ถอดบทเรียน การตลาดร้านอาหาร จากเทศกาลกินเจ - Amarin Academy

ถอดบทเรียน การตลาดร้านอาหาร จากเทศกาลกินเจ

ถอดบทเรียน การตลาดร้านอาหาร จากเทศกาลกินเจ

“ตลาดกินเจ มีมุลค่าสูงถึง 4,650 ล้านบาทและยังเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ จากกระแสรักสุขภาพ ทำให้ตลาดนี้น่าสนใจมากๆ ” อาจารย์ วิว ผศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดระดับประเทศ เล่าให้ผมฟังระหว่างพักเบรกการสอนที่จุฬา เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ว่าเทศกาลกินเจในปีนี้จะจบลง แต่ช่วงระยะเวลาเพียงไม่กี่วันของเทศกาลนี้ของทุกปี ทำให้เงินสะพัดหลักพันล้านบาท และยังเพิ่มมากขึ้นในทุกๆ ปี มีมุมมองด้าน การตลาดร้านอาหาร ที่น่าสนใจ ว่าทำไมเทศกาลกินเจถึงได้เติบโตอย่างต่อเนื่องแบบไม่ต้องพึ่งโฆษณา ดังนั้น ผู้ประกอบการร้านอาหารน่าจะสามารถเรียนรู้เทคนิคเหล่านี้ และนำไปปรับใช้กันได้ครับ #งานจบการตลาดไม่จบ

เทคนิคที่ 1: การตลาดด้วย “ความเชื่อ” ของคน

เทศกาลกินเจ เป็นเทศกาลนึงที่เป็นตัวอย่างได้อย่างชัดเจนสำหรับการตลาดที่อาจารย์วิวเรียกว่า “Faith Marketing หรือ การตลาดที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อของคน”

ผมขอให้อาจารย์ยกตัวอย่าง พฤติกรรมของคนทานเจ ที่นำไปทำการตลาดได้ อาจารย์ตอบทันทีครับว่า “คนกลุ่มนี้ ถ้าเราทำความเข้าใจพวกเขาจริงๆ คนไม่ได้กินเจเพราะอยากจะทำบุญอย่างเดียว แต่กินเพราะอยากทำให้ชีวิตตัวเองดีขึ้น มีความสุขมากขึ้น มีสุขภาพแข็งแรงมากขึ้น”

อาจารย์ยกตัวอย่างกลยุทธ์ คือการทำเมนูอาหารที่จะช่วยเสริมดวง ให้กับคนในแต่ละราศี “คนเกิดราศีนี้ ถ้าทานแบบนี้แล้วจะดีกับความเชื่ออะไร หรือต้องทานเมนูที่เป็นเส้นหมี่ เพื่อให้ชีวิตยืนยาว”

“ความเชื่อและศรัทธา เป็นเสมือนที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ” และการที่ร้านเอาเมนูอาหาร มาทำการตลาดคู่กับความเชื่อและศรัทธา จึงกลายเป็นส่วนเพิ่มมูลค่าให้กับอาหารและเพิ่มมูลค่าทางจิตใจให้กับลูกค้าได้

เทคนิคที่ 2: “Function” ต้องมี “Emotion” ต้องมา

อาจารย์วิว อธิบายว่า การทำร้านอาหารให้แตกต่างจากเจ้าอื่น ต้องคิดถึงทั้งเรื่อง “ฟังก์ชัน” และ “อารมณ์”ควบคู่กันไปด้วยครับ

“ร้านอาหารเจไม่ต่างจากอาหารปกติ แม้ว่าจะมีเรื่องเล่าหรือ story ดีแค่ไหน ถ้าอาหารไม่อร่อยเค้าก็คงไม่กลับมาทานอีกรอบ อันนี้เรียกว่าฟังก์ชัน หรือลักษณะพื้นฐานที่จำเป็นต้องมี”

แต่สิ่งที่ร้านอาหารส่วนใหญ่ขาดคือ การเชื่อมโยงคุณค่าทางอารมณ์ของลูกค้าให้เข้ากับเมนูอาหารของเรา

อาหารเจ มักจะมีสรรพคุณที่ดีต่อสุขภาพ “เราจะเห็นว่า ร้านอาหารเจหลายร้านจะโฆษณาเลยว่า ทานเห็ดชนิดนี้แล้วจะเป็นมงคลด้านไหน ทานผักชนิดนี้แล้วจะเป็นมงคลอย่างไร”

พูดง่ายๆ คือ เราต้องทำการบ้านว่า อาหารแต่ละชนิดมีประโยชน์ทางโภชนาการอะไร แล้วพยายามพลิกมุมคิดดูว่า ถ้าเอามาผูกกับเรื่องดีๆ สร้างให้เกิดเรื่องราว เช่น ด้านมงคลตามความเชื่อ หรือเป็นการดูแลสุขภาพให้แก่ร่างกาย ก็จะทำให้อาหารของเรามีทั้ง Function และ Emotion

เทคนิคที่ 3: มอบความหลากหลายให้ลูกค้า

“จะสังเกตเห็นว่า ธรรมชาติของลูกค้าที่ทานอาหารเจ คือ ส่วนใหญ่พอทานร้านนึงแล้ว ก็มักจะเปลี่ยนไปทานร้านอื่น ในช่วง 10 วันนี้”

การที่จะให้ลูกค้าไม่เบื่อ และมาทานอาหารเจ ที่ร้านเราบ่อยๆ ต้องใช้กลยุทธ์ทำเมนูอาหารใหม่ๆ ออกมาในทุกๆ วัน

“เราต้องรู้ว่า อาหารอะไรของร้านเราที่ขายได้แน่ๆ เราก็ต้องมีเมนูเหล่านี้ไว้ ยืนพื้นในทุกๆ วัน” “แต่เราต้องทำเมนูอาหารใหม่ๆออกมาในแต่ละวัน ที่ลูกค้าจะได้ทานเฉพาะวันนี้เท่านั้น ถ้ามาวันอื่นเมนูนี้จะไม่ขายแล้ว”

เทคนิคนี้ นำไปปรับใช้ในการทำโปรโมชั่นอาหารแนะนำ ก็ได้นะครับ

อาหารเจ
เมนูอาหารเจ ของร้านอาหารที่ต้องหมั่นเปลี่ยนเมนูใหม่ๆ ทุกวันเพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือกที่หลากหลาย

เทคนิคที่ 4: สร้างความผูกพันกับลูกค้า

“นอกจากเราจะมีอาหารที่อร่อยแล้ว แต่เราสามารถสร้างความผูกพันกับลูกค้าด้วยการสร้างบรรยากาศและพัฒนาด้านบริการได้ครับ”

การสร้างบรรยากาศเทศกาลกินเจ ด้วยการตกแต่งร้านใหม่ ให้พนักงานแต่งกายชุดใหม่ ใส่ชุดจีน หรือแม้แต่สร้างมุมหนึ่งของร้านให้เป็นที่ไหว้เจ้า หลังทานอาหารเสร็จ

รวมถึงเทคนิคการสร้างความประทับใจ เช่น พอทานอาหารเสร็จเราก็ให้กระดาษที่เป็นคำอวยพรขอให้เสริมโชค เสริมลาภ เป็นต้น

“มาทานร้านเรา ก็เปรียบเสมือนการได้สะสมบุญ มาทานบ่อยๆ ก็เท่ากับการได้ช่วยชีวิตสัตว์ และนั่นคือการทำบุญ” กูรูเฉลยเทคนิคการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าตามแบบฉบับเทศกาลกินเจ

ร้านอาหารอื่นๆ ก็สามารถตกแต่งร้าน หรือสร้างแคมเปญตามแต่ละช่วงเทศกาลเพื่อให้ลูกค้ารู้สึกผูกพันกับร้าน เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมากขึ้นเช่นกัน

เทคนิคที่ 5: ราคา ก็เป็นอีกเครื่องมือในการเล่าเรื่อง

“ในเทศกาลเจ การตั้งราคาก็สามารถนำมาใช้เป็นการตลาดสื่อสารกับลูกค้าได้เช่นกัน”

อาจารย์วิว แนะนำให้สังเกตร้านอาหารเจ บางร้านตั้งราคาเมนูเป็นเลข 8 เพราะเป็นเลขมงคลของคนจีน (ไม่แนะนำให้ตั้งเป็นเลข 0 เพราะอาจจะสื่อความหมายว่าเป็นการศูนย์เสีย)

ดังนั้น ในเทศกาลอื่นๆ ลองตั้งราคาอาหารให้สอดคล้องกับเทศกาล ให้สอดคล้องกับการสื่อสารทางการตลาด เช่น เทศกาลฮาโลวีน อาจใช้เลข 13 หรือ 31 มาใช้ในการตั้งราคาโปนโมชั่น เพื่อให้เหมาะกับเทศกาลด

ความเห็น ถามอีกกับอิก เรื่องลงทุน

สิ่งที่ย้ำกันอยู่เสมอครับ “เราต้องเข้าใจ insight ของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย”

สำหรับเทศกาลกินเจแล้ว “บางคนกินเจเพราะที่บ้านกิน ก็เลยกินตาม บางคนกินเพราะกลัวภาวะ FOMO (fear of missing out) หรือ กลัวตกกระแส บางคนกินเจ เพราะรู้สึกผิด ในแต่ละปีอย่างน้อยช่วงเวลา 10 วันนี้ก็ขอทำดีบ้าง”

อาจารย์ วิว แบ่งกลุ่มให้ผมเข้าใจภาพกว้างๆ ว่ากลุ่มลูกค้าที่กินเจ ไม่ได้แบ่งแยกตาม เพศ วัย หรืออาชีพ ตามตำราที่เราเคยเรียนมาครับ แต่แบ่งตามทัศนคติ ความเชื่อ วัฒนธรรม และไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตครับ

“ยิ่งเราเข้าใจลูกค้ามากแค่ไหน เราก็มีโอกาสทำให้ร้านอาหารของเราปังเท่านั้น” เพราะว่าเราจะสามารถสื่อสารหรือทำโปรโมชั่น ให้ตรงกับเป้าหมายของแต่ละกลุ่มได้

เพราะฉะนั้น ลองทำความเข้าใจกลุ่มลูกค้าของเราแบบเชิงลึกครับ ว่านอกจากอาหารที่รสชาติดีถูกปากแล้ว พวกเขามองหาอะไร? ทำตามคำแนะนำนี้ รับรองเทศกาลหน้า ยอดขายพุ่งแน่นอน

เรื่องแนะนำ

โปรโมทร้าน

7 เคล็ดลับ ทำอย่างไรให้ลูกค้าเต็มใจ โปรโมทร้าน 

สมัยนี้รีวิวร้านอาหารในโซเชียลมีเดียมีผลต่อการตัดสินใจของลูกค้าอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นรีวิวร้านอาหารในเฟซบุ๊ก หรือรูปร้านสวยๆ ในอินสตาแกรม ก็สามารถทำให้คนที่เห็นสนใจ อยากจะตามไปลองด้วยตัวเอง แม้แต่ความเห็นในเว็บรีวิวร้านอาหารต่างๆ ร้านไหนได้รับการรีวิวดี โอกาสที่ลูกค้าจะเลือกเข้ามาที่ร้านก็จะสูงตามไปด้วย บางร้านอาจจะ โปรโมทร้าน โดยลงทุนจ้าง Influencers แต่อีกตัวเลือกหนึ่งก็คือการรีวิวจากลูกค้าจริงที่มาใช้บริการ ถ้าร้านของเรามีความน่าประทับใจ ลูกค้าก็พร้อมที่จะถ่ายรูปเพื่อแชร์ลงในโซเชียลมีเดียอยู่แล้ว ซึ่งเป็นการบอกต่อโดยที่ร้านไม่ต้องเสียค่าโฆษณาเลย และยังดูมีความน่าเชื่อถือมากกว่าการจ้างคนมารีวิวอีกด้วย  วันนี้เราจึงมีเทคนิคดีๆ ที่คุณสามารถทำให้ร้านได้รับการโปรโมทจากลูกค้าโดยไม่ต้องซื้อโฆษณามาฝากกันนะคะ   7 เคล็ดลับ ทำให้ลูกค้าเต็มใจ โปรโมทร้าน    จัดจานเสิร์ฟให้ปัง ลองเพิ่มจุดเด่นให้แก่ร้านด้วยการตกแต่งจานให้สร้างสรรค์ คิดเมนูฟิวชั่นใหม่ๆ หรือเลือกเสิร์ฟอาหารให้น่าสนใจ เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่แตกต่างจากร้านอื่น กระตุ้นให้ลูกค้าเก่ากลับมาใช้บริการ และลูกค้าใหม่อยากมาลองสักครั้งในชีวิต ตัวอย่างเช่น อาหารจานยักษ์ที่เพิ่มปริมาณให้มากขึ้น สร้างความท้าทายแก่ลูกค้าและต้องชวนกันมากินหลายๆคน หรือกะเพราถาด ที่นำข้าวกะเพราแบบเดิมๆ มาเสิร์ฟในถาดก็สร้างความประทับใจแก่ลูกค้าขึ้นมาได้แล้วค่ะ ร้านสวยจนต้องแชร์ เพราะร้านอาหารไม่ใช่แค่ที่ทานข้าว แต่ยังเป็นที่ถ่ายรูปเช็คอินเพื่อโชว์ไลฟ์สไตล์ของตัวเองให้โลกรู้อีกด้วย ร้านที่มีธีมน่าสนใจหรือตกแต่งร้านสวยงาม มักจะมีคนแวะมาถ่ายรูปแชร์ลงในโซเชียลมีเดีย รวมถึงมีลูกค้าใหม่ๆ มาลองใช้บริการมากขึ้นตามไปด้วย แนะนำให้ใส่ใจตั้งแต่ป้ายของร้าน ชื่อร้านควรอ่านได้ง่าย ประตูร้านสวยงามดูแล้วประทับใจอยากแวะเข้ามาในร้าน มีมุมเก๋ๆ ให้ลูกค้าได้ถ่ายรูป ถ้าร้านขนาดเล็กลองใช้สีโทนสว่าง และติดหน้าต่างขนาดใหญ่เพื่อให้ร้านดูกว้างขึ้น และยังทำให้ถ่ายรูปได้แสงธรรมชาติสวยๆ อีกด้วย ลองเลือกปรับตามธีมของร้านและกลุ่มลูกค้าของคุณ เพื่อเพิ่มโอกาสที่ลูกค้าจะมาเช็กอินโปรโมทร้านดูนะคะ […]

อย่าพลาดเทรนด์ โฆษณาด้วย ASMR ทำให้ผู้บริโภคประทับใจกว่า!!

        หนึ่งในเทรนด์ที่มาแรงมากในช่วงไม่กี่ปีมานี้ คือคลิปวิดีโอ ASMR ที่มีผู้สนใจทั่วโลก เทรนด์ ASMR นี้คืออะไร? และ โฆษณาด้วย ASMR จะช่วยทำการตลาดให้ผู้บริโภคประทับใจและจดจำแบรนด์ได้ดีขึ้นอย่างไร ติดตามได้จากบทความนี้ครับ  โฆษณาด้วย ASMR ทำให้ผู้บริโภคประทับใจกว่า!! ASMR คืออะไร?         คำว่า “ASMR” ย่อมาจาก Autonomous Sensory Meridian Response หรือการตอบสนองต่อประสาทรับความรู้สึกอัตโนมัติ โดยใช้ภาพและเสียงเป็นสิ่งกระตุ้นให้สมองเกิดความรู้สึกผ่อนคลาย เหมือนได้รับการนวด เช่น การดูภาพที่มีการเคลื่อนไหวช้าๆ เป็นจังหวะ หรือเสียงกระซิบใส่ไมโครโฟน เสียงเคี้ยวอาหาร เสียงแคะหู เสียงเคาะสัมผัสสิ่งของ หรือเสียงที่ดังเป็นจังหวะซ้ำๆ โดยต้องใช้ไมโครโฟนพิเศษที่สามารถเก็บเสียงแผ่วเบาได้แบบแยกลำโพงฝั่งซ้ายขวา   ทำไมเทรนด์ ASMR ถึงเป็นที่นิยม?         ASMR ไม่ใช่เรื่องใหม่สักเท่าไหร่ แต่เริ่มเป็นที่นิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้นช่วงหลายปีมานี้ โดยเราจะเห็นคลิปการทำ […]

กลุ่มลูกค้าองค์กร

กลุ่มลูกค้าองค์กร 5 ประเภท ที่ธุรกิจเดลิเวอรี่ ควรเจาะตลาด

ในยุคปัจจุบันนี้ หลายคนคงพอทราบดีแล้วว่า ธุรกิจเดลิเวอรี่ กำลังเป็นที่นิยมและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนไป ต้องการความรวดเร็ว และความสะดวกสบายมากขึ้น ทำให้ธุรกิจนี้ยังไปต่อได้ดี โดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ที่ประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหาทั้งเรื่องฝุ่น และ ไวรัส Covid 19 ทำให้ผู้คนออกนอกบ้านน้อยลง และหันมาใช้บริการเดลิเวอรี่เพิ่มขึ้น ซึ่งนอกจากให้บริการลูกค้าทั่วไปแล้ว อีกหนึ่งช่องทางน่าสนใจที่ธุรกิจเดลิเวอรี่ควรเจาะตลาด ก็คือ การจับกลุ่มลูกค้าที่เป็นองค์กร เพราะจะช่วยให้ร้านได้ยอดขายต่อ ออเดอร์ในจำนวนที่มากกว่า ดังนั้นจึงไม่ควรพลาดที่จะเจาะกลุ่มนี้ไว้ด้วย ซึ่ง กลุ่มลูกค้าองค์กร ที่น่าสนใจ 5 ประเภท มีดังนี้   กลุ่มลูกค้าองค์กร 5 ประเภท ที่ธุรกิจเดลิเวอรี่ ควรเจาะตลาด 1. กลุ่มบริษัทเอกชน ลูกค้ากลุ่มบริษัทเอกชนเหล่านี้ น่าสนใจมากๆ เพราะบริษัทเอกชนส่วนใหญ่ มักจะมีการจัดอบรมให้กับพนักงานภายในบริษัทเป็นประจำทุกปี ในหนึ่งปีก็อาจจะมีการอบรมหลายครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งก็ต้องมีอาหาร หรือของว่างรับรองเป็นจำนวนมากแน่นอน ดังนั้น ร้านอาหารอาจมีการเสนอเมนูอาหาร เซ็ตอาหาร หรือเซ็ตของว่างให้กับบริษัท ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการติดต่อผ่านทางฝ่ายบุคคล ถ้าอยากได้ระยะยาว อาจจะลองติดต่อรับงานกันแบบทั้งปีเลยก็ได้   2. กลุ่มหน่วยงานราชการ ในกลุ่มหน่วยงานราชการนี้ ไม่ว่าจะเป็น […]

6 เคล็ดลับ การเปิดร้านอาหาร ให้ “รอด” และ “รวย”

บางคนคิดว่า การเปิดร้านอาหาร เป็นเรื่องง่ายมีเงินก็สามารถเปิดร้านได้แล้ว แต่จะเปิดให้อยู่รอดได้นั้นยากมาก แล้วเคล็ดลับที่จะทำให้ร้านอาหารอยู่รอด คืออะไร? ” การเปิดร้านอาหาร นั้นง่าย แต่ให้อยู่รอดนั้นยาก” คำกล่าวที่ใครหลายๆคนพูดไว้ ธุรกิจร้านอาหารเป็นธุรกิจสำหรับคนที่พอมีเงินลงทุน มักจะเลือกลงทุน เพราะคิดว่าเป็นธุรกิจที่ไม่ยุ่งยาก อย่างไรก็ตามกลับพบว่า ร้านอาหารที่เปิดขึ้นมากมายในแต่ละปีนั้น ปิดตัวลงไปหลายร้าน สาเหตุอาจมาจาก รายได้ไม่เป็นไปตามที่คิด เงินทุนสำรองไม่พอ ค่าใช้จ่ายสูง ในที่สุดก็ต้องปิดกิจการลง สำหรับมือใหม่ที่อยากมีอาชีพด้วยการเปิดร้านอาหาร วันนี้เรามีเคล็ดลับการเปิดร้านอาหาร ให้รอด และ รวย  มาฝากคนที่อยากทำร้านอาหารค่ะ   1.ทำเลที่ตั้ง คนที่อยากจะเปิดร้านอาหาร ไม่ว่าใครต่อใครก็อยากอยู่ในบริเวณแหล่งชุมชนคนเยอะๆ ถ้าจะให้ดีควรลงพื้นที่สำรวจและสังเกตว่ามีกลุ่มลูกค้ามากน้อยแค่ไหน ดูว่ากลุ่มคนแถวนั้นเป็นลูกค้ากลุ่มใด เช่น พนักงานบริษัท กลุ่มคนทำงานโรงงาน กลุ่มนักเรียน นักศึกษา หรือพ่อบ้านแม่บ้าน เพราะกลุ่มคนจะสัมพันธ์กับชนิดสินค้าและราคาที่เราจะขาย เช่น เราคงไม่เปิดร้านอาหาร Fine Dining ในย่านสถานศึกษาเพื่อขายนักเรียน แต่ควรขายของที่กินง่ายๆ อย่างไก่ป๊อบทอด เฟรนช์ไฟลส์ทอด ในราคาไม่แพง นอกจากนั้นต้องรู้ว่าเวลาเข้างาน พักเที่ยง เลิกงาน  เพื่อให้เรารู้ว่าเวลาไหนคนเยอะคนน้อย เตรียมของขายได้ถูกช่วงเวลา […]

Follow Me

Contact

เว็บไซต์ : amarinacademy.com
บริษัท อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน)
Tel : 02-422-9999 ต่อ 4662 หรือ 4669, 092-254-0742
Email : amarin.academy@gmail.com

ติดต่อแจ้งปัญหาหรือร้องเรียน
02-422-9999 ต่อ 4180
(จันทร์ – ศุกร์ เวลา 09.00 – 18.00 น)
bdcx@amarin.co.th

สนใจลงโฆษณากับเว็บไซต์ Amarin Academy
Tel. 081-664-0666, 091-729-8060
E-mail : sineenart_ya@amarin.co.th

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.