5 ขั้นตอน การพัฒนาทีมงานร้านอาหารแบบง่ายๆ ใช้ได้ทุกร้าน ทุกตำแหน่งงาน

5 ขั้นตอน พัฒนาทีมงานแบบง่ายๆ ใช้ได้ทุกร้าน

เพราะปัญหาเรื่องทีมงาน เป็นปัญหาคลาสสิคของร้านอาหาร ที่เจ้าของร้านทุกคนพอเปิดไปสักพัก ก็ต้องเจอไม่ว่าจะเป็น พนักงานทำออเดอร์ผิด รสชาติหน้าตาอาหารผิดเพี้ยน เสริฟผิดโต๊ะ รับออเดอร์ตกหล่น ความสะอาดภายในร้านและในครัว จนถึงปัญหาการลาออกบ่อยของพนักงาน

 

ผมเชื่อว่าสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ปัญหาเหล่านี้ไม่ถูกแก้ และกลับมาหาเราซ้ำๆ ไม่ใช่เพราะเราไม่สอน……… แต่ปัญหาคือ เราไม่มี Flow Chart หรือ SOP ของการพัฒนาความสามารถให้พนักงาน

 

เมื่อเราไม่ได้วางลำดับขั้นตอนของการสอนเพื่อประเมินพนักงานว่าเขาอยู่จุดไหนแล้ว  และจากนี้เขาควรจะไปไหนต่อ มันก็เลยทำให้เขาอยู่จุดเดิม พอเกิดปัญหา ก็เลยเป็นภาระของ เจ้าของร้านที่ต้องเข้ามาแก้อยู่เสมอ

 

ยกตัวอย่างปัญหาในครัว เช่น

พนักงาน A หั่นผัก มาหลายเดือน ก็หั่นผักอยู่แบบนั้น ไม่เคยได้จับกระทะทำอะไรเลย ยิ่งกว่านั้นพอพนักงานรุ่นพี่ลาหยุด กลายเป็นว่าคนที่อยู่ คือพนักงาน A ที่ทำหน้าที่หั่นผัก จำเป็นต้องมาจับกระทะทำอาหาร แต่ทำไม่ได้ เนื่องจากไม่ได้มีการพัฒนาให้พนักงาน A ได้จับกระทะทำอาหารมาก่อน ทำงานครัวในวันนั้นไม่สามารถดำเนินงานได้อย่างราบรื่นอย่างที่ควรจะเป็น

 

แสดงว่าเจ้าของร้านไม่เคยตรวจสอบความสามารถของเขาเลยว่าเขาสามารถทำงานได้ด้วยตัวเองไหม อยู่ขั้นไหนแล้ว ดังนั้นเราควรจะตั้งเป้าพัฒนาศักยภาพอย่างไร ต่อพนักงานหนึ่งคนเพื่อให้เขาเกิดผลสูงสุด

 

วันนี้ผมมี SOP ของการพัฒนาทีมงานแบบง่ายๆ ใช้ได้ทุกตำแหน่ง มาฝากกันครับ

ผมเชื่อว่า ไม่ว่ารายละเอียดเนื้อหาของงานแต่ละตำแหน่งในร้านของพวกเราจะเป็นอย่างไร แต่การสร้างทีมงานล้วนอยู่ในกรอบ 5 ขั้นตอนนี้…………………..ลองเอาไปปรับใช้กันดูนะครับ

 

#5ขั้นตอนพัฒนาทีมงานแบบง่ายๆใช้ได้ทุกร้าน

1. I do You look

เมื่อรับพนักงานเข้ามาใหม่ ในการฝึกขั้นแรก ให้เรา(หรือหัวหน้างาน) เป็นผู้ลงมือทำ แสดงเป็นตัวอย่างการทำงานตามมาตรฐานให้กับพนักงาน หรือทีมงานที่รับมาใหม่ ส่วนพนักงานที่มาใหม่ หรือเราต้องการที่จะสอนมีหน้าที่ เป็นผู้สังเกตการณ์เพียงเท่านั้น ทีมงานสามารถสอบถามในสิ่งที่สงสัยได้

จุดประสงค์ในขั้นตอนนี้คือ เพื่อสร้างความเข้าใจให้มากที่สุด ก่อนจะลงมือปฏิบัติ

2. I do You do

ในขั้นตอนนี้ เราและทีมงาน ทำกิจกรรมไปพร้อมๆกัน หรือทำร่วมกัน เพื่อให้ทีมงานได้ลงมือปฏิบัติ ให้เกิดโอกาสผิดพลาดน้อยที่สุด ทีมงานสามารถที่จะเลียนแบบทุกขั้นตอนของการทำงานได้โดยง่าย

หัวใจ ของขั้นตอนนี้คือ ผลงานที่ออกมาจะต้องมีความเหมือนหรือใกล้เคียงกันมากที่สุด

 

3. You do – I look

เมื่อหัวหน้าเห็นว่าทีมงานเกิดความเคยชินแล้ว มาถึงขั้นตอนนี้ เราสามารถทดสอบโดยการปล่อยให้เขาลงมือปฏิบัติเอง แต่โดยที่เรายังคอยสอดส่องดูแลอยู่ห่างๆ เพื่อเข้าไปช่วยแก้ไขในยามที่เกิดความผิดพลาด ที่เขาไม่สามารถแก้เองได้

4. You do – I leave

ทีมงานที่จะมาถึงขั้นตอนนี้ได้ แสดงว่า เขาต้องเกิดความเข้าใจในกิจกรรมอย่างแท้จริงแล้ว ในทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นจนจบ สามารถทำได้โดยที่เราไม่ต้องออกปากกำกับ ดูแล สามารถแก้ปัญหาเล็กน้อยที่เกิดขึ้นได้เองถึงขั้นตอนนี้เจ้าของร้าน หรือคนสอนสามารถปล่อยให้เขาอยู่นอกสายตาได้แล้ว ไม่ต้องเฝ้ามองอยู่ตลอด เพื่อที่จะแยกย้ายกันทำงานในหน้าที่อื่นต่อไป

5. I look – You teach

จุดสูงสุดของการสร้างทีมงานจะสำเร็จ เมื่อทีมงานที่เราสร้าง  สามารถสร้างทีมงานที่มีคุณภาพต่อไปได้ ขั้นตอนนี้ เจ้าของร้านสามารถท้าทายให้เขาเริ่มที่จะสอนคนอื่น ตามลำดับขั้นตอน 1-4 โดยที่มีเราคอยสอดส่องดูแล (หรือนัดหมายในการทดสอบร่วมกัน)

ถ้าในขั้นตอนนี้สำเร็จ และเราทำอยู่เสมอ ร้านจะมีทีมงานระดับ 5 จำนวนมากและจะช่วยลดความเหนื่อยจากปัญหาพนักงานลาออกบ่อยได้ครับ เพราะเจ้าของร้านไม่ต้องเป็นคนฝึกเองตั้งแต่ต้น ในทุกๆครั้ง”

 

และนี่ก็คือ SOP ของการพัฒนาทีมงานแบบง่ายๆแต่ได้ผลมาก

เมื่อเรารู้ขั้นตอน 5 ระดับนี้แล้ว ก็ให้เรานำกลับไปประเมินทีมงานของเราว่าแต่ละคนอยู่ในขั้นไหน เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องและสร้างคนให้เก่งขึ้นได้ครับ

 

สุดท้ายนี้อยากฝากไว้ว่าการเติบโตทุกอย่างจะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าทีมงานไม่เห็นร่วมกันว่าปัญหาที่มีอยู่ตอนนี้คือปัญหา  ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมืออะไรก็ตามการนำมาใช้ในทีมงานเริ่มต้นจากการสร้างความสัมพันธ์เพื่อให้ทุกคนเปิดใจและเห็นปัญหาร่วมกันทั้งสิ้น การบริหารร้านจะแยกออกจากการบริหารความสัมพันธ์ไม่ได้ เพราะเราทำงานกับคนไม่ใช่เครื่องจักร เจ้าของร้านจึงควรพัฒนามุมมองทัศนคติและความสามารถในการสร้างความสัมพันธ์กับทีมงานด้วย

 

ขอให้ทุกร้านมีทีมงานที่ดีและประสบความสำเร็จครับ

 

สมัครเลยถ้าคุณไม่อยากพลาดหลักสูตรที่จะช่วยแก้ทุกปัญหาให้กับคุณ   คลิก

เรื่องแนะนำ

ยอดเดลิเวอรี่ดี๊ดี แต่ทำไมร้านขาดทุน!!!

คนส่วนใหญ่ใช้งาน Social Media และพวกเขาค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ใน Facebook โดยเฉพาะข้อมูลร้านอาหาร ถ้าหากคุณยังไม่ได้เริ่มทำ หรือ Facebook ร้านของคุณยังเงียบ นี่คือ 4 เคล็ดลับ ที่จะพัฒนาให้คุณเป็นโปรการตลาด Facebook ได้โดยง่าย     1.อะไรคือ Key Selling point ที่โดนใจลูกค้า             ไม่ใช่เพียงแค่การมีจุดขาย แต่จุดขายที่ดีจะต้องแตกต่างและสามารถโดนใจลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้ การทำความเข้าใจลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ยังมีส่วนสำคัญต่อการกำหนด Keyword ในการทำแคมเปญโฆษณา สำหรับการทำการตลาดออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพ   2.Value Content ที่รักษาลูกค้าไม่ให้ไปไหน คนทั่วไปเลือกที่จะฟังสิ่งที่ตรงกับปัญหาที่เขามีอยู่ มีแนวโน้มที่จะให้ความสนใจถ้าหากว่าสิ่งนั้นทำให้สถานการณ์ที่เป็นอยู่ดีขึ้น และที่สำคัญตอบโจทย์ความต้องการในชีวิตในขณะนั้น ซึ่งนำมาปรับใช้กับการสร้าง  Content ที่มีคุณค่าต่อลูกค้าได้ Content ที่มีประสิทธิภาพควรสร้าง Engagement ระหว่างลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง การให้ความสำคัญกับเรื่องราวที่ใกล้ตัว รวมถึงการวิเคราะห์ให้ได้ว่าคุณค่าอะไรที่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายให้ความสำคัญบ้าง รวมถึงคาดการณ์ความต้องการที่จะเกิดขึ้น เป็นการทำให้ลูกค้าใจจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ร้านของคุณได้สื่อสารออกไป    3.Photo Content ที่ดึงดูดใจ […]

รีวิวร้านอาหารแบบไหนให้เข้าถึงใจสายกิน !

รีวิวสายจิ้น…สร้างจินตนาการให้มากที่สุด เมื่อพูดถึงการรีวิวร้านอาหาร หลายคนคงนึกถึงการรีวิวด้วยภาพเป็นอันดับแรก แต่เชื่อไหมว่าคุณสามารถเรียกลูกค้าให้ต่อคิวหน้าร้านได้โดยที่ไม่ได้มีการโพสต์รูปอาหารใด ๆ ด้วยซ้ำ เพียงแค่ทำให้เขาจินตนาการถึงอาหารของคุณ  ยกตัวอย่าง เช่น ร้านของคุณกำลังจะทำเมนูใหม่ซึ่งเป็นเมนูที่ขายรสชาติที่เผ็ดร้อน อาจเลือกใช้ภาพสีหน้าของคนที่เกิดจากการกินอาหารจานนั้น และเลือกใช้ภาพสีหน้าที่บอกระดับความเผ็ดในระดับต่าง ๆ  คนที่ได้เห็นภาพจะเกิดความรู้สึกสนใจ คิดว่าเมนูนี้จะเผ็ดขนาดไหน และต้องการเปรียบเทียบระดับความเผ็ดเมื่อได้กินเมนูนี้ด้วยตัวเอง ยิ่งคุณสามารถสร้างจินตนาการขึ้นในหัวของคนได้มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งสร้างความรู้สึกคาดหวังที่จะสัมผัสของจริงได้มากขึ้นเท่านั้น อีกหนึ่งรูปแบบในการสร้างจินตนการที่นิยมในปัจจุบันก็คือ  Content ประเภทร้านลับ เมนูลับที่ไม่บอกว่าเป็นเมนูอะไร หรือการรีวิวการกินหน้ากล้องของยูทูเบอร์เกาหลี   รีวิวสายยั่ว…ยั่วเก่งด้วยภาพ กูรูด้านการทำตลาดร้านอาหารให้ทรรศนะว่า การทำร้านอาหารให้น่าสนใจไม่ต่างอะไรกับการยั่วให้คนมาจีบ ขั้นตอนแรกก็คือ การสร้างเสน่ห์ให้ร้านอาหารของตัวเองออกไปยั่วลูกค้าให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพอาหารที่น่ากินที่สุด เสียงของอาหารที่แสดงให้เห็นถึงความกรอบ ซึ่งสามารถทำได้ทั้งรูปแบบภาพนิ่งและวิดีโอ  ที่จะสามารถทำให้ลูกค้าเกิดความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นอยากกิน หรือถ้าร้านสวยมาก ๆ มีมุมถ่ายภาพเยอะ ก็ต้องนำเสนอภาพที่ทำให้ลูกค้าต้องการมาถ่ายรูปในจุดที่สวยที่สุดของร้านของคุณ   รีวิวสายเล่า…จีบให้ติดด้วยเรื่องเล่า             ถ้าภาพสวย ๆ คือยั่วให้อยากรู้จัก เรื่องที่เล่าคือการจีบลูกค้าให้ติด  เพราะคนไม่ได้มาร้านอาหารเพียงเพื่อ ‘กิน’ เพียงเท่านั้น แต่หมายถึงประสบการณ์รอบด้านที่จะทำให้ลูกค้าได้รับกลับไป ร้านอาหารที่เก่งในการเล่าเรื่อง นอกจากจะสร้างมูลค่าให้เกิดกับสินค้าที่ขายได้แล้ว ยังทำให้เกิดการติดตามในด้านเนื้อหาอีกด้วย นอกจากจะนำจุดขายของร้านมาสร้างเรื่องเล่าในการรีวิวแล้ว คุณต้องคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายหลักของร้าน เพื่อเลือกรูปแบบของการเล่าที่สอดคล้องกับความสนใจ […]

ซื้อแฟรนไชส์

เปิดร้านเอง VS ซื้อแฟรนไชส์…แบบไหนดีกว่ากัน

หลายคนอยากเริ่มต้นธุรกิจด้วยการ ซื้อแฟรนไชส์ สักร้าน เพราะได้ยินใครต่อใครพูดให้ฟังว่า การทำแฟรนไชส์มีเปอร์เซ็นต์ที่จะประสบความสำเร็จในธุรกิจรวดเร็ว

การจัดการธุรกิจอาหาร

เจาะลึกเบื้องหลัง การจัดการธุรกิจอาหาร ระดับโลก

เมื่อพูดถึงธุรกิจอาหาร หลายคนมักนึงถึง ร้านอาหาร แต่จริงๆ แล้ว ธุรกิจร้านอาหารมากกว่านั้น เราเลยอยากแชร์เกี่ยวกับ การจัดการธุรกิจอาหาร รูปแบบอื่นๆ ให้รู้กัน

Follow Me

Contact

เว็บไซต์ : amarinacademy.com
บริษัท เอเอ็มอี อิมเมจิเนทีฟ จำกัด
ในเครือ บริษัท อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน)
Tel : 02-422-9999 ต่อ 4662 หรือ 4669, 092-254-0742
Email : amarin.academy@gmail.com

ติดต่อแจ้งปัญหาหรือร้องเรียน
02-422-9999 ต่อ 4180
(จันทร์ – ศุกร์ เวลา 09.00 – 18.00 น)
bdcx@amarin.co.th

สนใจลงโฆษณากับเว็บไซต์ Amarin Academy
Tel. 081-664-0666, 091-729-8060
E-mail : sineenart_ya@amarin.co.th

© COPYRIGHT 2024 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.