MOU ปล่อยเงินกู้ให้ แฟรนไชส์ ใช้กิจการเป็นหลักประกันค้ำธุรกิจ
กระทรวงพาณิชย์ ลงนาม MOU ร่วมกับ SME Development Bank และธุรกิจแฟรนไชส์ปล่อยสินเชื่ออัดฉีดเงินลงทุนให้แฟรนไชส์ซอร์ขยายธุรกิจ และผลักดันคนรุ่นใหม่ Start Up เป็นผู้ประกอบการแฟรนไชส์ซีจับจ่ายซื้อธุรกิจได้อย่างมั่นใจ พร้อมคัดมาให้แล้วทั้งธุรกิจการศึกษา ค้าปลีก บริการ อาหารและเครื่องดื่ม รวม 12 ธุรกิจ อีกทั้งเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของประเทศใช้ ‘กิจการค้ำเป็นหลักประกัน’ ตอบโจทย์ SMEs เข้าถึงเงินทุนได้ง่ายๆ ตามนโยบายยกระดับ Local Economy ในชุมชนต่างจังหวัด
เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2560 นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ และ นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว. หรือ SME Development Bank) ร่วมเป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือภายใต้ “โครงการสินเชื่อสนับสนุนธุรกิจท่องเที่ยวและผู้ประกอบการท่องเที่ยวชุมชน” ระหว่าง 3 หน่วยงาน ได้แก่ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ธพว. และธุรกิจแฟรนไชส์ โดยมีวัตถุประสงค์หลักที่จะร่วมมือกันพัฒนาศักยภาพ SMEs ไทย ใน ‘ธุรกิจแฟรนไชส์’ ให้เข้าถึงเงินทุนเพื่อใช้หมุนเวียนในกิจการไม่ว่าจะเป็นการต่อยอดธุรกิจ การพัฒนาองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยี และนวัตกรรมตลอดจนการส่งเสริมการลงทุนในธุรกิจแฟรนไชส์
การดำเนินงานภายใต้โครงการดังกล่าวในช่วงที่ผ่านมา ได้จัดตั้งคณะทำงานร่วมกันคัดเลือกธุรกิจแฟรนไชส์ที่อยู่ในการส่งเสริมและพัฒนาของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อเป็นธุรกิจนำร่องสำหรับปล่อยสินเชื่อให้กับผู้สนใจลงทุนในธุรกิจแฟรนไชส์ (Franchisee) โดยจะต้องเป็นธุรกิจแฟรนไชส์ (Franchisor) ที่มีค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์และการลงทุนไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท และมีคุณสมบัติต่างๆ ตรงตามที่ SME Development Bank กำหนด โดยได้คัดเลือกแฟรนไชส์นำร่อง จำนวน 12 ราย แบ่งเป็น 4 ประเภทคือ
ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม 7 ธุรกิจได้แก่ N&B Pancake/ กาแฟดอยช้าง/ FUJIYAMA GOGO/ Billion Coffee/ ยูนนาน/แซ่บ Classic by ส.ขอนแก่น/ โชคดีติ่มซำ และ Hokkaido Milk
ธุรกิจบริการ 3 ธุรกิจ ได้แก่ OTTERI Wash & Dry/ โมลีแคร์ และ PD House
ธุรกิจการศึกษา 1 ธุรกิจได้แก่ โรงเรียนกวดวิชาและภาษาบ้านวิชากร
ธุรกิจค้าปลีก 1 ธุรกิจ ได้แก่ Teddy House
“ธุรกิจแฟรนไชส์ในข้างต้นได้ผ่านการพิจารณาแล้วว่าเป็นธุรกิจที่มีแผนธุรกิจชัดเจน และประสบผลสำเร็จในการดำเนินธุรกิจที่ผ่านมาเป็นอย่างดี ดังนั้นแฟรนไชส์ซีที่สนใจเลือกซื้อธุรกิจนี้จึงมั่นใจได้ว่าจะสามารถพาเงินทุนของท่านไปสู่ความสำเร็จได้ ลดความเสี่ยงในการลงทุนด้วยตนเอง และมีที่ปรึกษาช่วยวางแผนธุรกิจแบบมืออาชีพ และที่สำคัญจะได้รับการพิจารณาจากโครงการฯ ปล่อยสินเชื่อสำหรับนำมาลงทุนซื้อแฟรนไชส์ 12 ธุรกิจดังกล่าว โดยมีแผนการใช้ธุรกิจแฟรนไชส์ที่ซื้อมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันซึ่งแฟรนไชส์
นับเป็นธุรกิจแรกที่จะใช้หลักประกันทางธุรกิจประเภทกิจการมาค้ำประกันสินเชื่อตามพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 นอกจากนี้ภายหลังการได้รับสินเชื่อแล้วกรมฯ และ SME Development Bank จะมีการประเมินติดตามการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และเป็นพี่เลี้ยงธุรกิจคอยให้คำปรึกษาทั้งด้านการเงิน การบัญชี และการขยายกิจการพร้อมเชื่อมโยงเครือข่ายให้เกิดความเข้มแข็งแก่ธุรกิจต่อไปและหลังจากนี้จะพิจารณาแฟรนไชส์ขนาดเล็ก เพื่อให้ผู้สนใจในระดับท้องถิ่นที่ต้องการมีอาชีพเป็นของตนเอง สามารถลงทุนในธุรกิจแฟรนไชส์ได้อย่างมั่นใจและง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นการดันเศรษฐกิจฐานรากให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจของไทยให้เติบโตแบบก้าวกระโดดด้วยโมเดลธุรกิจแฟรนไชส์” อธิบดี กล่าวทิ้งท้าย
นายมงคล ลีลาธรรม กล่าวว่า ธนาคารได้ออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อเพื่อยกระดับผู้ประกอบการธุรกิจแฟรนไชส์ ภายใต้โครงการ “สินเชื่อเพื่อสนับสนุนธุรกิจท่องเที่ยวและผู้ประกอบการท่องเที่ยวชุมชน” วงเงิน 7,500 ล้านบาท เพื่อสร้างโอกาสให้คนรุ่นใหม่ หรือกลุ่ม Start Up ที่ต้องการทำธุรกิจแฟรนไชส์ สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนนำไปเริ่มต้นธุรกิจในชุมชนแหล่งท่องเที่ยว หมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (CIV) หรือภูมิลำเนา กระตุ้นให้เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ตามนโยบาย Local Economy ของรัฐบาล
สำหรับสินเชื่อเพื่อสนับสนุนธุรกิจท่องเที่ยวและผู้ประกอบการท่องเที่ยวชุมชน ผู้ประกอบการที่เป็นบุคคลธรรมดา วงเงินสินเชื่อต่อรายไม่เกิน 2 ล้านบาท กรณีจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) วงเงินต่อรายไม่เกิน 5 ล้านบาท นิติบุคคลสูงสุดต่อรายไม่เกิน 15 ล้านบาท โดยวงเงิน 5 ล้านบาทแรกไม่ต้องใช้หลักประกันสามารถใช้ บสย. ค้ำประกัน ซึ่งจะได้รับการชดเชยค่าธรรมเนียม บสย. ใน 4 ปีแรก ระยะเวลาการกู้ยืมรวม 7 ปี กรณีใช้หลักประกันตามเกณฑ์ธนาคาร คิดอัตราดอกเบี้ย ปีที่ 1 อัตราดอกเบี้ยร้อยละ MLR – 1.5 ต่อปี ปีที่ 2 เป็นต้นไป อัตราดอกเบี้ยร้อยละ MLR – 1.0 ต่อปี กรณีใช้หลักประกัน บสย. คิดอัตราดอกเบี้ย MLR ต่อปี ลูกค้าจะได้รับการช่วยเหลือค่าธรรมเนียม บสย. ฟรี 4 ปี ปีละ 1.75% รวม 7% โดยรัฐบาลช่วยเหลือ 4% และอีก 3% เป็นการช่วยเหลือจากธนาคาร ทั้งนี้ ต้องเป็นผู้ประกอบการที่ชำระหนี้ปกติตามเกณฑ์ของธนาคาร
ข้อมูล ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2560 มีธุรกิจเอสเอ็มอียื่นคำขอจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจรวม 154,622 คำขอ มูลค่าทรัพย์สินที่ใช้เป็นหลักประกัน 2,986,331 ล้านบาท โดยสิทธิเรียกร้องประเภทบัญชีเงินฝากธนาคารเป็นทรัพย์สินที่ใช้เป็นหลักประกันมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 60.39 (มูลค่า 1,802,725 ล้านบาท) รองลงมาคือ สังหาริมทรัพย์ที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ เช่น สินค้าคงคลัง วัตถุดิบ เครื่องจักร รถยนต์ เรือ คิดเป็นร้อยละ 19.35 (มูลค่า 577,508 ล้านบาท) และสิทธิเรียกร้องประเภทอื่นๆ เช่น ลูกหนี้การค้า สัญญาจ้าง สัญญาซื้อขาย สัญญาเช่าซื้อ คิดเป็นร้อยละ 20.24 (มูลค่า 604,123 ล้านบาท) ทรัพย์สินทางปัญญา คิดเป็นร้อยละ 0.07 (มูลค่า 1,975 ล้านบาท) ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าหลักทรัพย์ที่เป็นกิจการยังไม่เคยมีการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจเลย ดังนั้น หาก SME Development Bank ได้ดำเนินการปล่อยสินเชื่อให้แก่ธุรกิจแฟรนไชส์โดยใช้กิจการเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ธุรกิจ แฟรนไชส์จะเป็นธุรกิจแรกที่ใช้หลักประกันทางธุรกิจประเภทกิจการมาค้ำประกันสินเชื่อ
ที่มา: กองส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า