Food Rotation Labels สติกเกอร์บอกรายละเอียดวัตถุดิบ มาตรฐานครัวที่สำคัญ

Food Rotation Labels สติ๊กเกอร์บอกรายละเอียดวัตถุดิบ มาตรฐานครัวสำคัญที่ร้านอาหารควรมี

Food Rotation Labels

สติ๊กเกอร์บอกรายละเอียดวัตถุดิบ

มาตรฐานครัวสำคัญที่ร้านอาหารควรมี

ทุกวันนี้ผู้คนหันมาให้ความสำคัญกับอาหารการกินในทุก ๆ ทาง นี่จึงเป็นเหตุผลชวนให้ผู้ประกอบการหันมาใส่ใจสุขลักษณะในการประกอบอาหาร เพื่อสร้างความมั่นใจทั้งต่อคนเสิร์ฟและคนรับประทาน ลองเปลี่ยนมาใช้ สติ๊กเกอร์บอกรายละเอียดวัตถุดิบ กัน!
.
สติ๊กเกอร์บอกรายละเอียดวัตถุดิบ (Food Rotation Labels หรือบางคนอาจจะเรียกว่า Daydot) คือ เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการจัดระบบวัตถุดิบที่จะนำมาใช้ประกอบอาหาร โดยในสติกเกอร์จะมีหัวข้อให้ผู้ใช้ระบุข้อมูลเกี่ยวกับวัตถุดิบนั้น ๆ เช่น วัตถุดิบคืออะไร ผลิตวันไหน หมดอายุเมื่อไหร่ และใครเป็นคนเปิดใช้ เพื่อป้องกันการนำวัตถุดิบที่ไม่ปลอดภัยมาใช้ในการบริโภค
✅ตัวอย่างข้อมูลที่ควรมีบนสติกเกอร์ติดอาหาร:
1.ชื่อผลิตภัณฑ์ (Product) เพื่อบ่งบอกว่าผลิตภัณฑ์นั้น คืออะไร
2.การจัดเก็บ (Type) : มีการจัดเก็บแบบไหน เช่น แช่แข็ง (Frozen) แช่เย็น (Chiller) หรือเก็บในอุณหภูมิห้อง (Ambient)
3.วันที่ผลิต (Product Date)
4.เวลาผลิต (Production Time)
5.วันที่หมดอายุ (Expiry Date)
6.เวลาที่หมดอายุ (Expiry Time)
7.ชื่อพนักงานที่เตรียม (Staff Name) เพื่อบ่งบอกว่าผลิตภัณฑ์นี้ใครเป็นคนเตรียม ซึ่งคนนั้นก็คือผู้รับผิดชอบการนำผลิตภัณฑ์นี้มาใช้ด้วย
หมายเหตุ: ข้อมูลข้อที่ 3-6 เป็นข้อมูลสำคัญที่กำหนดการนำผลิตภัณฑ์มาใช้ เพื่อให้เป็นไปตามหลัก First in First out (FIFO) หรือมาก่อนใช้ก่อน ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพของอาหารที่นำมาเสิร์ฟให้กับลูกค้า อีกทั้งยังสามารถลดการเกิด Waste ที่อาจเกิดจากการจัดเก็บผลิตภัณฑ์เก่าและใหม่รวมกัน
🖊วิธีใช้: ใช้ติดที่บรรจุภัณฑ์ที่บรรจุวัตถุดิบนั้น ๆ สำหรับของสด หากทำการล้างและตัดแต่งเสร็จแล้ว ให้กรอกรายละเอียดลงบนสติกเกอร์ จากนั้นทำการแปะลงบนบรรจุภัณฑ์ที่ใช้บรรจุ แล้วทำการจัดเก็บ สำหรับของแห้งหรือเครื่องปรุง หลังจากการเปิดใช้งานให้กรอกรายละเอียดต่าง ๆ ลงบนสติกเกอร์ ซึ่งข้อมูลสำคัญสำหรับวัตถุดิบประเภทนี้ คือ วันที่เปิดใช้ ผู้เปิด เป็นต้น
สติกเกอร์ที่ว่านี้มีอยู่หลายรูปแบบด้วยกัน หนึ่งในนั้นก็คือแบบ Daydot ที่มีการนำมาใช้เป็นครั้งแรกปี 1985 ในระบบอุตสาหกรรมอาหาร เป็นสติกเกอร์สีตามวันในสัปดาห์ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาสีตามวันจึงได้กลายมาเป็นมาตรฐานและตัวกำหนดในการหมุนเวียนการใช้อาหาร
เราสามารถพบการใช้สติกเกอร์ติดอาหารได้ในครัวที่มีมาตรฐานระดับมืออาชีพ เช่น ครัวในโรงแรม ครัวภัตตาคาร หรือร้านที่มีระบบการจัดเก็บที่มีประสิทธิภาพ เพราะมันเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการเสิร์ฟอาหารที่ปลอดภัยให้กับลูกค้า ให้ความมั่นใจทั้งต่อคนเสิร์ฟและคนรับประทาน ช่วยให้การจัดการในครัวมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพิ่มความแม่นยำในการใช้วัตถุดิบ ลดขยะที่อาจหลงเหลือจากการใช้วัตถุดิบที่ไม่เป็นระบบ และที่สำคัญยังช่วยให้ธุรกิจคุณดำเนินไปได้อย่างราบรื่น
เพราะในหลายกรณีวัตถุดิบที่หมดอายุแล้วก็มีหน้าตาปกติ แต่จริง ๆ อาจมีแบคทีเรียหรือเชื้อโรคเจริญเติบโตอยู่ในวัตถุดิบนั้นแล้ว หากเผลอนำมาใช้ก็จะเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคได้ เครื่องมือนี้จึงเป็นตัวบ่งบอกถึงความปลอดภัยของอาหาร ที่น่าเชื่อถือกว่ารูปลักษณ์ที่เราเห็น
เชื่อว่าคุณคงไม่ต้องการเสิร์ฟอาหารที่พอกินได้ให้กับลูกค้า แต่เป็นการเสิร์ฟอาหารที่มีคุณภาพให้กับลูกค้ามากกว่า เพราะคุณภาพของอาหารก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้อาหารจานนั้นอร่อย การติดสติ๊กเกอร์บอกรายละเอียดวัตถุดิบ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ในการรักษาคุณภาพของอาหาร และเป็นปัจจัยที่ทำให้ร้านอาหารมีระบบการจัดการที่ดี
สำหรับใครที่อยากได้ฉลากติดอาหารไปใช้ สามารถดาวน์โหลดได้ที่ลิงก์
ซึ่งฉลากนี้เป็นรูปแบบเดียวกับที่ร้านปลาร้าเด้อ ร้านของพี่ธามม์ ประวัติตรีใช้ด้วยนะ
.

เรื่องแนะนำ

เทียบ ข้อดี – ข้อพิจารณา บริการน้ำเปล่า “ตั้งน้ำไว้บนโต๊ะให้ลูกค้าหยิบ” กับ “ให้ลูกค้าสั่งกับพนักงาน”

เทียบ ข้อดี – ข้อพิจารณา บริการน้ำเปล่า “ตั้งน้ำไว้บนโต๊ะให้ลูกค้าหยิบ” กับ “ให้ลูกค้าสั่งกับพนักงาน” บริการแบบไหนเหมาะกับร้านคุณ!? เวลาไปร้านอาหารคุณชอบบริการแบบไหนมากกว่ากัน!? ระหว่างร้านที่ “ตั้งน้ำไว้บนโต๊ะให้ลูกค้าหยิบ” กับ “ให้ลูกค้าสั่งกับพนักงาน” ในแง่ของผู้ประกอบการรูปแบบบริการ 2 อย่างข้างต้นต่างก็มีข้อดี ข้อด้อยแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความเหมาะสมกับร้าน แต่แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าแบบไหนเข้ากับร้านเราล่ะ ? ลองมาดูข้อดี ข้อด้อยของบริการน้ำดื่ม 2 รูปแบบนี้เพื่อช่วยในการตัดสินใจนำมาปรับใช้กับร้านคุณสิ! . หมายเหตุ: น้ำดื่มที่ยกมาพูดถึง คือ น้ำเปล่า ซึ่งในที่นี้จะขอเรียกสั้น ๆ ว่า “น้ำ” . <<ตั้งน้ำไว้บนโต๊ะให้ลูกค้าหยิบ>> ข้อดี 1.แน่นอนว่าวิธีนี้ทำให้ลูกค้าสามารถหยิบน้ำดื่มเติมเองได้ทันที ไม่ต้องรอเรียกพนักงานให้มารับออเดอร์หรือรอพนักงานเดินไปหยิบน้ำมาเสิร์ฟ เรียกได้ว่าเป็นวิธีที่ทันใจลูกค้า 2.เนื่องจากการมีน้ำมาตั้งอยู่ใกล้ ๆ ทำให้ลูกค้ามีแนวโน้มเปิดเครื่องดื่มเพิ่มมากกว่าการต้องสั่งให้พนักงานมาเสิร์ฟ เพราะลูกค้าสามารถตัดสินใจได้เดี๋ยวนั้น จะดื่มก็หยิบเพิ่มเลย ในทางกลับกันถ้าต้องใช้เวลาในการรอ ลูกค้าก็อาจจะเปลี่ยนใจแล้วเลือกที่จะกลับไปกินที่บ้านหรือที่อื่นแทน เพราะเพียงเสี้ยวนาทีก็มีผลต่อการตัดสินใจ 3.เมื่อมีน้ำไว้บริการบนโต๊ะอยู่แล้วทำให้ภาระงานของพนักงานลดลง ข้อนี้อาจเห็นได้ไม่ชัดในการเสิร์ฟรอบแรก เพราะถึงพนักงานไม่ได้มาเสิร์ฟน้ำ แต่ก็อาจมีการเสิร์ฟน้ำแข็ง และต้องเสิร์ฟอาหารอยู่แล้ว แต่เมื่ออาหารออกหมด ลูกค้ารับประทานมาได้สักพักน้ำก็อาจจะหมด ทีนี้เมื่อมีน้ำอยู่บนโต๊ะ […]

5 ขั้นตอน พัฒนาทีมงานแบบง่ายๆ ใช้ได้ทุกร้าน

เพราะปัญหาเรื่องทีมงาน เป็นปัญหาคลาสสิคของร้านอาหาร ที่เจ้าของร้านทุกคนพอเปิดไปสักพัก ก็ต้องเจอไม่ว่าจะเป็น พนักงานทำออเดอร์ผิด รสชาติหน้าตาอาหารผิดเพี้ยน เสริฟผิดโต๊ะ รับออเดอร์ตกหล่น ความสะอาดภายในร้านและในครัว จนถึงปัญหาการลาออกบ่อยของพนักงาน   ผมเชื่อว่าสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ปัญหาเหล่านี้ไม่ถูกแก้ และกลับมาหาเราซ้ำๆ ไม่ใช่เพราะเราไม่สอน……… แต่ปัญหาคือ เราไม่มี Flow Chart หรือ SOP ของการพัฒนาความสามารถให้พนักงาน   เมื่อเราไม่ได้วางลำดับขั้นตอนของการสอนเพื่อประเมินพนักงานว่าเขาอยู่จุดไหนแล้ว  และจากนี้เขาควรจะไปไหนต่อ มันก็เลยทำให้เขาอยู่จุดเดิม พอเกิดปัญหา ก็เลยเป็นภาระของ เจ้าของร้านที่ต้องเข้ามาแก้อยู่เสมอ   ยกตัวอย่างปัญหาในครัว เช่น พนักงาน A หั่นผัก มาหลายเดือน ก็หั่นผักอยู่แบบนั้น ไม่เคยได้จับกระทะทำอะไรเลย ยิ่งกว่านั้นพอพนักงานรุ่นพี่ลาหยุด กลายเป็นว่าคนที่อยู่ คือพนักงาน A ที่ทำหน้าที่หั่นผัก จำเป็นต้องมาจับกระทะทำอาหาร แต่ทำไม่ได้ เนื่องจากไม่ได้มีการพัฒนาให้พนักงาน A ได้จับกระทะทำอาหารมาก่อน ทำงานครัวในวันนั้นไม่สามารถดำเนินงานได้อย่างราบรื่นอย่างที่ควรจะเป็น   แสดงว่าเจ้าของร้านไม่เคยตรวจสอบความสามารถของเขาเลยว่าเขาสามารถทำงานได้ด้วยตัวเองไหม อยู่ขั้นไหนแล้ว ดังนั้นเราควรจะตั้งเป้าพัฒนาศักยภาพอย่างไร ต่อพนักงานหนึ่งคนเพื่อให้เขาเกิดผลสูงสุด   วันนี้ผมมี SOP […]

Follow Me

Contact

เว็บไซต์ : amarinacademy.com
บริษัท อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน)
Tel : 02-422-9999 ต่อ 4662 หรือ 4669, 092-254-0742
Email : amarin.academy@gmail.com

ติดต่อแจ้งปัญหาหรือร้องเรียน
02-422-9999 ต่อ 4180
(จันทร์ – ศุกร์ เวลา 09.00 – 18.00 น)
bdcx@amarin.co.th

สนใจลงโฆษณากับเว็บไซต์ Amarin Academy
Tel. 081-664-0666, 091-729-8060
E-mail : sineenart_ya@amarin.co.th

© COPYRIGHT 2023 Amarin Corporations Public Company Limited.