ถอดบทเรียนความสำเร็จ ทำไม Muji ถึงครองใจคนทั่วโลก - Amarin Academy

ถอดบทเรียนความสำเร็จ ทำไม Muji ถึงครองใจคนทั่วโลก

ถอดบทเรียนความสำเร็จ ทำไม Muji ถึงครองใจคนทั่วโลก

ทุกวันนี้ถ้าพูดถึง Muji (มูจิ) คงมีน้อยคนที่ไม่รู้จัก เพราะถือเป็นแบรนด์ดังจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเข้ามาเปิดตลาดในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2006 นับรวมอายุในตอนนี้ก็กว่า 12 ปีแล้ว

มูจิไม่เพียงเข้ามาตีตลาดในประเทศไทยเท่านั้น ยังกระจายไปทั่วโลก ทั้งยุโรป อเมริกาและเอเชีย (ปัจจุบันมีสาขาทั่วโลกกว่า 800 สาขา) แถมยังมีฐานลูกค้าที่เหนียวแน่นมากๆ อีกด้วย เพราะอะไรมูจิจึงประสบความสำเร็จ ครองใจคนทั่วโลกถึงเพียงนี้ ไปติดตามกันเลย

  1. สร้างแบรนด์แบบ “ไม่มีแบรนด์”

มูจิมีชื่อเต็มๆ ว่า “มูจิรุชิ เรียวฮิน” (Mujirushi Ryohin) แปลว่า ไม่มีแบรนด์ ข้อนี้ถือว่าฉีกกฎการทำการตลาดโดยสิ้นเชิง เพราะตามปกติแบรนด์มักสร้างการจดจำให้ลูกค้าโดยการติดโลโก้บนผลิตภัณฑ์ แต่ถ้าลองสังเกตดูจะเห็นว่า สินค้าทุกชิ้นของมูจิไม่มีโลโก้บนผลิตภัณฑ์เลย แต่เมื่อมองปุ๊บ จะรู้ทันทีว่าเป็นสินค้าของแบรนด์นี้

ทั้งนี้เบื้องหลังการออกแบบสินค้าแต่ละชิ้นนั้นเข้มข้นมากๆ เริ่มแรกได้เชิญนักออกแบบชื่อดังของประเทศญี่ปุ่นถึง 4 ท่านคือ อิกโกะ ทานากะ (Ikko Tanaka) ทาเคชิ ซูกิโมโต (Takashi Sugimoto) คาซูโกะ โคอิเกะ (Kazuko Koike) และมาซารุ อามาโนะ (Masaru Amano) มาช่วยกันสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ให้มีเอกลักษณ์ จึงทำให้มูจิสามารถสร้างการจดจำให้ผู้บริโภคด้วย Design ไม่ใช่โลโก้ และด้วยดีไซน์ที่เรียบง่าย เน้น Concept “Less is more” นี้เอง ทำให้สินค้าต่างจากแบรนด์อื่นๆ จนครองใจผู้บริโภคได้

  1. คุณภาพสมราคา เพราะเรียบง่าย จึงต้นทุนต่ำ

มูจิมีจุดเริ่มต้นจากปัญหาทางเศรษฐกิจในประเทศญี่ปุ่น ที่ธุรกิจค้าปลีกมีการแข่งขันกันสูงมาก ผู้ผลิตส่วนใหญ่จึงตัดสินใจหั่นราคาขาย และลดต้นทุนการผลิต เพื่อจะได้แข่งขันกับเจ้าอื่นๆ ในตลาดได้ แม้วิธีนี้จะกระตุ้นยอดขายได้จริง แต่กำไรกลับเหลือน้อยมากๆ

เซจิ ซึซูมิ (Seiji Tsutsumi) ประธานห้างสรรพสินค้า “เซยู (Seiyu) หนึ่งในห้างสรรพสินค้าที่กำลังประสบปัญหานี้ เล็งเห็นว่าหากทำเช่นนี้ต่อไป ไม่นานธุรกิจคงล้มแน่นอน จึงตั้งแบรนด์มูจิขึ้น เพื่อผลิตสินค้าที่เน้นคุณภาพ ลดทอนสิ่งที่ไม่จำเป็นออก เหลือเพียงสิ่งที่จำเป็นต่อการใช้งานเท่านั้น เพื่อจะได้ลดต้นทุนการผลิตลง จึงทำให้มูจิสามารถขายสินค้าที่มีคุณภาพดี แต่ราคาย่อมเยากว่าแบรนด์อื่นๆ ได้

  1. ผลิตสินค้าเพื่อทุกๆ คน

สินค้าของมูจิทุกชิ้นออกแบบมาเพื่อให้ใช้ได้ทุกเพศ ทุกวัยและเข้ากับทุกๆ ไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้า โดยสีหลักที่ใช้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์จะมีเพียงสีเงิน ขาว ดำ เทา น้ำตาล และน้ำเงินเท่านั้น ซึ่งไม่ว่าใครก็ใช้ได้โดยไม่รู้สึกเคอะเขิน ทำให้มูจิมีฐานลูกค้าที่กว้าง จึงมีโอกาสสร้างยอดขายได้สูงขึ้นตามไปด้วย

  1. มีทุกสิ่งที่ต้องการ

มูจิเริ่มต้นจากการมีสินค้าเพียง 40 รายการเท่านั้น โดยหนึ่งในสินค้าที่สร้างชื่อเสียงให้มูจิคือ จักรยาน ที่คุณภาพดีสมราคา ถูกใจชาวญี่ปุ่นจำนวนมาก ยอดขายของมูจิเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงได้เพิ่มสินค้ามากขึ้น จนปัจจุบันมีกว่า 7,000 รายการ ตั้งแต่เครื่องเขียน ของใช้ภายในบ้าน เสื้อผ้า รองเท้า อาหารและขนม ไปจนถึงเครื่องใช้ไฟฟ้า ทำให้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อในทุกๆ สิ่งตามที่ต้องการได้ภายในร้านเพียงร้านเดียว

  1. สร้างบรรยากาศผ่อนคลาย เลือกซื้อได้เต็มที่

บรรยากาศภายในร้านถือเป็นส่วนที่ลูกค้าหลายๆ คนชื่นชอบ เพราะเน้นตกแต่งอย่างเรียบง่าย ทำให้ดูไม่น่าเบื่อ มีการเปิดเพลงคลอเบาๆ เพื่อสร้างความผ่อนคลาย พนักงานบริการด้วยความสุภาพ และปล่อยให้ลูกค้าใช้เวลาในร้านได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลว่าพนักงานจะรีบเข้ามา “ปิดการขาย” เมื่อลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าได้อย่างสบายใจ และได้สินค้าที่ถูกใจจริงๆ ก็มีโอกาสที่จะกลับมาเป็นลูกค้าประจำ

ความสำเร็จของมูจิไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เกิดจากกระบวนการคิด การวางแผน และไตร่ตรองอย่างละเอียดรอบคอบ ทำให้มูจิกลายเป็นแบรนด์ (ที่ไม่มีแบรนด์) ที่ครองใจกลุ่มลูกค้าได้ทั่วโลก

ขอบคุณภาพจาก www.muji.com

บทความที่เกี่ยวข้อง

5 เคล็ดลับความสำเร็จของ ยูนิโคล่ พลิกจากความผิดพลาดสู่ความสำเร็จ

เรื่องแนะนำ

เริ่มทำธุรกิจ

คำถามสำคัญที่คุณควรถามเมื่อ เริ่มทำธุรกิจ

สำหรับคนที่กำลัง เริ่มทำธุรกิจ คงมีหลายเรื่องให้ต้องคิดมากมายใช่ไหมครับ แต่เคยสงสัยไหมครับว่า ทำไมขายของสิ่งเดียวกัน บางร้านถึงขายดีกว่าอีกร้านหนึ่ง?

9 Checklist

9 Checklist ธุรกิจ ควรทำ ถ้าไม่อยากเจ๊ง!

ทำธุรกิจต้องหมั่นตรวจสอบระบบการทำงานอยู่เสมอ เพื่อเช็คว่าธุรกิจของคุณมีปัญหาอะไร อย่างนั้นมาดูกันดีกว่าว่า Checklist ธุรกิจ ที่เจ้าของธุรกิจควรทำมีอะไรบ้าง

ส่วนผสมของ SOP กับวิธีทำคู่มือ ง่ายๆ ใครๆ ก็ทำได้

ส่วนผสมของ SOP ที่ดี และวิธีทำคู่มือมาตรฐานสำหรับร้าน อย่างง่ายๆใครก็ทำได้! ตามสัญญาจากบทความที่แล้วที่ผมได้พูดถึง เจ้า SOP (Standard Operating Procedure) หรือ “คู่มือร้านอาหาร” ว่ามันมีความสำคัญอย่างไร และ อุปสรรคของเจ้าของร้านคืออะไร .. แล้วควรมีมุมมองยังไงเกี่ยวกับเรื่องนี้กันไปแล้ว  วันนี้ผมขอแนะนำเรื่อง ส่วนผสมที่ดีสำหรับ SOP ว่ามีอะไรบ้าง สำหรับคนที่สนใจทำเจ้าคู่มือนี้ จะได้มี “ตัวชี้วัด” ง่ายๆ ไว้ใช้เป็น Benchmark หรือตัวเปรียบเทียบกันนะครับ…ไปดูกันเลย 1.ต้องสื่อสารอย่างเข้าใจง่าย และ เหมาะกับพนักงานทุกประเภท  เพราะไม่ใช่ทุกร้านที่จะมีโอกาสจ้างทีมงานเรียนจบมาจากสถาบันสอนทำอาหาร หรือมีประสบการณ์การทำงานร้านอาหารมาหลายปีแล้ว มาสมัครร้านเรา ส่วนใหญ่ที่ร้านผมเจอ จะเป็นญาติห่างๆ ของแม่บ้าน ,น้องๆ AEC หรือไม่ก็เป็น พาร์ทไทม์ วัยเรียน ที่อยากจะมาหาประสบการณ์กัน ร้านอาหารหลายๆ ร้านคงจะเข้าใจกับ ประโยคที่ว่า “พนักงานดีๆ หายาก” หรือ “อยู่ไม่ทน” มากที่สุด นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ “คู่มือร้านอาหาร” เหมาะกับ […]

เทคนิค วางผังครัว ให้ได้อาหารมากขึ้น ลดต้นทุนได้มหาศาล!

ทำครัวร้านอาหารใหญ่ ๆ เสียค่าใช้จ่ายสูง เหลือพื้นที่ขายนิดเดียว ทำกี่ปีถึงจะคืนทุน  แล้วถ้าลูกค้าเยอะแต่ทำครัวไว้เล็ก ทำอาหารออกไม่ทัน ขายกันทั้งวันรายได้นิดเดียว แถมลูกค้าหนีเพราะช้าอีก เพราะครัวไม่ใช่แค่พื้นที่ทำอาหาร แต่เป็นปัจจัยสำคัญของการทำร้านอาหารว่าจะทำรายได้ให้คุณได้แค่ไหน การวางระบบร้านอาหารโดยคำนึงถึงครัว จึงเป็นเรื่องที่ต้องคิดให้ดีก่อน แล้วครัวที่ดีต้องมีการ วางผังครัว อย่างไร?   ครัวที่ดีสัมพันธ์กับตุ้นทุนอย่างไร ต้นทุนแรงงาน ขนาดครัวที่เหมาะสมจะช่วยให้สามารถกำหนดกำลังคนในการทำงานได้ ช่วยลดต้นทุนแรงงานที่ไม่จำเป็น มีการปฏิบัติงานที่ได้ประสิทธิภาพ ป้องกันอุบัติเหตุที่เกิดจากอุปกรณ์และการใช้งาน ต้นทุนวัตถุดิบ ผังครัวที่ดีต้องคำนึงถึงพื้นที่สำหรับการจัดการวัตถุดิบไม่ว่าจะเป็นการจัดเก็บ พื้นที่เตรียม การปรุง พื้นที่ทำความสะอาด ที่ง่ายต่อการใช้งาน การลดโอกาสของเสีย ช่วยให้เกิดต้นทุนวัตถุดิบที่เหมาะสม ร้านจึงสามารถมีรายได้สุทธิที่มากขึ้น ต้นทุนเวลา การวางผังครัวที่ไม่เหมาะสม ทำให้เกิดปัญหาพื้นที่ในการใช้งานทำให้ออกอาหารช้า ขายได้น้อยขึ้น โดยเฉพาะช่วงเวลาพีคไทม์ที่ร้านต้องสามารถรันให้เร็วมากกว่าปกติ ผังครัวที่ไม่ได้คิดเผื่อการจัดเก็บวัตถุดิบ อาจทำให้เกิดต้นทุนแฝง เช่น ต้นทุนเวลาในการไปซื้อของที่ขาด เสียหาย ครัวควรมีขนาดเท่าไหร่จึงจะเหมาะสม             ควรกำหนดให้สัดส่วนของครัวสอดคล้องกับพื้นที่ขาย โดยมีพื้นที่เหมาะสมกับการปรุงและจัดเก็บวัตถุดิบ พื้นที่ครัวควรมีขนาด 20-30 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ทั้งหมด  เนื่องจากครัวถือเป็นพื้นที่ใหญ่ในการออกแบบร้านอาหาร ซึ่งส่งผลกับค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง ครัวใหญ่ค่าใช้จ่ายก็สูงตามไปด้วย การกำหนดพื้นที่ครัวที่เหมาะสมจึงต้องสอดคล้องกับความจำเป็นในการใช้งานที่แท้จริง ซึ่งจะช่วยให้ค่าใช้จ่ายในการเปิดร้านอาหารต่ำลง คืนทุนได้เร็วขึ้น   […]

Follow Me

Contact

เว็บไซต์ : amarinacademy.com
บริษัท เอเอ็มอี อิมเมจิเนทีฟ จำกัด
ในเครือ บริษัท อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน)
Tel : 02-422-9999 ต่อ 4662 หรือ 4669, 092-254-0742
Email : amarin.academy@gmail.com

ติดต่อแจ้งปัญหาหรือร้องเรียน
02-422-9999 ต่อ 4180
(จันทร์ – ศุกร์ เวลา 09.00 – 18.00 น)
bdcx@amarin.co.th

สนใจลงโฆษณากับเว็บไซต์ Amarin Academy
Tel. 081-664-0666, 091-729-8060
E-mail : sineenart_ya@amarin.co.th

© COPYRIGHT 2025 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.