาวัตถุดิบได้ง่ายในต้นทุนหลักร้อย แต่สามารถบวกกำไรได้เยอะ และง่ายต่อการควบคุมมาตรฐานรสชาติให้อร่อยสม่ำเสมอ        ในมุมของผู้ประกอบการเอง การเพิ่ม “เมนูเครื่องดื่มเย็น” […]

6 เคล็ดลับ การเปิดร้านอาหาร ให้ “รอด” และ “รวย”

บางคนคิดว่า การเปิดร้านอาหาร เป็นเรื่องง่ายมีเงินก็สามารถเปิดร้านได้แล้ว แต่จะเปิดให้อยู่รอดได้นั้นยากมาก แล้วเคล็ดลับที่จะทำให้ร้านอาหารอยู่รอด คืออะไร? ” การเปิดร้านอาหาร นั้นง่าย แต่ให้อยู่รอดนั้นยาก” คำกล่าวที่ใครหลายๆคนพูดไว้ ธุรกิจร้านอาหารเป็นธุรกิจสำหรับคนที่พอมีเงินลงทุน มักจะเลือกลงทุน เพราะคิดว่าเป็นธุรกิจที่ไม่ยุ่งยาก อย่างไรก็ตามกลับพบว่า ร้านอาหารที่เปิดขึ้นมากมายในแต่ละปีนั้น ปิดตัวลงไปหลายร้าน สาเหตุอาจมาจาก รายได้ไม่เป็นไปตามที่คิด เงินทุนสำรองไม่พอ ค่าใช้จ่ายสูง ในที่สุดก็ต้องปิดกิจการลง สำหรับมือใหม่ที่อยากมีอาชีพด้วยการเปิดร้านอาหาร วันนี้เรามีเคล็ดลับการเปิดร้านอาหาร ให้รอด และ รวย  มาฝากคนที่อยากทำร้านอาหารค่ะ   1.ทำเลที่ตั้ง คนที่อยากจะเปิดร้านอาหาร ไม่ว่าใครต่อใครก็อยากอยู่ในบริเวณแหล่งชุมชนคนเยอะๆ ถ้าจะให้ดีควรลงพื้นที่สำรวจและสังเกตว่ามีกลุ่มลูกค้ามากน้อยแค่ไหน ดูว่ากลุ่มคนแถวนั้นเป็นลูกค้ากลุ่มใด เช่น พนักงานบริษัท กลุ่มคนทำงานโรงงาน กลุ่มนักเรียน นักศึกษา หรือพ่อบ้านแม่บ้าน เพราะกลุ่มคนจะสัมพันธ์กับชนิดสินค้าและราคาที่เราจะขาย เช่น เราคงไม่เปิดร้านอาหาร Fine Dining ในย่านสถานศึกษาเพื่อขายนักเรียน แต่ควรขายของที่กินง่ายๆ อย่างไก่ป๊อบทอด เฟรนช์ไฟลส์ทอด ในราคาไม่แพง นอกจากนั้นต้องรู้ว่าเวลาเข้างาน พักเที่ยง เลิกงาน  เพื่อให้เรารู้ว่าเวลาไหนคนเยอะคนน้อย เตรียมของขายได้ถูกช่วงเวลา […]

Hyper-Personalization

อ่านใจลูกค้าออก บริการได้ตรงใจ ด้วยการตลาดแบบ Hyper-Personalization

อ่านใจลูกค้าออก บริการได้ตรงใจ ด้วยการตลาดแบบ Hyper-Personalization อยากมัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด ก็ต้องอ่านใจลูกค้าให้ออก.. ทุกวันนี้เราอยู่ในยุคที่ผู้บริโภคอยากรู้ทุกอย่าง และสามารถเข้าถึงข้อมูลทุกเรื่องได้ด้วยปลายนิ้ว ฉะนั้นการทำการตลาดแบบเดิมๆ อาจไม่ได้ผลอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการจำชื่อลูกค้า, ส่งข้อความ หรืออีเมล์ไปอวยพรวันเกิด พร้อมส่วนลดต่างๆ ซึ่งวิธีเหล่านี้กำลังจะกลายมาเป็นเพียงข้อมูลพื้นฐานสำหรับการทำการตลาดเท่านั้น ดังนั้นธุรกิจร้านอาหารหรือแบรนด์ที่จะสะกิดใจคนได้ ต้องเป็นแบรนด์ที่รู้จักและรู้ใจลูกค้า ด้วยการทำการตลาดแบบ Hyper-Personalization ซึ่งเป็นการตลาดที่เข้าถึงตัวบุคคลมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่ตรงใจลูกค้ามากกว่าที่เคย อย่าปล่อยให้เสียเวลาเปล่า เจ้าของธุรกิจทั้งหลายต้องรีบทำความเข้าใจ เรียนรู้ และปรับตัว รวมถึงเปลี่ยนรูปแบบวิธีการทำงานให้เข้ากับสถานการณ์ แล้วจะช่วยให้ลูกค้าเดินเข้าร้านได้อย่างยิ้มแย้มและเต็มใจ หัวใจของ Hyper Personalization อยู่ที่ “Big Data” ก่อนอื่นต้องอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ก่อนว่าการตลาดแบบ Hyper Personalization เป็นการนำ Big Data แบบเรียลไทม์มาใช้ในการคาดเดาความต้องการของผู้บริโภค ไม่ใช่แค่ข้อมูลจากประวัติการสั่งซื้อทั่วไป แต่เป็นการเอาข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์ออกมาเป็นพฤติกรรมการซื้อ เพื่อให้สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ว่าลูกค้าคนนี้อยากจะซื้อกับเราครั้งถัดไปเมื่อไหร่ หรือจะกระตุ้นเขาให้ซื้อได้ด้วยวิธีไหน ซึ่ง Big Data คือการนำข้อมูลรอบๆ ตัว จากหลายๆ ส่วนมาประมวล วิเคราะห์ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อ  จึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเจ้าของร้านอาหาร ที่จะนำมาวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมลูกค้า […]

เจาะพฤติกรรมคนเลือกร้านอาหารยุคใหม่

ในยุคปัจจุบันนี้ ต้องยอมรับเลยว่าเทรนด์ต่าง ๆ บนโลกใบนี้ เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วมาก ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี แฟชั่น หรือแม้แต่เรื่องอาหารการกิน

Follow Me

Contact

เว็บไซต์ : amarinacademy.com
บริษัท เอเอ็มอี อิมเมจิเนทีฟ จำกัด
ในเครือ บริษัท อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน)
Tel : 02-422-9999 ต่อ 4662 หรือ 4669, 092-254-0742
Email : amarin.academy@gmail.com

ติดต่อแจ้งปัญหาหรือร้องเรียน
02-422-9999 ต่อ 4180
(จันทร์ – ศุกร์ เวลา 09.00 – 18.00 น)
bdcx@amarin.co.th

สนใจลงโฆษณากับเว็บไซต์ Amarin Academy
Tel. 081-664-0666, 091-729-8060
E-mail : sineenart_ya@amarin.co.th

© COPYRIGHT 2025 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.