5 กลยุทธ์ ออกโปรโมชั่น ให้ปัง - Amarin Academy

5 กลยุทธ์ ออกโปรโมชั่น ให้ปัง

5 กลยุทธ์ ออกโปรโมชั่น ให้ปัง

ปฏิเสธไม่ได้ว่า โปรโมชั่น ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์กระตุ้นยอดขายที่ดีวิธีหนึ่ง แต่บางครั้งการออกโปรโมชั่นอาจไม่ปังอย่างที่คิด เราจึงมีเทคนิคดีๆ ในการ ออกโปรโมชั่น ที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ทำแล้วประสบความสำเร็จ ทั้งช่วยกระตุ้นยอดขาย และดึงลูกค้าใหม่ๆ ให้เข้ามาใช้บริการได้ต่อเนื่องมาแนะนำ

1.จำกัดเวลาโปรโมชั่น

เคยเจอร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้า หรือร้านขนมที่ขึ้นป้ายว่าลด 50% ตลอดเวลาไหม แน่นอนว่าคำว่า “ลดราคา” ย่อมดึงดูดให้ลูกค้าสนใจได้ แต่ถ้าลูกค้าเห็นบ่อยๆ จะกลายเป็นความเคยชินจนไม่รู้สึกตื่นเต้นอีกต่อไป และเขาจะคิดว่า ซื้อเมื่อไรก็ได้ อย่างไรก็ได้ส่วนลด กลับกัน หากคุณเดินเข้าร้านๆ หนึ่งแล้วเห็นป้าย “นาทีทอง ลด 40% ตั้งแต่ 10.00-11.30 เท่านั้น” หากของชิ้นนั้นถูกใจคุณ ก็จะรีบตัดสินใจซื้อทันที เพราะกลัวหมดเวลาโปรโมชั่น ดังนั้น ถ้าผู้ประกอบการวางแผนจะทำโปรโมชั่น ต้องกำหนดช่วงเวลาให้ชัดเจน และควรปรับเปลี่ยนโปรโมชั่นใหม่ๆ ไปเรื่อยๆ เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกร้านของคุณมีโปรโมชั่นดีๆ และน่าสนใจอยู่เสมอ

2.โปรโมชั่น ลดราคา

เมื่อพูดถึงคำว่าออกโปรโมชั่น ผู้ประกอบการหลายคนอาจนึกถึงคำว่าลดราคา แต่จริงๆ แล้ว การลดราคาอาจไม่ตอบโจทย์เสมอไป เพราะการลดราคาอาจดึงดูดเฉพาะลูกค้าที่ “อ่อนไหว” เรื่องราคาให้เข้ามาใช้บริการมากขึ้น ขณะที่ลูกค้ากลุ่มเดิมที่เป็นลูกค้าประจำก็อาจกังวลเรื่องคุณภาพว่าจะด้อยลง ยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ แบรนด์ฟาสต์ฟู้ดชื่อดังจากฝั่งอเมริกา ที่มักออกโปรโมชั่นลดราคา เฟรนช์ฟราย 50% เพื่อกระตุ้นยอดขาย แน่นอนว่าช่วงที่มีโปรโมชั่นลูกค้าก็มีมาก ยอดขายพุ่งสูง จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาว่าคุณภาพด้อยลง ซ้ำเมื่อเลิกลดราคาลูกค้าที่เคยมีมาก ก็หายไปด้วย (ยิ่งตอนนี้ออกโปรโมชั่นบ่อยๆ ลดราคาบ่อยๆ ลูกค้าก็เริ่มคุ้นชินจนไม่ตื่นเต้นอีกต่อไปแล้ว) ดังนั้นการลดราคาจึงไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของการกระตุ้นยอดขาย

ยกตัวอย่างเช่น หากคุณเปิดร้านอาหาร แทนที่จะออกโปรโมชั่นลดราคาอาหาร ก็ใช้การออกเมนูใหม่ๆ ตามวัตถุดิบแต่ละฤดูกาล เช่น หน้าหนาวอาจออกเมนูสตอเบอร์รี่ หน้าร้อนเมนูมะม่วง หรือเมนูผลไม้ไทย เป็นต้น หรืออีกโปรโมชั่นหนึ่งที่ร้านอาหารญี่ปุ่นนิยมใช้คือ การคัดสรรวัตถุดิบ “พิเศษ” เข้ามาจำหน่ายช่วงเวลาเฉพาะ และจัดเป็นเทศกาล เช่น เทศกาลปูอลาสก้า เทศกาลไข่หอยเม่น เทศกาลมันญี่ปุ่น เป็นต้น

นอกเหนือจากการออกเมนูใหม่ๆ แล้ว อีกวิธีหนึ่งที่น่าสนใจคือ การเชิญเชฟดังๆ มาออกแบบเมนูพิเศษ ที่จำหน่ายในช่วงเวลาจำกัด ก็ถือเป็นการดึงดูดลูกค้า และเพิ่มยอดขายให้ร้านได้เช่นกัน เพราะนอกจากลูกค้าเก่าจะรู้สึกตื่นเต้นกับการเปลี่ยนแปลงแล้ว ยังได้ฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ที่เป็นแฟนของเชฟชื่อดังอีกด้วย แต่วิธีนี้อาจเสียค่าใช้จ่ายมากกว่าวิธีอื่นๆ เจ้าของร้านต้องลองพิจารณาความคุ้มค่าด้วย

3.Co-Branding โปรฯ ดี ไม่ต้องทำคนเดียว

วิธีนี้กำลังเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นคือการร่วมมือกันระหว่างธุรกิจ ซึ่งอาจเป็นกลุ่มธุรกิจเดียวกัน หรือต่างกลุ่มธุรกิจก็ได้ เพื่อออกโปรเจกค์พิเศษร่วมกัน เช่น Class Cafe ร่วมมือกับภาพยนตร์เรื่อง ศรีอโยธยา ออกแบบรสชาติกาแฟตามคาแรคเตอร์ตัวละคร พร้อมวางจำหน่ายเฉพาะช่วยเวลาที่ออกอากาศเท่านั้น หรือร้านไอศกรีม Guss damn good ก็เคยออกแบบรสชาติไอศกรีมให้ แพร์รี่พาย (แพร-อมตา จิตตะเสนีย์) เมกอัพ อาร์ทิสต์ ชื่อดังทั้งในไทยและต่างประเทศ เป็นต้น ถือเป็นการทำการตลาดรูปแบบใหม่ที่เกิดจากร่วมมือกันของ 2 ธุรกิจ ที่แทบจะไม่มีความเกี่ยวข้องกันได้เลย แต่สามารถทำได้อย่างกลมกลืนสร้างความน่าสนใจให้โปรโมชั่นได้มากทีเดียว

4.เพิ่มความภักดี ด้วยข้อเสนอสุดพิเศษ

อย่างที่ทราบดีว่าทุกวันนี้แทบทุกธุรกิจมีการแข่งขันกันสูงมาก ฉะนั้นธุรกิจไหนที่สามารถสร้างฐานลูกค้าประจำได้มากก็ถือว่าได้เปรียบกว่าเจ้าอื่นๆ แน่นอน โดยการออกโปรโมชั่นก็ถือเป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยสร้างฐานลูกค้าประจำได้เช่นกัน โดยเฉพาะการสมัครสมาชิก วิธีนี้ถือว่าเป็นที่นิยมมาก แถมยังสร้างฐานลูกค้าได้มากอีกด้วยคือการให้ลูกค้าสมัครสมาชิก เพื่อรับสิทธิพิเศษต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนลดพิเศษในวันเกิด ของแถมเมื่อซื้อสินค้าตามยอดที่กำหนด หรือได้รับของสมมนาคุณตามเทศกาลต่างๆ กลยุทธ์นี้จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายภายในร้านมากขึ้น และลูกค้าจะรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนพิเศษกว่าลูกค้าทั่วไป และมักกลับมาใช้บริการเราซ้ำเพื่อแลกกับสิทธิพิเศษต่างๆ

5.โปรฯ คู่บัตร เสริมพลังซื้อ

ทุกวันนี้ผู้บริโภคส่วนใหญ่มักใช้บัตรเครดิตในการใช้จ่ายมากขึ้น แน่นอนว่าธุรกิจต้องปรับตัวตามเพื่อให้เข้ากับพฤติกรรมของผู้บริโภค ฉะนั้นนอกจากต้องเพิ่มทางเลือกในการชำระเงินด้วยเครื่องรูดบัตรแล้ว การทำโปรโมชั่นคู่บัตรเครดิตก็ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เช่น ร้านบุฟเฟต์อาจออกโปรโมชั่นมา 4 จ่าย 3 เมื่อจ่ายผ่านบัตรเครดิต… หรือร้านเสื้อผ้า ที่มอบส่วนลดพิเศษให้ลูกค้าที่ซื้อสินค้ามากกว่า 3,000 บาทขึ้นไป และจ่ายผ่านบัตร…

ข้อดีสำคัญของการทำโปรโมชั่นร่วมกับบัตรเครดิตคือ เราไม่ต้องประชาสัมพันธ์โปรโมชั่นเพียงลำพัง เพราะบัตรเครดิตต่างๆ จะเข้ามาสนับสนุนด้านการประชาสัมพันธ์ให้ ช่วยให้โปรโมชั่นของเราเข้าถึงผู้บริโภคได้กว้างขึ้น (เพราะฐานลูกค้าบัตรเครดิตมีค่อนข้างมาก) ประหยัดค่าใช้จ่าย เพราะป้ายประชาสัมพันธ์ที่ตั้งหน้าร้านหรือบนโต๊ะ ก็มักมาจากบริษัทบัตรเครดิต นอกจากนี้อีกวิธีที่นิยมทำไม่แพ้กันคือ ออกโปรโมชั่นร่วมกับค่ายโทรศัพท์มือถือ ซึ่งถือว่ามีประสิทธิภาพเช่นเดียวกัน

พอจะเห็นไอเดียการออกโปรโมชั่นให้ปังกันแล้วใช่ไหม อย่าลืมนำไปทำตามกันนะครับ เชื่อว่าวิธีที่เราแนะนำมานี้ดีกว่าการลดราคาแบบเดิมๆ แน่นอน

เรื่องแนะนำ

การตลาดร้านอาหาร

ถอดบทเรียน การตลาดร้านอาหาร จากเทศกาลกินเจ

แม้ว่าเทศกาลกินเจในปีนี้จะจบลง แต่ช่วงระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน ทำให้เงินสะพัดหลักพันล้านบาท เราถอดบทเรียน การตลาดร้านอาหาร ที่น่าสนใจ ได้ดังนี้

ร้านอาหารต้องพัฒนาเมนู

3 ปัจจัยที่ทำให้ ร้านอาหารต้องพัฒนาเมนู อยู่เสมอ

บางร้านอาจคิดว่า เมื่อเมนูเดิมดีอยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องพัฒนา แต่รู้ไหม นี่เป็นจุดอ่อนสำคัญของธุรกิจ ฉะนั้นมาดูปัจจัยที่ทำให้ ร้านอาหารต้องพัฒนาเมนู ดีกว่า

Hyper-Personalization

อ่านใจลูกค้าออก บริการได้ตรงใจ ด้วยการตลาดแบบ Hyper-Personalization

อ่านใจลูกค้าออก บริการได้ตรงใจ ด้วยการตลาดแบบ Hyper-Personalization อยากมัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด ก็ต้องอ่านใจลูกค้าให้ออก.. ทุกวันนี้เราอยู่ในยุคที่ผู้บริโภคอยากรู้ทุกอย่าง และสามารถเข้าถึงข้อมูลทุกเรื่องได้ด้วยปลายนิ้ว ฉะนั้นการทำการตลาดแบบเดิมๆ อาจไม่ได้ผลอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการจำชื่อลูกค้า, ส่งข้อความ หรืออีเมล์ไปอวยพรวันเกิด พร้อมส่วนลดต่างๆ ซึ่งวิธีเหล่านี้กำลังจะกลายมาเป็นเพียงข้อมูลพื้นฐานสำหรับการทำการตลาดเท่านั้น ดังนั้นธุรกิจร้านอาหารหรือแบรนด์ที่จะสะกิดใจคนได้ ต้องเป็นแบรนด์ที่รู้จักและรู้ใจลูกค้า ด้วยการทำการตลาดแบบ Hyper-Personalization ซึ่งเป็นการตลาดที่เข้าถึงตัวบุคคลมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่ตรงใจลูกค้ามากกว่าที่เคย อย่าปล่อยให้เสียเวลาเปล่า เจ้าของธุรกิจทั้งหลายต้องรีบทำความเข้าใจ เรียนรู้ และปรับตัว รวมถึงเปลี่ยนรูปแบบวิธีการทำงานให้เข้ากับสถานการณ์ แล้วจะช่วยให้ลูกค้าเดินเข้าร้านได้อย่างยิ้มแย้มและเต็มใจ หัวใจของ Hyper Personalization อยู่ที่ “Big Data” ก่อนอื่นต้องอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ก่อนว่าการตลาดแบบ Hyper Personalization เป็นการนำ Big Data แบบเรียลไทม์มาใช้ในการคาดเดาความต้องการของผู้บริโภค ไม่ใช่แค่ข้อมูลจากประวัติการสั่งซื้อทั่วไป แต่เป็นการเอาข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์ออกมาเป็นพฤติกรรมการซื้อ เพื่อให้สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ว่าลูกค้าคนนี้อยากจะซื้อกับเราครั้งถัดไปเมื่อไหร่ หรือจะกระตุ้นเขาให้ซื้อได้ด้วยวิธีไหน ซึ่ง Big Data คือการนำข้อมูลรอบๆ ตัว จากหลายๆ ส่วนมาประมวล วิเคราะห์ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อ  จึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเจ้าของร้านอาหาร ที่จะนำมาวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมลูกค้า […]

Bartercard

Bartercard ทางเลือกคนทำธุรกิจ ช่วยเพิ่มยอดขาย ค่าใช้จ่ายลด

กุญแจสำคัญในการเติบโตของธุรกิจ คือ ยอดขายที่เพิ่มขึ้นและค่าใช้จ่ายที่ลดลง ดังนั้น ในยุคปัจจุบันนี้จึงมีวิธีทำการตลาดมากมาย ที่เข้ามาเป็นตัวช่วยหรือทางเลือกในการทำกำไร และช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายให้ธุรกิจของคุณ ซึ่ง Bartercard ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจของคนทำธุรกิจ ที่จะมาช่วยผู้ประกอบการในการเพิ่มยอดขาย ลดต้นทุนค่าใช้จ่าย แล้วBartercard คืออะไร จะเข้ามาช่วยผู้ประกอบการได้อย่างไรบ้าง เรามีคำตอบค่ะ   Bartercard ทางเลือกใหม่คนทำธุรกิจ ระบบBartercard (บาร์เทอร์คาร์ด) คือ ตลาดการค้าที่ประกอบไปด้วยผู้ถือบัตรกว่า 35,000 นักธุรกิจ เพื่อทำการซื้อขาย แลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างกันโดยไม่ใช้เงินสด โดยมุ่งหวังให้เกิดความร่วมมือ และการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกัน ปัจจุบันมีนักธุรกิจเข้าร่วมในระบบนี้ถึง 9 ประเทศ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือประเทศไทยด้วย สำหรับระบบการทำงานของบาร์เทอร์คาร์ดนั้น เป็นการพัฒนาการแลกเปลี่ยนซึ่งเคยเกิดขึ้นในสมัยก่อน ที่เป็นการแลกเปลี่ยนสินค้ากันโดยตรง แต่การแลกเปลี่ยนโดยตรงแบบเดิมนั้น ก็มีอุปสรรคอยู่ที่ความต้องการในการแลกเปลี่ยนอาจจะไม่ตรงกันในขณะนั้น ทำให้ไม่เกิดการแลกเปลี่ยนกันขึ้น ดังนั้น บาร์เทอร์คาร์ด จึงได้มีการพัฒนาหน่วยเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่เรียกว่า “เทรดบาท” ขึ้นมา 1 เทรดบาท จะเท่ากับ 1 บาท เปรียบเสมือนคุณมีบัญชีธนาคาร โดยสามารถใช้จ่ายในการซื้อสินค้าได้จากยอดเงินคงเหลือจากการขายสินค้าของคุณ หรือวงเครดิตปลอดดอกเบี้ยที่ได้รับจากบาร์เทอร์คาร์ด ข้อดีของ Bartercard คืออะไร? 1. […]

Follow Me

Contact

เว็บไซต์ : amarinacademy.com
บริษัท อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน)
Tel : 02-422-9999 ต่อ 4662 หรือ 4669, 092-254-0742
Email : amarin.academy@gmail.com

ติดต่อแจ้งปัญหาหรือร้องเรียน
02-422-9999 ต่อ 4180
(จันทร์ – ศุกร์ เวลา 09.00 – 18.00 น)
bdcx@amarin.co.th

สนใจลงโฆษณากับเว็บไซต์ Amarin Academy
Tel. 081-664-0666, 091-729-8060
E-mail : sineenart_ya@amarin.co.th

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.