5 เหตุผลที่ทำให้ พนักงานร้านอาหารลาออก - Amarin Academy

5 เหตุผลที่ทำให้ พนักงานร้านอาหารลาออก

5 เหตุผลที่ทำให้ พนักงานร้านอาหารลาออก

ปัญหา พนักงานร้านอาหารลาออก ถือเป็นปัญหาที่เจ้าของร้านอาหารทุกคนต้องเผชิญ (ซึ่งทำเอาปวดหัวไม่น้อยเลย) หลายคนพยายามแก้ปัญหาด้วยการเพิ่มเงินเดือน เพิ่มสวัสดิการ แต่ก็ไม่เป็นผล อย่างนั้นมาดู 5 เหตุผลที่ทำให้พนักงานร้านอาหารลาออก กันดีกว่า จะได้หาทางแก้ปัญหาได้ถูก

1.รู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่า

พนักงานร้านอาหาร
การทำให้ พนักงานร้านอาหาร รู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า และมีประโยชน์ เป็นหนึ่งในสิ่งที่เจ้าของร้านอาหารต้องทำให้ได้

พนักงานบริการก็มีหัวใจเช่นเดียวกัน ใครๆ ก็ต้องการรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนสำคัญ ต้องการคำชื่นชมเมื่อทำงานได้ดี แต่ผู้จัดการร้านหรือเจ้าของร้านหลายคนมักมองข้าม แถมบางครั้งเมื่อพนักงานทำงานผิดพลาด ยังตำหนิด้วยถ้อยคำที่รุนแรง เช่น ทำงานอย่างนี้ไม่ต้องมาทำหรอก  กลับบ้านไปเถอะ ตำแหน่งของคุณ ใครๆ ก็ทำแทนได้ คุณคิดได้เท่านี้เองหรือ เป็นต้น

การตำหนิพนักงานอย่างรุนแรง นอกจากจะทำให้พนักงานเสียความรู้สึก และไม่ช่วยให้เขาพัฒนาตนเองแล้ว ยังอาจทำให้เขาอยากลาออกไปเสียดื้อๆ

ทางที่ดี เมื่อพนักงานทำผิดพลาด เจ้าของร้านต้องใช้คำพูดที่เหมาะสม ให้คำแนะนำ หรือเรียกมาตักเตือนเพื่อหวังให้เขาพัฒนาตัวเอง เช่น หากพนักงานทำงานผิด ต้องฟังเหตุผลว่าเพราะอะไรเขาจึงทำงานผิด หากเป็นเพราะระบบของร้านก็ต้องรีบแก้ไข แต่หากปัญหาเกิดจากตัวพนักงานเอง ก็ลองให้เขาเสนอความคิดเห็นว่าควรแก้ปัญหาหาอย่างไร จึงจะเหมาะสมที่สุด การทำเช่นนี้ นอกจากจะช่วยฝึกทักษะการแก้ปัญหาให้พนักงานแล้ว ยังทำให้เขารู้สึกว่าเราให้ความสำคัญกับความคิดเห็นของเขาอีกด้วย

2.ทำงานหนักเกินไป จนร่างกายรับไม่ไหว

เชฟ ร้านอาหาร
งานงานหนักเกินไป พนักงานครัว หรือพนักงานบริการอาจรู้สึกท้อได้

การทำงานร้านอาหารต้องเตรียมใจไว้เลยว่าร่างกายต้องมีปัญหา โดยเฉพาะอาการปวดเมื่อยเนื้อตัว เนื่องจากการเดินวนไปวนมาในร้านทั้งวัน หรือต้องยืนต้อนรับลูกค้าตลอดเวลา ปัญหาเหล่านี้แก้ไขได้ด้วยวิธีง่ายๆ คือ เจ้าของร้านต้องจัดตารางเวลาและเพิ่มสวัสดิการในร้านให้เหมาะสม

แน่นอนว่าเราไม่สามารถบอกให้พนักงานไปนั่งพัก ทั้งๆ ที่มีลูกค้านั่งรอเต็มร้านได้ แต่สิ่งที่คุณพอจะทำได้คือ จัดตารางการทำงานให้พนักงานไม่เหนื่อยจนเกินไป (คนหนึ่งไม่ควรทำงานเกิน 8 ชั่วโมง หากลูกค้ามากจริงๆ ก็ควรน้อยกว่านั้น) และอาจเพิ่มสวัสดิการพิเศษเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้เขารู้สึกว่าเราใส่ใจในสุขภาพของเขาจริงๆ

เช่น มีบริการตรวจสุขภาพประจำปี หรือมีสวัสดิการนวดคลายกล้ามเนื้อทุก 2 เดือน (การนวดครั้งหนึ่งไม่เกิน 300 บาท แลกกับ “ใจ” จากพนักงานก็ถือว่าคุ้มค่ามากๆ) หรืออาจสอบถามว่าเขาต้องการสวัสดิการใดเป็นพิเศษ หากพอจะจัดหาได้และไม่เหลือบ่ากว่าแรงจนเกินไป ก็ลองจัดหาให้ น่าจะช่วยให้พนักงานมีความสุขกับการทำงานมากขึ้น

ลองปรับระบบการทำงานหรือสวัสดิการของพนักงาน เพื่อให้เขารู้สึกว่า ทำงานกับเราไม่ต้องกลัวว่าสุขภาพจะเสีย น่าจะช่วยจูงใจให้เขาอยากอยู่กับเรามากขึ้น

3.ตารางเวลาการทำงานที่ไม่แน่นอน

จริงๆ ไม่ใช่แค่พนักงานร้านอาหารที่รู้สึกอารมณ์เสียที่เมื่อถึงวันหยุดกลับไม่ได้หยุดอย่างที่คิด (แถมบ้างร้านไม่มีวันหยุดให้พนักงานอีกต่างหาก) คุณควรจัดสรรตารางการทำงาน ให้พนักงานมีวันหยุดพักผ่อนที่เพียงพอและแน่นอน ไม่ใช่ว่าวันไหนลูกค้าเยอะก็เรียกให้เขามาช่วยงานตลอดเวลา เพราะบางครั้งเขาก็มีธุระอื่นๆ หรืออยากไปเที่ยวพักผ่อนบ้าง

แม้คุณจะจ่ายค่าตอบแทนให้อย่างสมน้ำสมเนื้อ แต่แลกกับการที่เขาต้องผิดนัดคนอื่นบ่อยๆ หรือไม่ได้ทำธุระให้เสร็จสิ้นเสียที ก็สร้างความอึดอัดใจให้เขาได้เช่นกัน ฉะนั้นวางตารางการทำงานให้แน่นอน น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด

4.ผู้จัดการร้านเข้มงวดทุกกระเบียดนิ้ว

ผู้จัดการร้านอาหาร
ผู้จัดการร้านอาหาร มีหน้าที่ดูแลการทำงานของพนักงาน แต่ต้องไม่เข้มงวดจนเกินไป จนทำให้พนักงานอึดอัด

การเปิดร้านอาหาร หากเจ้าของร้านไม่ใช่คนดูแลร้านเอง ก็จำเป็นต้องมีผู้จัดการร้าน เพื่อช่วยแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและควบคุมงานให้ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ การคัดเลือกตำแหน่งผู้จัดการร้านจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะนอกจากจะส่งผลต่อการดำเนินงานของร้านโดยภาพรวมแล้ว ยังส่งผลต่อความสุขของพนักงานอีกด้วย

เนื่องจากผู้จัดการคือผู้ที่คลุกคลีและดูแลการทำงานของพนักงานอย่างใกล้ชิดที่สุด จึงจำเป็นต้องมีคุณสมบัติสำคัญบางประการ เช่น มีภาวะผู้นำ มีความยุติธรรม เป็นกันเอง ใจกว้าง แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี ฯลฯ

ผู้จัดการร้านบางคนมีภาวะผู้นำสูง ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ขาดความเป็นกันเองก็ทำให้พนักงานอยู่กันอย่างอึดอัด หรือบางครั้งเข้มงวดจนเกินงามหรือคาดหวังในตัวพนักงานสูงเกินไป เช่น หากไม่มีลูกค้าก็ต้องยืนตลอดเวลาห้ามนั่งพัก ต้องจำส่วนผสมของทุกเมนูได้ทุกชนิด ฯลฯ ก็อาจทำพนักงานรู้สึกเหมือนถูกจับผิดตลอดเวลา ทำงานอย่างไม่ผ่อนคลายและไม่มีความสุข พานไม่อยากทำงานเสียนี่

ดังนั้นหากจะคัดเลือกผู้จัดการร้านครั้งต่อไป ต้องศึกษาอุปนิสัยของเขาให้ดี เพราะเขาคือส่วนหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้พนักงานในร้านของคุณมีความสุขหรือไม่

5.ลูกค้าถูกเสมอ

ยามเกิดปัญหาขึ้นในร้านอาหาร เจ้าของร้านมักพูดว่า “ลูกค้าถูกเสมอ” แต่จริงๆ แล้วบางครั้งพนักงานอาจทำเต็มที่ที่สุดแล้ว แต่ความต้องการของลูกค้ามากเสียเหลือเกิน จนเขาไม่อาจตอบสนองความต้องการได้ ฉะนั้นแทนที่เราจะยกประโยคสุดคลาสสิก “ลูกค้าคือพระเจ้า” (ที่พูดทีไรพนักงานก็เบือนหน้าหนีทุกครั้ง) ขึ้นมาพูดเพื่อจบปัญหา คุณควรสอบถามถึงที่มาที่ไปของปัญหาที่เกิดขึ้น แสดงให้เขาเห็นว่าคุณให้ความยุติธรรมอย่างเต็มที่

คุณลองคิดอีกแง่ว่า ลูกค้าเขาจ่ายเงินให้คุณก็จริง แต่เขาอาจจะมาใช้บริการร้านคุณเพียงครั้งเดียว แต่พนักงานที่คุณเอาแต่ตำหนิ ทำงาน (และทำเงิน) ให้คุณมานานหลายปีแล้ว

ทางที่ดี เมื่อปัญหาเกิดขึ้น คุณควรแสดงความขอโทษลูกค้าอย่างจริงใจ และพยายามกันพนักงานที่กำลังมีปัญหาออกจากสถานการณ์ดังกล่าว เพื่อบรรเทาปัญหาให้ได้มากที่สุด และค่อยหาทางออกที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายพอใจ

พอจะทราบเหตุผลหลักๆ ที่ทำให้ พนักงานร้านอาหารลาออก แล้วใช่ไหม ฉะนั้นแทนที่จะปล่อยผ่านให้เขาลาออกแล้วหาคนใหม่ (ซึ่งต้องมาเสียเวลานั่งสอนงานอีกอย่างน้อย 1 เดือน) ลองกลับมาแก้ปัญหาเหล่านี้ก่อนดีกว่า


บทความน่าสนใจ

เช็ค 10 พฤติกรรมพนักงานบริการ ที่ร้านอาหารควรปรับปรุง

เรื่องแนะนำ

เทคนิคเรียกลูกค้า

เทคนิคเรียกลูกค้า (ที่ไลก์เพจ) ให้เข้ามาใช้บริการที่ร้านอาหาร

จะทำอย่างไรให้ลูกค้าที่กดไลก์เพจ เข้ามาใช้บริการที่ร้านอาหารเพิ่มขึ้น หากคุณกำลังกังวลใจกับเรื่องนี้อยู่ ลองนำเอา 5 เทคนิคเรียกลูกค้า นี้ไปปรับใช้กัน

ส่วนผสมของ SOP กับวิธีทำคู่มือ ง่ายๆ ใครๆ ก็ทำได้

ส่วนผสมของ SOP ที่ดี และวิธีทำคู่มือมาตรฐานสำหรับร้าน อย่างง่ายๆใครก็ทำได้! ตามสัญญาจากบทความที่แล้วที่ผมได้พูดถึง เจ้า SOP (Standard Operating Procedure) หรือ “คู่มือร้านอาหาร” ว่ามันมีความสำคัญอย่างไร และ อุปสรรคของเจ้าของร้านคืออะไร .. แล้วควรมีมุมมองยังไงเกี่ยวกับเรื่องนี้กันไปแล้ว  วันนี้ผมขอแนะนำเรื่อง ส่วนผสมที่ดีสำหรับ SOP ว่ามีอะไรบ้าง สำหรับคนที่สนใจทำเจ้าคู่มือนี้ จะได้มี “ตัวชี้วัด” ง่ายๆ ไว้ใช้เป็น Benchmark หรือตัวเปรียบเทียบกันนะครับ…ไปดูกันเลย 1.ต้องสื่อสารอย่างเข้าใจง่าย และ เหมาะกับพนักงานทุกประเภท  เพราะไม่ใช่ทุกร้านที่จะมีโอกาสจ้างทีมงานเรียนจบมาจากสถาบันสอนทำอาหาร หรือมีประสบการณ์การทำงานร้านอาหารมาหลายปีแล้ว มาสมัครร้านเรา ส่วนใหญ่ที่ร้านผมเจอ จะเป็นญาติห่างๆ ของแม่บ้าน ,น้องๆ AEC หรือไม่ก็เป็น พาร์ทไทม์ วัยเรียน ที่อยากจะมาหาประสบการณ์กัน ร้านอาหารหลายๆ ร้านคงจะเข้าใจกับ ประโยคที่ว่า “พนักงานดีๆ หายาก” หรือ “อยู่ไม่ทน” มากที่สุด นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ “คู่มือร้านอาหาร” เหมาะกับ […]

ผักคะน้าคละ หรือ ผักคะน้าคัด ? เตรียมวัตถุดิบอย่างไรให้ได้จานเด็ดมัดใจลูกค้า

ผักคะน้าคละ หรือ ผักคะน้าคัด ? เตรียมวัตถุดิบอย่างไรให้ได้จานเด็ดมัดใจลูกค้า  ( SOP การเตรียมวัตถุดิบ + Portion Control = Perfect Dish ) ก่อนจะได้อาหารเลิศรสสักหนึ่งจานต้องผ่านกระบวนการต่างๆ มากมาย เริ่มตั้งแต่การซื้อวัตถุดิบ และหากว่าร้านอาหารของคุณต้องใช้ผักคะน้าจำนวนมาก แล้วคุณกำลังหาซื้ออยู่ที่ตลาดไท คุณจะเลือกผักคะน้าคละ หรือผักคะน้าคัดดีล่ะ ? สมมติว่าราคาผักคะน้าคละ ในตลาดไท ราคากิโลกรัมละ 23 บาท ก่อนจะนำมาปรุงได้ ต้องตัดใบแก่ ใบเหี่ยว ใบเหลืองทิ้ง ไป และตัดส่วนลำต้นที่แข็งออก คุณอาจจะเหลือผักคะน้าที่ใช้จริงแค่เพียง 7 ขีดเท่านั้น เท่ากับว่าต้นทุนจะไม่ใช่ 23 บาทต่อ 1 กิโลกรัมอีกต่อไป แต่จะเป็น 33 บาท ต่อ 1 กิโลกรัม   นอกจากนี้คุณยังต้องเสียเวลาไปกับการคัดแยกเอาผักคะน้าสวยๆ ออกจากกองที่คละกันอยู่อีกต่างหาก ทำให้ต้องเสียคนไปด้วยหนึ่งคนกับกระบวนการนี้ และอย่าลืมว่าวัตถุดิบ คน และเวลา […]

Follow Me

Contact

เว็บไซต์ : amarinacademy.com
บริษัท อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน)
Tel : 02-422-9999 ต่อ 4662 หรือ 4669, 092-254-0742
Email : amarin.academy@gmail.com

ติดต่อแจ้งปัญหาหรือร้องเรียน
02-422-9999 ต่อ 4180
(จันทร์ – ศุกร์ เวลา 09.00 – 18.00 น)
bdcx@amarin.co.th

สนใจลงโฆษณากับเว็บไซต์ Amarin Academy
Tel. 081-664-0666, 091-729-8060
E-mail : sineenart_ya@amarin.co.th

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.