นั่งรอ ยืนรอ ช็อปปิ้งรอ เดินกลับมาที่ร้านก็ยังไม่ถึงคิว! เดินวนแล้วววว วนอีก แต่คิวก็ไม่มีทีท่าจะลดลงเลย! ภาพคนยืนรอต่อคิวหน้าร้าน โอ้กะจู๋ ยังติดตาแอดมินมาจนถึงทุกวันนี้ วันธรรมดา หรือวันหยุดสุดสัปดาห์เสาร์อาทิตย์ โอ้กะจู๋ก็ยังคงแน่นด้วยคิวเป็นร้อยๆ ประวัติและข้อมูลเบื้องต้นเพื่อน ๆ คงพอหาอ่านได้จากพี่กู๋ (Google) อยู่บ้างแล้ว จากที่แอดมินคือหนึ่งในคนที่ไปรอคิวนานมาก บทความนี้จึงอยากวิเคราะห์จุดแข็งว่าเพราะเหตุใดที่ทำให้ผู้คนชื่นชอบและยอมมายืนต่อคิว “โอ้กะจู๋ ร้านอาหาร 100 คิว” นานขนาดนี้ได้
วันนี้ต้องยอมรับเลยว่า ‘โอ้กะจู๋’ คือร้านอาหารออร์แกนิกที่มาแรงสุดๆ เพราะเดินผ่านกี่ครั้งคนก็เต็มร้านจนต้องรอคิวกันนานสองนาน ความสำเร็จที่มัดใจคนได้แบบนี้ คงตามรอยสโลแกนร้านที่ว่า “ปลูกผักเพราะรักแม่” การให้ความใส่ใจกับลูกค้า เปรียบเสมือนว่าเขาคือคนในครอบครัว การทำอาหารจากใจ ปรุงด้วยวัตถุดิบที่สด สะอาด เสิร์ฟจานโตๆ จนกลายเป็นที่จดจำของลูกค้าไปแล้ว การทำอาหารทุกจานให้ออกมาดูดี มีคุณภาพ เหมือนกับทำให้แม่ทาน จนเกิดเป็นสโลแกน “โอ้กะจู๋ ปลูกผักเพราะรักแม่” ที่เปรียบลูกค้าเหมือนเป็นคนในครอบครัว ควรได้ทานอาหารดีๆ สด สะอาด และปรุงด้วยใจ
แต่คงไม่ใช่แค่การเลือกดำเนินธุรกิจตามสโลแกนร้านอย่างเดียว ที่ทำให้ “โอ้กะจู๋” ประสบความสำเร็จ จนถูกพูดถึงเป็นวงกว้างอย่างเช่นทุกวันนี้ โอ้กะจู๋ ร้านอาหาร 100 คิว มีดีอะไรที่ทำให้คนติดใจ เรามาหาคำตอบกันค่ะ
จุดแข็งของ ร้าน “สวนผัก โอ้กะจู๋”
1.ขายสุขภาพ
ด้วยจุดเด่น ออร์แกนิก โดยเฉพาะผักเก็บจากสวนที่ปลูกเอง จัดลงจานในเมนูต่างๆ อีกทั้ง สาขาแรก ยังมีสวนผักปลูกโชว์ความสดบน คอนเซ็ปต์ From farm to table ด้วยจุดขาย นำผักมาปลูกโชว์ให้ดูในร้านยืนยันว่าปลอดสารจริงจึงกลายเป็นจุดกำเนิดธุรกิจร้านอาหารโอ้กะจู๋ในปัจจุบัน
2.อาหารรสชาติอร่อย ราคาไม่แพง
ถ้าเราดูจากเมนูอาจดูเหมือนราคาอาหารค่อนข้างสูง แต่พอเห็นอาหารบอกเลยว่าคุ้มค่า ราคากับปริมาณการเสิร์ฟที่สมเหตุสมผล การตกแต่งร้านสวย สร้างบรรยากาศในการทาน การบริการดี มีเปิดให้จองโต๊ะจำกัดจำนวนการจองต่อวันเพื่อให้ลูกค้าวอล์คอิน (walk in) ที่มารอคิวไม่รู้สึกว่า ร้านมีโต๊ะว่างจำนวนมากทำไมไม่ปล่อยให้ลูกค้าเข้าไป
3.โซเชียลมีเดียกระจายการรับรู้
ทั้งรีวิวจากผู้เคยมาทานผ่านช่องทางสื่อออนไลน์ จนได้รับรางวัลการันตี จากการประกาศรางวัล Wongnai Users’ Choice 2019 ร้านอาหารยอดนิยมที่มีจำนวนรีวิวมากที่สุด เป็นสิ่งยืนยันว่า โอ้กะจู๋ คือร้านอาหารที่มีลูกค้าชื่นชอบ ไลค์และแชร์ต่อๆกันเป็นจำนวนมาก อีกทั้งเฟซบุ๊ก / ไอจี ของร้าน ยังคอยอัพเดทนำเสนอเมนูใหม่ๆ พร้อมทั้งกิจกรรม โปรโมชั่นอย่างสม่ำเสมอ
4.ตั้งชื่อร้านโอ้กะจู๋ ฟังแล้วสะดุดหู
ซึ่งคำว่าโอ้กะจู๋มาจากคำผวนของชื่อเจ้าของผู้ร่วมก่อตั้ง คือคุณโจ้ และ คุณอู๋ เจ้าของร้านนั่นเอง ซึ่งชื่อร้านเมื่อลูกค้าได้ฟัง ได้ยิน ทำให้จดจำได้ในทันที จึงทำให้ร้านได้รับความสนใจจากลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว
5.ขยายสาขาในแหล่งที่เดินทางสะดวก
เช่น สาขาในตัวเมืองเชียงใหม่ ที่นิมซิตี้ ขยายกลุ่มลูกค้าที่ไม่ต้องการเดินทางไปถึงแม่โจ้เพื่อทานโอ้กะจู๋ รวมถึงเปิดสาขาที่สยามสแควร์ ขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มคนกรุงเทพ แหล่งชุมชนคนรุ่นใหม่ เดินทางสะดวก ติดรถไฟฟ้า รวมทั้งขยายตลาดไปยัง The Circle ราชพฤกษ์ ที่เป็นแหล่งชุมชนที่มีหมู่บ้านค่อนข้างเยอะ กลุ่มคนที่มักไปทาน จะเน้นเป็นครอบครัว พ่อแม่ รวมทั้งผู้สูงอายุที่หันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ถือได้ว่าเป็นการขยายฐานตลาดที่หลากหลายกลุ่ม เพราะหากใครที่เคยมารับประทานโอ้กะจู๋ ไม่ว่าจะที่เชียงใหม่ หรือสยามแสควร์ เมื่อได้ยินชื่อของร้านโอ้กะจู๋จากการบอกต่อ รีวิว และอื่นๆ มาก่อนแต่ยังไม่มีโอกาสได้ไปลองถึงที่ด้วยตัวเอง ก็ยอมไปต่อคิวเป็นร้อยๆเพื่อให้ได้ลองทานสักครั้งอย่างแน่นอน
จากบทความนี้ เพื่อนๆที่อยากเปิดร้านอาหาร หรือผู้ประกอบการที่มีร้านอาหารอยู่แล้ว คงเห็นแล้วว่าสิ่งที่จะทำให้ประสบความสำเร็จในอาชีพหรือธุรกิจนั้นได้ คืออะไร? ความสำเร็จของ โอ้กะจู๋ คงพอจะทำให้เห็นแล้วว่า อะไรที่ทำให้ร้านดังขนาดนี้ประสบความสำเร็จ เพื่อนๆสามารถนำวิธีต่างๆเหล่านี้ไปใช้กับธุรกิจของตนเอง ไม่ว่าจะทำอาชีพอะไร คนทุกคนต่างก็มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จทั้งนั้น
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เพจ สวนผัก โอ้กะจู๋